อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี อา 2 ธ.ค.18
คริสตจักรสะพานเหลือง รอบบ่ายกลุ่มสดุดี
(ความรัก) ผลของพระวิญญาณกับการรับใช้
ทุกวันนี้มีคนสอนผิดเพี้ยนมากมายบนพื้นฐานของพระคริสต์ ผิดเพี้ยนจากพระคัมภีร์โดยคริสเตียน ไม่ใช่สอนผิดเพี้ยนตามปรัชญาของโลก แต่เราที่เป็นผู้เชื่อต้องฟังด้วยสติปัญญา รู้จักแยกแยะคำสอนจริงตามพระคัมภีร์ได้ถูกต้อง
ในความเป็นจริงแล้วไม่มีผู้รับใช้คนใดสมบูรณ์แบบ ไม่มีผิดพลาดหรือบกพร่องเลย ความเป็นจริงคือผู้รับใช้แต่ละคนมีข้อบกพร่องแต่ละอย่าง แต่ละเรื่อง แต่เราต้องฟังให้ออกว่าสอนถูกหรือไม่ หากมีความคับข้องใจก็ถามนะครับ
พระเยซูถูกทดลองจากมารด้วยคำสอนของพระเจ้า แต่พระเยซูไม่สนใจทำตามมาร และบอกมารว่ามันผิดอย่างไรถึงสามครั้ง
วันนี้ที่จะสอนเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์กับการรับใช้อย่างเกิดผล เราต้องรู้ความจริงที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ 3 ประการก่อน
1.ในการรับใช้พระเจ้าจะเกี่ยวข้องกับพระเจ้า หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์
หมายถึง การรับใช้พระเจ้าต้องมาจากฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ต้องพึ่งพาพระเจ้า อย่าพึ่งพากำลังของตนเอง เพราะเมื่อเราพึ่งพากำลังของตนเองเราจะไปถึงจุดของความท้อใจ ถ้าพี่งพากำลังของตนเอง เราจะเหนื่อย เราจะเบื่อ จะบ่นทำนองว่าเมื่อไหร่จะหมดวาระประธานกรรมการสักที เราจะเลิกรับใช้ และในท้ายที่สุดเราจะชวนคนอื่นเลิกรับใช้ด้วย เช่น คิดดีหรือเปล่าจะมาเป็นประธานกรรมการกลุ่มสดุดี
2.การรับใช้สำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
2ธส1:11เพราะเหตุนี้ เราจึงอธิษฐานเพื่อพวกท่านเสมอ ขอพระเจ้าของเราทรงให้ท่านเป็นผู้ที่สมควรแก่การทรงเรียกนั้น และขอพระองค์ทรงให้ความตั้งใจดีทุกประการ และกิจการแห่งความเชื่อทุกอย่างสำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
การรับใช้พระเจ้าต้องพึ่งพาของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 1คร12:
บอกว่าพระเจ้า ให้ของประทานเพื่อรับใช้พระเจ้า ไม่ใช่ประกอบอาชีพ ผมเคยเจอดร.ทางศาสนศาสตร์ไปสมัครงานอาจารย์มหาวิทยาลัยทางฝ่ายโลก ซึ่งมหาวิทยาลัยก็รับดร.ท่านนี้ทำงาน แต่ในความเป็นจริงๆดร.ท่านนี้ควรมารับใช้พระเจ้า เพราะการรับใช้พระเจ้าไม่ใช่ประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพมีหลักสำคัญคือ เอาประโยชน์ตนเองเป็นศูนย์กลาง ทำงานเพื่อได้เงิน เพื่อให้ได้ความสำเร็จ
แตกต่างจากการรรับใช้พระเจ้าที่เอาพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง การรับใช้พระเจ้า ทำให้จิตวิญญาณของผู้อื่นเจริญเติบโต บางคนก็มีของประทานแตกต่างกัน เช่น รักษาโรค ความเชื่อ ขับผี เป็นต้น
3. ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวข้องกับการรับใช้
ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีผลเก้าอย่าง ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการรับใช้พระเจ้าทั้งสิ้น การรับใช้พระเจ้าต้องใช้ชีวิตของเราที่เต็มล้นไปด้วยผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งส้ิน ซึ่งผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์เปรียบเหมือนส้มลูกหนึ่งประกอบไปด้วยหลายๆส่วน เมื่อเราแกะเปลือกก็มีกลีบ แต่ละกลีบแยกออกจากกันได้
ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีความแตกต่างกันได้ แยกจากกันได้ แต่รวมกันเป็นผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เหมือนสมองพระเจ้าสร้างมามีพื้นที่น้อย แต่ให้มีความจำเยอะ เพื่อให้ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการจดจำพระคัมภีร์ ไม่ใช่ให้คิดทำบาป เรามาดูพระธรรมที่กล่าวถึงผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์
