ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
(ผู้เขียน:กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 24 เม.ษ. 2020)
“สัมพันธ์สนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระคริสต์”
ชีวิตที่มีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ กท5:22-25
ก้าวที่ 34 เพื่อเป็นพื้นฐานลักษณะชีวิตคริสเตียน
ก้าวที่ 35 เพื่อเป็นพระพรกับชีวิตตนเอง
ก้าวที่ 36 เพื่อเป็นพระพรกับชีวิตผู้อื่น
ก้าวที่ 37 เพื่อจะไม่ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง
ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระคริสต์”
กท5:22-25 ชีวิตที่มีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์
ตอนที่ 4 เพื่อจะไม่ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง
1. ดำเนินชีวิตเป็นคนของพระคริสต์ (24ก)
2. ดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระคริสต์ (24ข)
3. ดำเนินชีวิตตั้งอารมณ์ตายตามอย่างพระคริสต์ (24ค)
22ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ 23ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
24ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว
25ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย
คำนำ
เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้
อ.เปาโลเขียนจดหมายกาลาเทียเพื่อให้ยิวที่มาเชื่อพระเจ้า กลับมาสู่ความเชื่อคริสเตียนที่แท้จริง อ.เปาโลอยากให้พี่น้องที่กาลาเทียทราบว่าพวกเขาควรปฎิบัติและดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างไร หากพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าโดยความเชื่อผ่านทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น
ความรอดเป็นราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำให้พวกเขาเชื่อในพระเยซูคริสต์ ความรอดที่พวกเขาได้รับมาจากพระคุณของพระเจ้า ไม่ใช่ได้มาจากโดยความตั้งใจของตนเอง หรือพึ่งการกระทำของพวกเขาเองตามธรรมบัญญัติของโมเสส
ยิ่งกว่านั้นหลังจากเชื่อพระเยซูคริสต์แล้ว พี่น้องบางยังถูกสอนให้ต้องรักษาธรรมบัญญัติของโมเสสเพิ่มเติมเพื่อจะรักษาความรอดต่อไป นี่จึงเป็นเหตุที่อ.เปาโลต้องเขียนจดหมายฝากฉบับนี้เพื่อให้เขาเข้าใจให้ถูกต้อง
แท้ที่จริงแล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้า ตามที่อ.เปาโลบันทึกไว้
กท4:4-6 แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ 5เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร 6และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)
พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทำราชกิจหลายอย่าง เช่น สัมพันธ์กับมนุษย์ในการทรงสร้าง ทั้งผู้ที่เชื่อพระเจ้า และผู้ที่ยังไม่เชื่อพระเจ้า สัมพันธ์กับพระคริสต์ และ สัมพันธ์กับพระคัมภีร์
สำหรับราชกิจมากมายที่เกี่ยวกับผู้เชื่อ เช่น ทรงทำงานในใจให้เชื่อ ทรงทำให้บังเกิดใหม่ ทรงช่วยในการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ และการบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
กท5:22 “ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น” แท้ที่จริงไวยากรณ์บอกว่าเป็นรูปเอกพจน์ แม้จะมีผลถึง 9 อย่าง แต่เป็นผลเดียว คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์
วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้เชื่อ ผ่านหัวข้อคำเทศนา ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระคริสต์”
(ชีวิตที่มีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ กท5:22-25) มีทั้งหมด 4 ตอน
ตอนที่ 2 และ 3 ชีวิตที่มีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระพรกับชีวิตของเรา และกับผู้อื่นเมื่อได้มาเชื่อพระเจ้า สำหรับตอนที่ 4 นี้ ต่อเนื่องจากมาจากตอนที่ 3 “เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” เรื่องอย่างนี้ คือ เรื่องผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ได้ขัดแย้งกับเรื่องธรรมบัญญัติ
