ศึกษาพระธรรมวิวรณ์ บทที่12-13 ความหมายของพญานาค สัตว์ร้ายจากทะเล และสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน วันที่ 12 มี.ค. 2020
โดย เยาวลักษณ์ ลิ่วเฉลิมวงศ์

พระธรรมวิวรณ์บทที่ 12 ถึงบทที่ 14 ยอห์นได้เห็นหมายสำคัญชุดหนึ่งบรรยายการต่อสู้ระหว่างพระคริสต์กับศัตรูของพระองค์ หมายสำคัญเหล่านี้คือเรื่อง
ผู้หญิงที่มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ (12:1-6)
ซาตานถูกผลักทิ้งลงไป (12:7-12)
สงครามระหว่างซาตานกับผู้หญิงและบุตรของนาง (12:13-17)
สัตว์ร้ายจากทะเล (13:1-10)
สัตว์ร้ายจากแผ่นดิน (13:11-18)
พระเมษโปดกบนภูเขาศิโยน (14:1-5)
และการเก็บเกี่ยวแผ่นดินโลก (14:6-20)
มีตัวละครที่สำคัญ 3 ตัวปรากฏขึ้นเป็นศัตรูกับพระเจ้า พระคริสต์ และผู้เชื่อในพระองค์คือ พญานาค, สัตว์ร้ายจากทะเล, และสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน
1. “พญานาค” (วว.12:3-17)
“3และหมายสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็ปรากฏในสวรรค์ นี่แน่ะ มีพญานาคสีแดงตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา และบนหัวทั้งเจ็ดมีมงกุฎเจ็ดอัน 4และหางของพญานาคตวัดดวงดาวหนึ่งส่วนสามในท้องฟ้า แล้วทิ้งลงมาบนแผ่นดินโลก และพญานาคตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างหน้าหญิงที่กำลังจะคลอดบุตร เพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่บุตรนั้นคลอดออกมา 5แล้วนางก็คลอดบุตรชาย ผู้ที่จะครอบครองประชาชาติทั้งหมดด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกนำตัวไปเฝ้าพระเจ้ายังพระที่นั่งของพระองค์ 6และหญิงคนนั้นก็หนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นั่นนางมีสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูตลอดหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวัน
7ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอล กับบรรดาทูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้ 8แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป 9พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย10และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า
“บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดช
และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา
และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว
เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว
คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น
11พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก
และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง
และพวกเขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย
12เพราะเหตุนี้จงรื่นเริงยินดีเถิด
สวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์
แต่วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล
เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลาย
ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง
เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”
13เมื่อพญานาคตัวนั้นเห็นว่ามันถูกโยนลงไปที่แผ่นดินโลกแล้ว มันก็ไล่ตามหญิงที่คลอดบุตรชายนั้น 14แต่พระเจ้าประทานปีกของนกอินทรีใหญ่สองปีกแก่หญิงคนนั้น เพื่อว่านางจะบินเข้าไปในถิ่นทุรกันดารให้พ้นหน้างูตัวนั้น ไปยังสถานที่ของนางที่ซึ่งนางจะได้รับการเลี้ยงดูตลอดหนึ่งวาระ สองวาระ และครึ่งวาระ 15งูตัวนั้นก็พ่นน้ำออกจากปากเหมือนอย่างแม่น้ำไหลตามหญิงคนนั้น เพื่อจะทำให้นางถูกน้ำซัดไป 16แต่แผ่นดินช่วยหญิงคนนั้นไว้ โดยแยกออกเป็นช่องแล้วกลืนน้ำที่พญานาคพ่นออกจากปาก 17และพญานาคก็โกรธแค้นหญิงนั้น มันจึงออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของนาง คือคนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและยึดถือคำพยานของพระเยซู “
ในตำนานของชนชาติโบราณกล่าวถึงพญานาคหรือมังกรอยู่ไม่น้อย เช่น เลวีอาธานในตำนานของชาวคานาอัน (โยบ.3:8; 41:1, สดด.74:14; 104:26) หรือมังกร (โยบ.7:12, สดด.74:13, อสย.27:1; 51:9, ยรม.51:34) หรือจระเข้แดงในอียิปต์ (โยบ.26:12-13)
ในพระคัมภีร์เดิมกล่าวถึง “จระเข้ยักษ์” ซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ “อิยิปต์” ศัตรูโบราณของคนอิสราเอล (อสค.29:3; 32:2) ในวิวรณ์ 11:8 ก็กล่าวถึงมหานครหรืออียิปต์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้กดขี่ข่มเหงคนของพระเจ้า
ลักษณะของพญานาคและการตีความ
1) พญานาคสีแดงตัวใหญ่ มีเจ็ดหัวและสิบเขา และบนหัวทั้งเจ็ดมีมงกุฎเจ็ดอัน (12:3)
มัน “ตัวใหญ่และมีสีแดง” น่าจะหมายถึงภาพความใหญ่โตและน่ากลัวของพญานาคนั้น
“มีเจ็ดหัว” หมายถึง สติปัญญาอันรอบรู้ (13:1)
“การมีสิบเขา” หมายถึง การมีพละกำลังมากมาย มีอำนาจมาก
“มงกุฎ” บนหัวทั้งเจ็ดแสดงถึงสิทธิอำนาจเหนืออาณาจักรของโลกที่มันปกครองอยู่
2) หางของพญานาคตวัดดวงดาวหนึ่งส่วนสามในท้องฟ้า แล้วทิ้งลงมาบนแผ่นดินโลก (12:4ก)
แสดงถึง พละกำลังของพญานาคที่มันตวัดดวงดาวให้ร่วงจากฟ้าถึงหนึ่งส่วนสาม หรือหมายถึง อำนาจยิ่งใหญ่ที่ซาตานมีอยู่ในจักรวาลเหนือผู้ที่ต้อสู้อำนาจของมัน และนี่อาจเป็นสัญลักษณ์หมายถึงการล้มลงของซาตานจากสวรรค์ตั้งแต่ดั้งเดิม (ลก10:18) และเหล่าทูตสวรรค์ที่ล้มลงพร้อมกับมัน (2ปต.2:4, ยด.6)
3) พญานาคตัวนั้นก็ยืนอยู่ข้างหน้าหญิงที่กำลังจะคลอดบุตร เพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่บุตรนั้นคลอดออกมา (12:4ข)
พญานาคเป็นศัตรูกับหญิงนั้น “หญิงที่กำลังจะคลอดบุตร” น่าจะหมายถึง บรรดาอิสราเอลผู้เชื่อในพระเจ้า และ “บุตรของนาง” ที่กำลังจะคลอดออกมา หญิงนั้นคลอด “บุตรชาย ผู้ที่จะครอบครองประชาชาติทั้งหมดด้วยคทาเหล็ก” (12:5) ซึ่งก็คือ พระเมสสิยาห์ผู้ถือกำเนิดในเชื้อสายของอิสราเอล
ในสมัยที่พระยซูทรงประสูติ กษัตริย์เฮโรดผู้ชั่วร้ายพยายามจะฆ่าพระเยซูเมื่อครั้งพระองค์ทรงเป็นทารก (มธ.2:13-20) ซาตานอยู่เบื้องหลังเฮโรด (1พศด.21:1; มธ.16:23) และเป็นผู้ชักจูงใจเฮโรดให้สังหาร “กษัตริย์ของยิว” ผู้ที่จะมาบังเกิดโดยเห็นว่าพระเยซูเป็นผู้คุกคามราชบัลลังก์ของพระองค์
4) พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก (12:9)
ในข้อนี้บอกให้เรารู้ว่า “พญานาคใหญ่” นั้นคือ
(1)“งูดึกดำบรรพ์” ในปฐมกาลมันเป็นผู้ล่อลวงมนุษย์ให้ล้มลงทำบาปและมันก็ยังทำเช่นนี้อยู่จนถึงวันที่พระเจ้าพิพากษา (ปฐก.3:1, วว.20:2) มันถูกเรียกว่า
(2)“มาร” และ “ซาตาน” (ซาตาน หมายถึง ปฏิปักษ์ หรือ ผู้ขัดขวาง, ภาษาฮีบรูแปลว่า ผู้กล่าวโทษ) มันคือ
(3)“ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก” (12:9, 2ยน.1:17)
5) ลักษณะของซาตานคือ “ผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ..คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืน” (12:10)
ซาตาน เป็นผู้กล่าวโทษคนของพระเจ้าต่อพระพักตร์ของพระองค์ตลอดเวลา (ทั้งกลางวันและกลางคืน) เช่นเดียวกับที่มันกล่าวโทษโยบ (โยบ.1:9-11; ศคย.3:1) มันมีความมุ่งร้ายต่อผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้า
6) พญามารพ่ายแพ้ต่อพระเยซูคริสต์เพราะพระราชกิจแห่งการไถ่ของพระองค์ (12:11)