กท5:22-23 ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ 23ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
ทั้งเก้าอย่าง มีไว้สำหรับเราเพื่อเราจะสามารถรับใช้พระเจ้าอย่างสร้างสรรค์ได้ เราไม่ต้องไปเล่นบทบาทของพระเจ้าในวันที่พระเจ้าพิพากษา ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเรา เพราะจะมีการลงโทษ มีการทำลายล้าง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้าผู้เดียว
หน้าที่ของเราในการรับใช้ต้องสร้างกำลังใจ สร้างสรรค์ ไม่ประชด ตำหนิ อย่าให้คำพูดบางคำเช่น เก่งนักเนี่ยทำคนเดียวไปเลย หลุดออกมาจากปากเรา
ความรักนำไปสู่การสร้างสรรค์
ความรัก แปลว่า ไม่มีการทำลายล้างในความรัก ความรักนำส่ิงใหญ่ๆ หรือนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตคนที่มีความรัก 5 ประการ
1.ความถ่อมใจ
เรารักใครจะถ่อมใจต่อคนนั้น ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้
2.สุภาพอ่อนโยน
เรารักใครจะไม่หยาบคายกับใครที่เรารักเลย แต่เวลาเราไม่รักใครเราก็จะหยาบคายใส่คนนั้น
3.ทำให้เรารู้จักการร่วมมือ
หากเรารักใครเรายินดีที่จะทำงานให้คนที่เรารัก งานของพระเจ้าไม่ใช่งานที่สามารถทำได้เพียงคนเดียว บางคนร่วมมือโดยเป็นBoss ทำหน้าที่บริหารจัดการ
4.ทำให้ยินดีทำงานด้วยความยินดี
หากเรารักใคร เราทำงานถวายหัวเลย เวลาไม่รักก็ไม่ยินดี ต่อให้มาขอให้ทำ เราก็จะถามว่ามือคุณไม่มีหรือไง
5. ทำเพื่อคนอื่น
หากเรารักใครเราจะไม่ทำเพื่อเราจะได้อะไร แต่ทำเพื่อคนที่เรารักจะได้อะไรสังเกตเวลาคนมาชวนเราไปทำอะไรกับเขา คนก็จะถามว่าทำแล้วจะได้อะไร แต่คริสเตียนไม่เพียงถามว่ามาเชื่อแล้วจะได้อะไร แต่ต้องจ่ายอย่างน้อยสิบลดอีก
ดังนั้นคนรับใช้พระเจ้าต้องดำเนินชีวิตเพื่อผู้อื่น 2คร5:15และพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อทุกคน เพื่อบรรดาคนที่มีชีวิตอยู่จะไม่อยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย
รับใช้พระเจ้าตามแบบพระคริสต์ คือ อยู่เพื่อคนอื่น ตายเพื่อคนอื่นไม่ใช่ตายเพื่อตนเอง การรับใช้พระเจ้า จึงต้องมีความรักของพระเจ้าจริงๆ ไม่อย่างนั้นเราจะรับใช้พระเจ้าไม่ได้
เวลาเราชิงชังใครเราก็ไม่อยากฟังคนนั้น ความรักของมนุษย์ถูกกำหนดด้วยเหตุผลตามความคิดของเขาที่เห็นดี เห็นชอบแตกต่างกัน เช่น บางคนรักคนตามความน่ารักของคน เช่น เด็กร้องไห้ไม่หยุดตีสามก็ไม่หยุด เขาจะรู้สึกเกลียดเด็ก ถ้าต้องจ้างคนมาเลี้ยงเด็กคนรับจ้างก็ไม่อยากมาเลี้ยงเด็ก ความรักของมนุษย์เราจำกัดอย่างมาก ความรักของเราจึงไม่เพียงพอที่จะรับใช้ผู้อื่น
ดังนั้นเราจึงต้องรับความรักจากพระเจ้าเพื่อจะรับใช้
เพราะว่าความรักของพระเจ้าไม่ได้ถูกกำหนดด้วยเหตุผลแบบมนุษย์ เรามาดูว่าความรักของพระเจ้าที่สอนในพระคัมภีร์เป็นอย่างไร
A รักคนที่น่าเกลียดด้วยคือ รักศัตรู
มธ5:43-47 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า‘จงรักเพื่อนบ้านของท่าน และเกลียดชังศัตรูของท่าน’ 44แต่เราบอกพวกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน 45เพื่อว่าพวกท่านจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม 46เพราะว่าถ้าพวกท่านรักคนที่รักท่าน พวกท่านจะได้บำเหน็จอะไร? พวกคนเก็บภาษีก็ทำอย่างนั้นไม่ใช่หรือ? 47ถ้าพวกท่านทักทายแต่พี่น้องของตนเท่านั้น ท่านได้ทำอะไรพิเศษยิ่งกว่าคนอื่นๆ? พวกต่างชาติก็ทำอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?