จากบริบทของกาลาเทีย อ.เปาโลต้องการให้ผู้เชื่อเข้าใจว่าความรอดให้โดยพระคุณของพระเจ้า พวกเขารับไว้ด้วยความเชื่อ เมื่อพวกเขาบังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วก็ขอให้ดำเนินชีวิตกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่อไป ไม่ใช่กลับไปดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติ หรือดำเนินชีวิตตามศาสนาเดิม หรือดำเนินชีวิตตามศิลธรรมจรรยานั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น อ.เปาโลหนุนใจว่าพระลักษณะชีวิตของพระเยซูคริสต์ หรือผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อนั้น จะช่วยให้พวกเขามีชัยชนะในการดำเนินชีวิตเหนือความต้องการของเนื้อหนังได้
อ.เปาโลเน้นให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตรักษาความสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตลอดเวลา อฟ2:22และในพระองค์นั้น พวกท่านก็กำลังถูกก่อร่างสร้างขึ้นด้วยกันให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าโดยพระวิญญาณ
ผลของการดำเนินชีวิตสัมพันธ์สนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทำให้การกระทำที่แสดงออกมาเกิดผลดีเองโดยมาจากชีวิตของพระเจ้าที่สัมพันธ์สนิทอยู่ในชีวิตของเรานั่นเอง
ผู้เชื่อไม่ได้ทำความดีเพื่อจะรักษาความรอด หรือทำดีเพื่อจะรับรอด แต่ทำดีเพราะมาจากการมีชีวิตกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และรักษาความเชื่อพระเจ้าด้วยการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
มิลลาร์ด เจ.อีริคสัน กล่าวว่า ถ้าพวกเขาทำตามคำสอนนี้ พระวิญญาณก็จะประทานคุณภาพชีวิตให้ ซึ่งเรียกโดยรวมว่า ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ในวันนี้เรามาดูรายละเอียดของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อช่วยเราไม่ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง หมายความว่าอย่างไร 3 ประการ
ตอนที่ 4
เพื่อจะไม่ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง
1. ดำเนินชีวิตเป็นคนของพระคริสต์ (24ก)
24ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว
ข้อ 24 นี้เป็นประโยคเงื่อนไข ผู้ที่มีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิต คือ ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ คือ คนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ หรือผู้ติดตามของพระเยซูคริสต์ พวกเขาเป็นของพระคริสต์ นั่นคือผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์
ผู้ที่มีพระเจ้าในชีวิต แสดงว่า เป็นคนที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ เป็นคนของพระคริสต์ และเป็นผู้อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับฝ่ายที่เป็นฝ่ายเนื้อหนัง
ใช้คำกรีกคำเดียวกันนี้ใน 1คร15:23 แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก ต่อจากนั้นก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา
รม8:9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่านแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ในเนื้อหนัง แต่อยู่ในพระวิญญาณ ใครไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คนนั้นก็ไม่เป็นของพระองค์
สตีฟ เทย์เลอร์กล่าวว่า “ผลหลักของพระวิญญาณในชีวิตของผู้เชื่อ คือ ให้ชีวิตของพระเยซูปรากฎชัดขึ้นในชีวิตของเขา ผลเหล่านี้เป็นบุคลิกของพระเยซู เกิดขึ้นตามการยอมจำนนกับพระวิญญาณ และรับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง”
ก่อนหน้าที่เราจะมาเชื่อพระเจ้า เราดำเนินชีวิตโดยปราศจากพระเจ้า
อฟ2:12 จงระลึกว่าตอนนั้นพวกท่านเป็นคนไม่มีพระคริสต์ ถูกตัดขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล เป็นคนนอกในเรื่องพันธสัญญาทั้งหลายที่ทรงสัญญาไว้ อยู่ในโลกนี้อย่างไม่มีความหวังและปราศจากพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้า ที่เราเคยหมดหวังในการดำเนินชีวิตในโลกนี้แต่โดยพระเยซูคริสต์ ทำให้เรามีความหวังที่จะดำเนินชีวิตมีชัยชนะเหนือความบาปได้
รม8:1-3เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ 2เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย 3เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้มันอ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เองมา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงลงโทษบาป
