กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์
เทศนา คริสตจักรแบ๊บติสต์อันติโอเกีย(สวนมะลิ)) อาทิตย์ที่ 16 ก.พ. 2020
เทศนา คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง(GLC:H.I.M.) อาทิตย์ที่ 21 ธ.ค.2025
ลก10:25-28 ที่สุดของความรักคือ รักพระเจ้าที่สุด
1. ผู้เชื่อต้องรู้ความจริงนี้
2. ผู้เชื่อต้องดำเนินชีวิตตามความจริงนี้
คำนำ
25มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งยืนขึ้นทดสอบพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์ (GK166 ไม่มีจุดจบ ไม่มีหยุด อมตะ นิรันดร์)?” 26พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?” 27เขาทูลตอบว่า “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” 28พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต
ตัวอย่าง ยอดขายยาสีฟันตกลงมาอย่างมาก โรงงานจึงประกาศใครที่คิดการส่งเสริมการขายแล้วทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจะได้รับรางวัล มีนักวิชาการ นักการตลาด นักบริหาร ทำวิจัยเพื่อเสนอการส่งเสริมการขาย แต่คนที่ชนะรางวัล คือ พนักงานบรรุกล่อง ด้วยการนำเสนอขยายปากหลอดยาสีฟันให้กว้างขึ้น เพื่อให้คนใช้มากขึ้น ยาสีฟันหมดเร็วขึ้นจะได้ ซื้อมากขึ้น
ตัวอย่างนี้สะท้อนว่า คนที่รู้มีเยอะ คนที่เก่งมีเยอะ แต่คนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่ทำได้จริง ปฎิบัติได้จริง
ภาพรวมของพระธรรมตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญบัญญัติทดสอบพระเยซูคริสต์ เรื่องชีวิตนิรันดร์ (GK166 ไม่มีจุดจบ ไม่มีหยุด อมตะ นิรันดร์) พระองค์ถามเขากลับ พระองค์พบว่าเขามีความรู้เรื่องชีวิตนิรันดร์อย่างถูกต้อง พระองค์จึงทรงหนุนใจให้เขาไปทำตามที่เขามีความรู้
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง “ที่สุดของความรัก คือ รักพระเจ้าที่สุด” นี่คือหัวข้อคำเทศนาวันนี้
1. ผู้เชื่อต้องรู้ความจริงนี้ (27)
27เขาทูลตอบว่า “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน (ฉธบ6:5) และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (ลนต19:18)”
แนวคิดนี้มาจากพระบัญญัติ 10 ประการ ฉธบ5:6-21 สี่ข้อแรกสำหรับพระเจ้า ห้ามมีพระเจ้าอื่น ห้ามทำรูปเคารพ ห้ามใช้พระนามอย่างไม่สมควร จงรักษาวันสะบาโต หกข้อหลังสำหรับมนุษย์ คือ ให้เกียรติบิดามารดา ห้ามฆ่าคน ห้ามล่วงประเวณี ห้ามลักขโมย ห้ามเป็นพยานเท็จ ห้ามโลภ
เรามาดูรายละเอียดของเรื่องจงรักพระเจ้าอย่างไร?
ด้วยสุดใจของท่าน GK2588. kardia (n): ทำสิ่งที่มาจากใจจริง ไม่มีการ เสแสร้ง ไม่ใช่การแสดง
ด้วยสุดจิตของท่าน GK5590. psuché (n) เป็นฐาน(the seat of)ของความรู้สึก เต็มไปด้วยความปรารถนา ความรัก แม้แต่ความโกรธ
ด้วยสุดกำลังของท่าน GK2479. ischus (n) ทำเต็มกำลังความสามารถเท่าขอบเขตที่ตนมี
ด้วยสุดความคิดของท่าน GK1271. dianoia (n) ความคิดที่เป็นเหมือนคณาจารย์ผู้เต็มไปด้วยความเข้าใจ และเต็มไปด้วยความรู้สึก
ตัวอย่าง เหมือนรถยนต์มีสี่ล้อ หากล้อใดล้อหนึ่งรั่ว ขาด บวม ซึม ไม่เก็บลมไว้ล้อใดล้อหนึ่ง รถยนต์ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ เปรียบเหมือนชีวิตของผู้เชื่อ ถ้าเราไม่รักพระเจ้า สุดใจ สุดจิต สุดกำลัง สุดความคิด เราก็เหมือนยางล้อใดล้อหนึ่งที่ไม่มีลม เราก็ไม่สามารถรักเพื่อนบ้าน(คนอื่นๆ)ได้
เรามาดูรายละเอียดของเรื่องจงรักเพื่อนบ้านอย่างไร?