งานของพระเจ้าคือ ทำให้ศัตรูกลายเป็นมิตรของเรา
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่เราควรเป็นศัตรู เราอาจมีความขัดแย้งกับคนอื่นทางผลประโยชน์ หรืออาจมีความเข้าใจผิด หรือมีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์เราไม่ใช่ตั้งป้อมเจอใครก็ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อกันเลย แต่เป็นเพราะปัญหาความขัดแย้งต่างๆ จึงทำให้เป็นศัตรูต่อกัน
มารก็พยายามให้คนทำลายกัน แต่คริสเตียนทำให้คนเป็นมิตรกันโดยการรักเขา พระคริสต์ตายเพื่อเราทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเป็นศัตรูกับพระองค์ ความรักที่พระเจ้าสอนคริสเตียน คือ ให้เรารักศัตรูของเราให้ได้ ขอพระเจ้าช่วยเราให้เรียนรู้การรักศัตรู
เมื่อเรามาถึงงานรับใช้พระเจ้าไม่ว่าจะทำหน้าที่ตำแหน่งใด งานรับใช้เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคน ไม่ควรต่ำกว่า95%เกี่ยวข้องกับคน ที่เหลือเป็นงานเอกสาร เป็นนโยบาย ซึ่งไม่ควรเกิน 5% ที่เหลือล้วนแต่เป็นคนทั้งสิ้น พระเยซูออกไปรับใช้แต่เช้าก็เจอคน ส่วนใหญ่เป็นคนเดือดร้อน มีปัญหา เป็นคนที่รอความช่วยเหลือ คนขอทาน คนง่อย หรือแม้แต่คนที่ถูกผีเข้า
พระเยซูไปทำกิจท่ามกลางคนมากมาย หนึ่งในนั้นมีคนผีเข้าซึ่งไม่น่ารักเลย แต่น่ากลัวมากกว่า เคยเห็นการขับผีแล้วคนมีอาการอาเจียนเขียวๆออกมากลิ่นเหม็นมากๆ มิชชั่นนารีคนที่ขับผีไม่ได้แสดงความรังเกียจเลย คนที่ผีเข้าก็ล้อเลียน พระเยซูแสดงความไม่น่ารักเลย แต่ผู้รับใช้ก็ช่วยเขาจนกระทั่งผีออกเมื่ออธิษฐาน
คนที่เรารับใช้อาจกระทบกระเทือนความรักต่อเรา สารพัดรูปแบบแต่เราต้องรักเขา ไม่ทะเลาะกับใครถ้าเรารักใคร เราจะไม่อยากเอาชนะเขา ทะเลาะกับเมียแพ้ทุกที ทะเลาะกันแล้วภรรยาร้องไห้เราก็แพ้แล้ว เวลาลูกมีปัญหาเราก็ควรจะฟังๆๆๆๆไม่ใช่ทะเลาะกับลูก
สภษ25:21-22 ถ้าศัตรูของเจ้าหิว จงให้อาหารเขากินและถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม22เพราะเจ้าจะสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขาและพระยาห์เวห์จะประทานบำเหน็จแก่เจ้า
พระเจ้าสอนให้เราช่วยศัตรูเพราะพระเจ้าจะเป็นผู้ตอบแทนเรา
ถ้ามนุษย์ตอบแทนเราก็ดี แต่เวลาพระเจ้าตอบแทนเรา คุณค่าสูงมากชั่วนิรันดร์ ของตอบแทนจากมนุษย์เราเอาไปไม่ได้เมื่อเราตาย แต่ของพระเจ้าติดตัวเราไปได้
B รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ปัญหาคือ ถ้าวันไหนเราเกลียดตัวเองขึ้นมา เราจะไม่สามารถรักเพื่อนบ้านได้เลย เช่น ขมขื่นกับแม่ไม่อยากเป็นลูกแม่เลย ความเป็นจริงแล้วบริบทของพระคัมภีร์ ให้ขอบเขตว่าเวลาควรจะทำอะไรกับเพื่อนบ้านโดยมีสมมติฐานให้เราคิดถึงหัวอกตัวเองก่อน จนกระทั่งเราสามารถรักเพื่อนบ้านเหมือนที่พระเจ้ารักเขา พระองค์พร้อมตายเพื่อเขาแม้เขาจะด่าพระองค์
ความรักต้องมีการพัฒนา ความรักจะไปไกลกว่าเหตุผล และสามารถอยู่เหนือเหตุได้ ความรักนั้นเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เคยถามบ่าวสาวเวลาแต่งงาน คุณจะแต่งงานเพราะรักเขาด้วยเหตุผลๆๆๆๆๆๆ หลากหลาย แต่เหตุผลเหล่านั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้
คส3:14แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์