เมื่อเราได้รับชีวิตของพระคริสต์แล้ว อยู่ฝ่ายพระคริสต์แล้ว ก็ขอให้เราดำเนินชีวิตใหม่ให้สมกับที่ได้รับพระคุณของพระเจ้า อย่ากลับไปใช้ชีวิตเหมือนครั้งหนึ่งที่ไม่เชื่อพระเจ้า หรือเหมือนคนไม่มีพระเจ้าอีกเลย แต่ให้ดำเนินชีวิตอย่างคนรับใช้ของพระเจ้า
1คร4:1-2ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า 2ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้
2. ดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระคริสต์ (24ข)
24ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว
ได้ “ตรึงเนื้อหนัง”ไว้ที่กางเขน หมายถึง การทำลายฤทธิ์อำนาจของเนื้อหนังให้หมดสิ้น โดยลักษณะการทำลายนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
พระเยซูคริสต์ได้ถูกตรึงเช่นกัน พระองค์รับความเจ็บปวดทรมานจนตายเพราะบาปของเรา ไม่ใช่บาปของพระองค์ เปาโลบอกว่าคนที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ คนที่เชื่อพระเยซูคริสต์ คนที่มีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์จะดำเนินชีวิตแบบพระเยซูคริสต์เพื่อพระคริสต์ คนที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามคือ คนที่ดำเนินชีวิตในเนื้อหนังเพื่อตนเอง
2คร5:15และพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อทุกคน เพื่อบรรดาคนที่มีชีวิตอยู่จะไม่อยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย
พระเยซูคริสต์เป็นผู้ทำให้เราคืนดีกับพระเจ้า ยกโทษบาปเรา จากการถูกตรึงกางเขนของพระองค์
อฟ2:16 และทำให้ทั้งสองฝ่ายคืนดีกับพระเจ้าเป็นกายเดียวโดยทางกางเขน จึงเป็นเหตุให้การเป็นศัตรูกันหมดสิ้นไป
คส2:14 พระองค์ทรงฉีกเอกสารหนี้ที่มีคำสั่งต่างๆ ซึ่งต่อสู้และขัดขวางเรา และทรงขจัดไปเสียโดยตรึงไว้ที่กางเขน
ก่อนหน้าที่เราจะเชื่อพระเยซูคริสต์ การดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง ตามความบาปเป็นเรื่องปกติธรรมดามากในชีวิต แต่เมื่อเรามีชีวิตใหม่ จึงทำให้เกิดความขัดแย้งการดำเนินชีวิตระหว่างเนื้อหนังกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
กท5:16-17 แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง 17เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังขัดแย้งพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ขัดแย้งเนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านปรารถนาจะทำ
การดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนัง คือ การดำเนินชีวิตตามความต้องการของตนเอง ไม่ใช่ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า ดังนั้นผู้เชื่อควรตรึงเนื้อหนังของตนเองร่วมกับพระคริสต์
กท2:19-21เพราะโดยธรรมบัญญัตินั้น ข้าพเจ้าได้ตายต่อธรรมบัญญัติแล้ว เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า ข้าพเจ้าถูกตรึงร่วมกับพระคริสต์แล้ว 20ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า 21ข้าพเจ้าไม่ได้ทำให้พระคุณของพระเจ้าเป็นโมฆะ เพราะว่าถ้าความชอบธรรมเกิดจากธรรมบัญญัติแล้ว พระคริสต์ก็สิ้นพระชนม์โดยเปล่าประโยชน์
Alford กล่าวว่า การตรึงเนื้อหนัง ก็เหมือนการบัพติศมาเข้าในความตายของพระคริสต์ เราจึงตายต่อธรรมบัญญัติ ตายต่อตนเอง ตายต่อเนื้อหนัง ตายต่ออารมณ์
รม6:2-4 เปล่าเลย เราที่ตายต่อบาปแล้วจะมีชีวิตในบาปต่อไปได้อย่างไร? 3ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เราผู้ที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในการตายของพระองค์? 4เพราะฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระบิดาทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายโดยพระสิริของพระองค์แล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน
เป้าหมายการดำเนินชีวิตของผู้เชื่อ ต้องเปลี่ยนไปเมื่อมาเชื่อพระเยซูคริสต์
มธ16:24 พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
ผู้เชื่อที่ไม่ดำเนินชีวิตตามพระเยซูคริสต์ ไม่แบกกางเขน ไม่ตาม พระองค์บอกว่าไม่มีค่าควรกับพระองค์ แล้วพวกที่แบกกางเขน ตามพระองค์ แต่ไม่ยอมถูกตรึงบนกางเขน วันนั้นการข่มเหงมาถึง จะผ่านการข่มเหงได้ไหม