ไม่เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติคนนี้รู้เรื่องนี้ เขาตอบพระเยซูคริสต์ได้ พระองค์ก็เคยสอนเรื่องนี้ และธรรมาจารย์คนหนึ่งก็เห็นด้วยกับพระเยซูคริสต์ บอกว่าการรักพระเจ้า และรักมนุษย์ สำคัญกว่าการการถวายเครื่องเผาบูชา
มก12:29-34 พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “พระบัญญัติอันดับแรกคือ โอ ชนอิสราเอล จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว 30พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่านและด้วยสุดกำลังของท่าน
31ส่วนพระบัญญัติที่สำคัญอันดับสองคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ไม่มีพระบัญญัติอื่นใดที่สำคัญยิ่งกว่าพระบัญญัติเหล่านี้” 32ธรรมาจารย์คนนั้นจึงทูลว่า “จริงทีเดียวท่านอาจารย์ ท่านกล่าวถูกต้อง ที่ว่า พระเจ้ามีแต่องค์เดียว นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นอีกเลย 33และการที่จะรักพระองค์ด้วยสุดใจ สุดความเข้าใจ และสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ก็สำคัญกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้น” 34เมื่อพระเยซูทรงเห็นว่าคนนั้นตอบสนองอย่างมีปัญญา จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้า” ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครกล้าถามพระองค์อีก
เขาพูดในส่ิงที่พระเยซูคริสต์สอนก่อนหน้านั้นเรื่องสำคัญกว่าเครื่องเผาบูชา แสดงว่าเขามีความรู้เรื่องนี้
มธ9:13 ท่านจงไปเรียนความหมายของคัมภีร์ข้อนี้ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ ด้วยว่าเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาป”
มธ12:7ถ้าพวกท่านเข้าใจความหมายของพระคัมภีร์ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ พวกท่านก็คงจะไม่ตัดสินลงโทษพวกที่ไม่มีความผิด
(ทั้งสองตอนนี้มาจาก ฮชย6:6 จากสองตอนนี้จะอธิบายต่อไปในการแสดงออกเป็นภาคปฎิบัติ จาก ลก10:37 ในประการที่ 2 ต่อไป )
ข้อคิดทำไมเรื่องที่สุดของความรัก คือ รักพระเจ้าที่สุด
(1) ถ้าเรารักพระเจ้าที่สุด เราจะรักคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องคริสเตียน คนไม่เชื่อ คนไม่ชอบ คนที่มีความขัดแย้งหรือแม้กระทั่งรักคนที่เป็นศัตรูได้
การที่เรารักพระเจ้าที่สุด และเรารักคนอื่นได้ เพราะเราได้รับความรักจากพระเจ้า
(2) การที่เรารักพระเจ้าที่สุด และเรารักคนอื่นได้ เพราะเราได้รับความรักการยกโทษความผิดบาปจากพระเจ้า จนเรายกโทษให้คนอื่นได้ เรื่องความรักพระเจ้ากับการยกโทษบาปเกี่ยวข้องกับการรับชีวิตนิรันดร์
หลักการต่อจากนี้สำหรับการสนับสนุน เหตุ 2 ประการตอนต้น คือ เปโตรถามพระเยซูคริสต์ว่า เขาต้องยกโทษพี่น้องกี่ครั้ง พระเยซูคริสต์สอนเรื่องทาสที่ไม่ยอมให้อภัย
มธ18:32-35ท่านจึงเรียกทาสนั้นมาตรัสว่า ‘ไอ้ข้าชั่วร้าย เรายกหนี้ให้เอ็งทั้งหมด ก็เพราะเอ็งอ้อนวอนเรา 33เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน เหมือนเราเมตตาเอ็งไม่ใช่หรือ?’ 34แล้วเจ้าองค์นั้นก็กริ้ว จึงทรงมอบทาสคนนั้นไว้ให้เจ้าหน้าที่ทรมานจนกว่าจะใช้หนี้หมด 35พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะทรงทำต่อพวกท่านอย่างนั้น ถ้าพวกท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจของพวกท่าน”
พระเยซูคริสต์สอนฟารีสีเรื่องการยกโทษบาป สัมพันธ์กับความรักจากหญิงคนบาปได้รับการยกโทษจากพระเยซูคริสต์
ลก7:41-47 พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเดนาริอัน(ค่าจ้างของคนงานหนึ่งวันมธ20:2) อีกคนหนึ่งเป็นหนี้ห้าสิบ 42เมื่อเขาไม่สามารถใช้หนี้ได้ ท่านจึงยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า?” 43ซีโมนจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นคนที่นายยกหนี้ให้มาก” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินได้ถูกต้อง” 44พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูหญิงคนนั้น แล้วตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงคนนี้ใช่ไหม? เมื่อเราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่านไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางเอาน้ำตาล้างเท้าของเรา และเอาผมของนางเช็ด 45ท่านไม่ได้จูบเรา แต่หญิงคนนี้ไม่ได้หยุดจูบเท้าของเราเลยนับตั้งแต่เราเข้ามา 46ท่านไม่ได้เอาน้ำมันมาชโลมศีรษะของเรา แต่นางเอาน้ำมันหอมมาชโลมเท้าของเรา 47เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่าบาปต่างๆ ของนางซึ่งมีมากมายนั้นได้รับการยกโทษแล้วเพราะนางรักมาก แต่คนที่ได้รับการยกโทษน้อยก็รักน้อย”