ความรักผูกพันทุกสิ่งให้สมบูรณ์ พระเจ้าบอกให้เราสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ แสดงว่าเราต้องไปอ่านตั้งแต่ข้อต้นๆ ความรักเป็นลักษณะชีวิตที่เราควบคุมได้ เราทำได้ แต่เราจะทำหรือไม่ทำ เช่น
ถามว่าเรารักศัตรูได้ไหม คำตอบคือ ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าทำได้แต่จะทำหรือไม่ทำ
บางคนอาจจะบอกว่า อาจารย์ไม่รู้หรอกว่าเขาทำร้ายหนูมากขนาดไหน ทำร้ายมากแค่ไหน หนูยกโทษให้เขาไม่ได้หรอก หากเรารักได้ เราจะไม่มาถึงการหย่าร้างเพราะเรามีความรัก อย่าให้ความรักจืดจางลง
1คร13:4-8 ความรักของพระเจ้าไม่มีวันสูญสิ้น แต่ความรักของมนุษย์มีศักยภาพการรองรับความรัก แตกต่างไปตามระดับความรุนแรงที่รับได้แตกต่างกัน ความรักของบางคนแค่โดนตะคอกก็เลิกรักแล้ว บางคนถูกด่าว่าหนักๆก็ยังคงรักได้อยู่ แต่ในที่สุดก็อาจจะทนไม่ไหว อาจะจบเลิกรักกัน
เราต้องรู้จักซึมซับความรักของพระเจ้าเข้ามา เราจะได้ไม่มีปัญหาขัดแย้งกับคนอื่น เพื่อเรายังช่วยเหลือกันและกันได้ ภรรยาที่ฉลาดอย่าไปทะเลาะกับสามี ไม่ควรคุยกันไม่ดี ให้คุยกันดีๆ อย่าทำให้ภรรยาสามีวางตัวต่อกันยากลำบาก เมื่อถึงเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกัน
1ปต4:8 หนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้
พระคัมภีร์สอนให้เราจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะความรักลบล้างความผิดมากมายได้ ความรักทำให้เราไม่ถือสาไม่ถือโทษโกรธกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นความผิดในปัจจุบันหรือแม้แต่ในอนาคต ถ้าเราจะรับใช้พระเจ้า ความรักเป็นหัวใจสำคัญอย่างมากในการรับใช้
C เรียนรู้จะรักพระเจ้า
ยน21:15-17 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ?” เขาทูลพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด” 16พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” 17พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เปโตรเสียใจมากที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด
พระเจ้ารับคนที่รักพระเยซูเพื่อให้มารับใช้ไ ม่ใช่รับทุกคนที่ต้องการจะรับใช้
พระเยซูมอบงานให้เปโตรเพราะเขารักพระองค์
พระองค์ให้เขาเลี้ยงแกะของพระองค์ พระเจ้ามอบงานให้คนที่รักพระองค์
ผลของพระวิญญาณคือ ความรัก พระเจ้าให้ความรักเพื่อให้เรารับใช้พระเจ้า เมื่อเราเติบโตขึ้น เราจะเปลี่ยนจากการขอให้พระเจ้ารักเรา เปลี่ยนเป็นเราขอรักพระเจ้าให้มากขึ้น
1ปต5:1-4 เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตักเตือนบรรดาผู้อาวุโสในพวกท่าน ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นทั้งผู้อาวุโส และเป็นพยานถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และเป็นหุ้นส่วนที่จะรับศักดิ์ศรีที่กำลังจะปรากฏ 2จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน [โดยเอาใจใส่ดูแล] ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ [ตามพระประสงค์ของพระเจ้า] ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น 3และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาปรากฏ พวกท่านจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันร่วงโรย