มธ10:38 และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา
ลก14:27และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
ขอให้คนที่อยู่ฝ่ายพระคริสต์ ดำเนินชีวิตตามพระคริสต์
คส2:6-7เพราะฉะนั้น ในเมื่อพวกท่านรับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าไว้แล้ว ก็จงดำเนินชีวิตในพระองค์ด้วย 7จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และจงให้การขอบพระคุณทวียิ่งขึ้น
ถ้าเราเป็นคนของพระเยซูคริสต์ ให้ดำเนินชีวิตตามพระคริสต์ พระคุณพระเจ้ามีมากเพียงพอให้เราดำเนินชีวิตตามพระทัยพระองค์ได้
1ปต5:10-11และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระ[เยซู]คริสต์ พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่
เพราะถ้าเราดำเนินชีวิตตามเนื้อหนังเราจะตายในท้ายที่สุด เราจะเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
รม8:4-84เพื่อความชอบธรรมของธรรมบัญญัติจะได้สำเร็จในตัวเราผู้ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ 5เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ
6การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข 7เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ 8และคนที่อยู่ในเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้
3. ดำเนินชีวิตตั้งอารมณ์ตายตามอย่างพระคริสต์ (24ค)
24ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว
คำว่า ราคะ (passion) หมายถึง แรงผลักดัน,เต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรง รวมไปถึงสิ่งที่คนเราทนทุกข์ หรือทุกข์ทรมาน ที่อยู่ภายในเพื่อความรัก ความหลงไหล คำนี้ใช้ได้ทั้งบวกและลบกับ อารมณ์ที่ผลักดันเกี่ยวข้องกับพระเจ้า
ฟป3:10ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ คือรู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์และรู้จักการมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์ และเป็นเหมือนกับพระองค์ในความตายนั้น
หรือ ใช้คำว่า “ราคะ”กับอารมณ์ของมนุษย์(คน,ตนเอง) กท5:24
หรืออารมณ์ของเนื้อหนังความบาปนำไปสู่ความตาย
รม7:5 เมื่อเราดำเนินชีวิตในเนื้อหนัง ตัณหาชั่วที่ธรรมบัญญัติเร้าให้เกิดขึ้นนั้น ได้ทำให้อวัยวะของเราก่อผลซึ่งนำไปสู่ความตาย
เมื่อรวมกับคำว่า “ตัณหา” มาจากภ.กรีกสองคำรวมกัน คือ การให้ความสำคัญ กับคำว่า ความหลงไหล ปรารถนา รวมกัน หมายความว่า ความหลงไหนปรารถนาที่ถูกสร้างขึ้นจากอารมณ์รุนแรงเป็นตัวกระตุ้น
คำว่า “ตัณหา”โดยความหมายของตัวของมันเอง สามารถใช้ได้ทั้งด้านบวก และด้านลบ โดยดูว่า หลงไหนปรารถนาอะไร สิ่งใด ใคร อย่างรุนแรง
อ.เปาโลใช้คำนี้ในตอนนี้ น่าจะหมายถึง อารมณ์ความต้องการ ความปรารถนาของผู้เชื่อ ที่ก่อนหน้าเป็นคนไม่เชื่อพระคริสต์ เต็มไปด้วยความต้องการที่จะตอบสนองความอยาก ความปรารถนา ทางอารมณ์ของตนเองอย่างรุนแรง อย่างเดียวไม่ได้นึกถึงผู้อื่น กล่าวไว้ใน กท5:17-21
แต่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนเป็นคนของพระคริสต์แล้ว พวกเขาก็เปลี่ยนอารมณ์เพื่อไปตอบสนองพระวิญญาณบริสุทธิ์แทน โดยตรึงทั้งเนื้อหนัง และทั้งอารมณ์ของตนเองบนกางเขน กับพระเยซูคริสต์นั่นเอง
พระเยซูทรงประทานชัยชนะเหนือความอยากและตัณหาโดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ คริสเตียนต้องยึดความจริงนี้ มิฉะนั้นเขาก็จะพยายามเอาชนะบาปด้วยความพยายามของตนเอง
ถ้าราคะ ตัณหา ที่เคยตอบสนองอารมณ์ตนเองก่อนเป็นคนของพระคริสต์ เปรียบเป็นเหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง คนที่ใช้อารมณ์ตอบสนองพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เปรียบเหมือนคนที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ หรือผู้เชื่อนั่นเอง
ถ้าความต้องการทางอารมณ์ของตนเองก่อนเป็นคนของพระคริสต์ มาจากความบาป ซึ่งเปรียบเป็นเหมือน “ราก” ส่วนราคะ ตัณหา เปรียบเป็นเหมือน “ผล” การแสดงออกมาเป็นพฤติกรรม และเกิดเป็นลักษณะชีวิต ผลปลายทางของชีวิต คือ ไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า(ไม่ได้รับความรอด)