“ทุกวันนี้มีปัญหาจากสงคราม ความแตกแยก การทะเลาะเบาะแว้ง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การฆ่า การทำลาย การขัดแย้ง ทั้งหมดนี้เป็นส่ิงที่ตรงกันข้ามกับคำสอนของพระเจ้าทั้งส้ิน”
เพราะคนเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้รับความรักจากพระเจ้า ไม่ได้รับการยกโทษบาปจากพระเจ้าพวกเขาจึงไม่สามารถสร้างสันติ สร้างความสุข ยกโทษให้อภัยกันได้ เพราะถ้าพวกเขาได้รับความรักจากพระเจ้า พวกเขาได้รับการยกโทษบาปจากพระเจ้า พวกเขาจะรักคนอื่นเหมือนที่พระเจ้ารัก ยกโทษคนอื่นเหมือนที่พระเจ้ายกโทษ
2. ผู้เชื่อต้องดำเนินชีวิตตามความจริงนี้
28พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต” พระเจ้ามีสติปัญญามาก ให้ข้อสังเกตทำให้เรารู้ได้ว่า คนที่บอกว่าเขารักพระเจ้า จริงๆไหม คือ ดูว่าเขาปฎิบัติได้ไหม คือ ดูว่าเขารักคนไหม
ข้อ 29 คนนั้นต้องการรักษาหน้า จึงทูลถามว่า ใครคือเพื่อนบ้านที่เขาต้องไปรักพระเยซูคริสต์ตอบในข้อ 37 คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา
เรามาดูรายละเอียดของเรื่องจงรักเพื่อนบ้านอย่างไร เป็นภาคปฎิบัติ
คำตอบ คือ รักเหมือนรักตนเอง
โดยอธิบายเรื่องความเมตตาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนิรันดร์ ชีวิตนิรันดร์เกี่ยวข้องกับความรักพระเจ้า และรักเพื่อนบ้าน
เหตุผลที่ผู้เชื่อทุกคนต้องดำเนินชีวิตตามความจริงนี้
ความรักของพระเจ้า คือ การยกโทษบาปให้คุณ แต่คุณต้องคืนดีกับพระเจ้า ไม่เป็นศัตรูกับพระเจ้า พระเยซูคริสต์สอนให้แสดงความเมตตา
มธ5:7 “คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุขเพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ
คนที่รักเราในโลกนี้ อาจจะให้ทุกส่ิงในชีวิตของเขากับเรา แต่ไม่สามารถยกโทษบาปผิดของเรากับพระเจ้าได้ มีแต่พระเยซูคริสต์ผู้เดียวที่ยกโทษบาปให้เราได้
ฮบ4:16 ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ
การยกโทษเป็นการแสดงออกถึงความรัก ส่วนการรักเพื่อนบ้าน และการแสดงความเมตตาต่อผู้คน เป็นการปฎิบัติที่ไปไกลกว่าการยกโทษ
ส่ิงเหล่านี้พระเจ้าทำให้เราทั้งหลายดูแล้วคือ ส่งให้พระเยซูคริสต์มาตายไถ่บาป เพื่อยกโทษบาป นำการคืนดีระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ นี่คือ เมตตา เว้นโทษตาย เว้นโทษประหาร ให้กับคนบาป คนทำผิดกับพระเจ้า
2คร5:18-19 สิ่งทั้งหมดนี้เกิดจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกับพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ และประทานพันธกิจในเรื่องการคืนดีนี้แก่เรา 19 คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกับพระองค์โดยพระคริสต์ ไม่ทรงถือโทษในความผิดของพวกเขา และทรงมอบเรื่องราวการคืนดีนี้ให้เราประกาศ
พระเยซูคริสต์บอกให้ผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติที่รู้ความจริงเรื่องนี้ไปทำแบบที่รู้ เมื่อเขาบ่ายเบี่ยงไม่อยากทำ เขาเลยถามว่าใครคือ เพื่อนบ้านของเขา
ถ้าคุณอยากเป็นคนมีความสุขแท้จริง คุณต้องเป็นที่รัก เริ่มจากเป็นที่รักของพระเจ้า ไม่ใช่ศัตรูของพระเจ้า
หลังจากนั้นจึงดำเนินชีวิตให้เป็นที่รักของคนอื่น ด้วยการรักคนอื่น ยกโทษให้คนอื่น ถ้าคุณไม่ยกโทษคน คุณจะรักคนไม่ได้ เมื่อคุณไม่รักคน คุณก็จะหาทางทำลายเขา เป็นศัตรู คุณจะไม่มีความสุข คุณอาจไม่ได้รับความรอดของพระเจ้า และไม่ได้รับชีวิตนิรันดร์ในที่สุดด้วย
คำถามคือ ผู้เชื่อควรปฎิบัติอย่างไร?