เราจะรับใช้พระเจ้าได้โดยเราต้องมีพื้นฐานความรักแบบพระเยซู พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ เป็นต้นแบบให้เราทำตาม
เมื่อเรามีความรัก ความเต็มใจความเต็มที่ เราก็จะรับใช้พระเจ้าด้วยความรักพระเจ้า ไม่ใช่รับใช้เพราะมีความโลภในทรัพย์สิน เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ หรือตำแหน่งประธาน
เรารับใช้พระเจ้า เราทำเพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติ ไม่ใช่เรารับใช้โดยทำตามคนอื่นๆ หรือเรารับใช้ไม่ใช่รอให้มีคนมาชมหรือไม่ชม เราไม่ต้องขมขื่นในการรับใช้ ไม่ต้องไปเคืองใจ หากมีความผิดพลาดที่เราทำไป มีคนมาต่อว่าเรา ขอให้เราฟัง แล้วขอโทษ เราไม่ต้องไปแก้ตัว เพราะมันก็จะเหมือนคนที่มาต่อว่าเราเขาจะเห็นว่าเราแก้ตัวไม่ยอมรับความผิด ก็ยังคงทำให้มีความบาดหมางใจกัน
ในเมื่อเราไม่ได้มีความตั้งใจในการทำให้เขาบาดเจ็บอยู่แล้ว การแก้ไขความผิดไม่แก้ตัวจะทำให้เราได้พี่น้องของเรากลับคืนมา
ความรักไม่มีวันสูญส้ิน ดูจากที่พระเยซูถามเปโตรว่า รักพระองค์ไหม ตอนแรกเขาเคยปฎิเสธพระองค์ถึงสามครั้ง ตอนหลังเปโตรไม่ปฎิเสธพระองค์เลยแม้เขาต้องถูกข่มเหงจนตาย แม้ที่ผ่านมาเขาผิดพลาด
ความรักทำให้ไม่ปฎิเสธใคร ตัวอย่างแม่อ.ประยูร ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ อาจารย์ไม่มีความรู้สึกรังเกียจแม่เลย เราควรรักคนตามแบบที่พระเจ้ารัก เพราะเขาถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า แม้ว่าเขาได้ทำผิดบาปต่อเรา แต่เมื่อเรามีความรักเหมือนพระองค์ที่ไม่สูญสิ้น เราก็จะไม่เลิกรับใช้
ด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า เราจะไม่เหนื่อย เราจะไม่ท้อ เราจะไม่เลิก เราจะไม่เบื่อ เราจะไม่ชวนคนอื่นเลิกรับใช้
คส1:11ให้พวกท่านมีกำลังด้วยฤทธานุภาพทั้งสิ้นตามอานุภาพแห่งพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ท่านมีความทรหดอดทน และมีความอดทนในทุกสิ่ง พร้อมทั้งมีความยินดี
ให้มีความทรหดอดทนนาน ด้วยความยินดี เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สัมพันธ์กับความรัก ความรักนั้นก็อดทนนาน อดทนด้วยความขมขื่นจะทำให้อดทนได้ไม่นาน แต่การอดทนด้วยความยินดีจะทำให้เราอดทนได้นาน
ดังนั้นขอให้เรารับใช้ด้วยความรัก เราจะอดทนนานด้วยความยินดี
1ยน3:18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
ขอให้เรารักกันด้วยการกระทำและความจริง ขอให้ความรักที่มีต่อกันและกันเช่นพระธรรมตอนนี้ ปรากฎเป็นความจริงท่ามกลางเราที่รับใช้พระเจ้า ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะรับใช้ด้วยความเพลิดเพลินสนุกสนาน รับใช้ด้วยความรักของพระเจ้า แม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ปัญหาเหล่านั้นมันจะแยกออก มันจะเปิดทางออก เพราะความรักของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของเรา
พระเยซูเดินผ่านไปหาความตายด้วยความรักที่มีต่อเรา ความตายยังต้องพ่ายแพ้ให้กับความรักของพระองค์
ขออย่าให้ความรักของพระเจ้า ออกจากชีวิตของเรา แต่ขอให้มีความรักมากขึ้น เพื่อเราจะรับใช้อย่างเกิดผลตามพระทัยพระเจ้า
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com