กท5:21การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เปรียบเป็นเหมือน “ราก” ส่วนผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เปรียบเป็นเหมือนผล พฤติกรรมการแสดงออกเป็นลักษณะชีวิต
ผลปลายทางของชีวิต คือ เก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์ (ได้รับความรอด)
กท6:7-9 อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 8คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น
9อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร
คนที่ดำเนินชีวิตตามพระเยซูคริสต์ ไม่ได้ทำตามโลก แต่ตั้งอารมณ์ของตนเองตายร่วมกันกับพระคริสต์
กท6:14ข้าพเจ้าไม่ขออวดอะไรนอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งโดยกางเขนนั้นโลกได้ตายจากข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้ตายจากโลก
2คร7:1ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ ขอให้เราชำระตัวเองให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนังและวิญญาณ จงมีความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า
ขอให้ดำเนินชีวิตคริสเตียนด้วยการสร้างความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้า
รม6:11ในทำนองเดียวกัน พวกท่านจงถือว่าท่านได้ตายต่อบาป และมีชีวิตสนิทกับพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์
เคยคิดบ้างไหมอยากชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราจะจบลงอย่างไร
กท3:1-3โอ ชาวกาลาเทียคนเขลา ใครสะกดดวงจิตของพวกท่านให้เห็นผิดไปได้? ทั้งๆ ที่ภาพการถูกตรึงของพระเยซูคริสต์ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว 2ข้าพเจ้าใคร่รู้ข้อเดียวจากท่านว่า ท่านได้รับพระวิญญาณโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือได้รับโดยความเชื่อตามที่ได้ฟัง? 3ท่านทั้งหลายเขลาถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ? พวกท่านเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ แต่จะจบลงด้วยเนื้อหนังกระนั้นหรือ?
คนส่วนใหญ่ยังถกเถียงกันเรื่องความรอด หรือไม่รอด แต่ขอให้ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์อย่าคิดแค่เรื่องความรอด แต่ให้คิดไปไกลกว่านั้นคือ เรื่อง “บำเหน็จ” ความรอดมาโดยพระคุณ เรารับไว้ด้วยความเชื่อ แต่บำเหน็จเรารับโดยการทำตามพระทัยของพระเจ้า
1คร3:8-15 คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน และทุกคนก็จะได้บำเหน็จตามการงานของตน 9เพราะว่าเราร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์10โดยพระคุณของพระเจ้าที่ประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น แต่ละคนต้องระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นอย่างไร 11เพราะว่าใครจะมาวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์ 12บนรากนั้นถ้าใครจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง 13การงานของแต่ละคนก็จะปรากฏให้เห็น เพราะวันพิพากษานั้นจะสำแดงให้เห็น คือจะถูกเผยให้เห็นด้วยไฟ และไฟนั้นจะพิสูจน์ว่าการงานของแต่ละคนเป็นอย่างไร 14ถ้าการงานของใครที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ คนนั้นก็จะได้บำเหน็จ 15ถ้าการงานของใครถูกเผาไหม้ไป คนนั้นก็จะได้รับความสูญเสีย ส่วนตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม
รายการอ้างอิง
1เฮนรี่. เกลน แคลเรนซ์. แปลโดย ชุมแสง–วรรณภา เรืองเจริญสุข. ศาสนศาสตร์ระบบ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, 1995, หน้า 333-341.
2จอห์น. เดวิส. เพิ่มความรู้. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, 1997, หน้า 105-108.
4 มิลลาร์ด เจ. อีริคสัน. แปลโดย ธนาภรณ์ ธรรมสุจริตกุล. ศาสนศาสตร์คริสเตียน เล่ม2. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: พระคริสตธรรมกรุงเทพ, ธันวาคม2009, หน้า 971.
6สตีฟ. เทย์เลอร์. ความจริงที่ควรเข้าใจ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: พระคริสตธรรมกรุงเทพ, 2013, หน้า 61.
11 แคมป์เบลล์. โดนัลด์ เค. แปลโดย ปฎิมา (คงสืบชาติ) เอื้อศรี. กาลาเทีย-2เธสะโลนิกา เล่ม18. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศูนย์ทีรันนัส(สำนักพิมพ์ จีพี), มีนาคม 2000, หน้า 50.