มีชีวิตติดสนิทในความรักของพระเจ้า อธิษฐานขอพระเจ้าให้ก้าวข้ามผ่านการทดสอบทดลอง ยินดียกโทษให้กับทุกคน ยินดีที่จะรักทุกคนเหมือนรักตนเอง และเมตตาต่อคน
ลก10:37 เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตา (GK1656 แสดงออกถึงความสงสาร ควมเห็นอกเห็นใจ ความเมตตา จ่ายราคา ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ รากศัพท์ มาจากพันธสัญญาแห่งความรัก ความเมตตาจึงเป็นการแสดงออกถึงการจงรักภักดีต่อพันธสัญญาของพระเจ้า )
ต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”
ขอสรุปคำเทศน์วันนี้ด้วยพระคัมภีร์เพื่อให้เราไปใคร่ครวญทำตาม
ยก2:8 ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” พวกท่านก็ทำดี
ยก2:8 ถ้าพวกท่านปฏิบัติตาม(GK5055) หมายถึง การปฎิบัติให้สำเร็จ สมบูรณ์ ตามที่ถูกสั่ง
ธรรมบัญญัติ(GK3511) หมายถึง ธรรมบัญญัติของโมเสส
ของพระเจ้าอย่างแท้จริงตาม
พระคัมภีร์(GK1124) หมายถึง หนังสือทุกเล่ม หรือเนื้อหาของพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูศักดิ์สิทธิ์
ที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้าน(Gk4139) หมายถึง ใกล้ ใกล้เคียง เพื่อนบ้าน
เหมือนรักตนเอง”
พวกท่านก็ทำดี(GK2573) หมายถึง ทำอย่างเที่ยงธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต
ยก2:13 เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา
ยก2:13 เพราะว่าการพิพากษา(GK2920 : krisis(n) การพิพากษาตัดสินในแง่กฎหมายของพระเจ้า หรือของพระเยซูคริสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม และความไม่เป็นธรรม ความถูกและความผิด )
ย่อมไม่เมตตา(GK 448: anileos(adj) ใช้ครั้งเดียวในยก2:13 ในแง่การปราศจากความเมตตาในการจงรักภักดีต่อพันธสัญญาของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์
รากศัพท์มาจากคำว่าa=without+Gk2436 hileso=propitious=เป็นมงคล เป็นประโยชน์ เป็นลางดี ,appeased=สำราญใจ ปิติยินดี )
ต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา(GK4160 : poieo(v) แสดงตนเองเป็นคนดีมีเมตตา ในความหมาย การกระทำ เป็นการการทำวิธีการบางอย่างในการแสดงออกเป็นการกระทำตามความรู้สึก และตามความคิดจิตใจ ในที่นี้คือ กระทำความเมตตา แสดงออกจากความรู้สึก ความคิดจิตใจ คือ เมตตา )
ความเมตตา(GK 1656:eleos(n) มาจากภาษาฮีบรู2617 หมายถึง พันธสัญญาแห่งความจงรักภักดี พันธสัญญาแห่งความรัก ใช้ในพระคัมภีร์เดิมถึง 170 ครั้ง ใช้คำนี้ในที่นี้ หมายถึง เมตตาต่อมนุษย์ด้วยกันโดยมีความจงรักภักดีต่อพันธสัญญาของพระเจ้า )
ย่อมมีชัย(GK2620 :katakauchaomai(v) เต็มไปด้วยความยินดี ความมั่นใจ ไม่มีความกลัวการพิพากษา )
เหนือการพิพากษา
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com