บรรดาผู้จงรักภักดีต่อพระเยซูคริสต์เป็นพยานถึงพระองค์โดยไม่ได้กลัวตาย (วว.6:9) พวกเขาได้ชนะพญามารโดยพระโลหิตของพระองค์และคำพยานของพวกเขา
พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่คนทั้งหลายด้วยพระโลหิตของพระองค์ พระองค์มาเข้าเฝ้าพระเจ้าในสวรรค์โดยนำพระโลหิตของพระองค์เข้ามาถวายเป็นเครื่องบูชา (ฮบ.9:12) และทรงชำระพวกเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระองค์ (ฮบ.13:12; วว.1:5)
7) มารได้ลงมาหาหญิงนั้นและพงศ์พันธุ์ของนาง ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย (12:12)
ในยุคสุดท้ายกิจการของมารยิ่งเข้มข้นขึ้น มันรู้ว่าการเผชิญหน้ากับพระคริสต์ครั้งสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว มันพยายามอย่างสุดกำลังที่จะรวบรวมกำลังของ “ปฏิปักษ์ของพระคริสต์” เพื่อต่อสู้กับพระคริสต์และผู้ที่เป็นของพระองค์ ความโกรธของมันและเวลาของมันที่เหลือน้อยเป็นผลที่ทำให้เกิดความทุกข์ยากแผ่ไปอย่างกว้างขวางต่อคนของพระเจ้า
8) พญานาคออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของนาง (12:17)
เมื่อหญิงนั้นหนีไปได้และได้รับการปกป้องเลี้ยงดู (12:13-16) มันก็หันมาทำสงครามกับ “พงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของหญิง” คือ “คนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและยึดถือคำพยานของพระเยซู” ซึ่งหมายถึง คริสเตียน (วว.1:2; 9, 19:10)
คริสเตียนกำลังอยู่ในวาระสุดท้ายที่ซาตานและสมุนของมันมีความโกรธแค้น ทำสงครามกับพระเจ้าและผู้เชื่อ พวกมันคอยหาช่องที่จะทำให้ผู้เชื่อที่จงรักภักดีต่อพระเยซูล้มลง (1ปต.5:8)
เราต้องระมัดระวังที่จะไม่เปิดช่องให้มารโจมตีโดยตระหนักว่ากำลังอยู่ในสงครามฝ่ายวิญญาณ และดำเนินชีวิตที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอโดยพึ่งพาพระเจ้าและสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระองค์ (อฟ.6:11-18)
2. “สัตว์ร้ายจากทะเล” (วว.12:3-17)
วิวรณ์บทที่ 13 แนะนำ ผู้สมคบของซาตานอีก 2 ตัว คือ
(1) สัตว์ร้ายจากทะเล (13:1) และ
(2) สัตว์ร้ายจากแผ่นดิน (13:11)
ทั้งสามร่วมมือกันเพื่อต่อต้านพระเจ้า สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเลมีลักษณะบางอย่างเหมือนเป็น “พระคริสต์เทียมเท็จ” (13:3)
ลักษณะของสัตว์ร้ายจากทะเลและการตีความ
1) มีสิบเขาและเจ็ดหัว มีมงกุฎสิบอันอยู่บนเขาเหล่านั้นของมัน มีชื่อต่างๆ ที่หมิ่นประมาทพระเจ้าจารึกไว้ที่หัวทั้งหลายของมัน (13:1)
สัตว์ร้ายที่มีสิบเขาแสดงถึง “อำนาจ” ของสัตว์ร้ายนั้น และหากสัตว์ร้ายจากทะเลหมายถึงอำนาจทางการเมืองแล้ว
เจ.เกลน มอริส เห็นว่า “เจ็ดหัว” ก็น่าจะหมายถึง จักรพรรดิโรมเจ็ดคน บางทัศนะเห็นว่าอำนาจทางการเมืองนี้หมายถึงอาณาจักรโรมันที่ต่อต้านพระคริสต์ “ซีซาร์”สถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้าและบังคับประชาชนในจักรวรรดิให้นมัสการตน อำนาจทางการเมืองที่ชั่วร้ายของซีซาร์กำลังแพร่ระบาด
ในสมัยของยอห์นและข่มเหงคริสเตียนอย่างสาหัส ทูตสวรรค์อธิบายความหมายลักษณะต่าง ๆ ของสัตว์ร้ายให้กับยอห์นใน วว.17:8-11 ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอำนาจของอาณาจักรโรมัน
2) สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเลมีลักษณะ “เหมือนเสือดาว ตีนของมันเหมือนอย่างตีนหมี และปากของมันเหมือนอย่างปากสิงโต” (13:2ก)
สัตว์ร้ายในนิมิตของยอห์นน่าจะมีความหมายเกี่ยวข้องกับสัตว์ร้าย 4 ตัวที่ออกมาจากทะเลในพระธรรมดาเนียล มันรวมเอาลักษณะสัตว์ร้ายใน ดนล.7:2-7 เข้าด้วยกัน
ในดาเนียล สัตว์ร้ายนั้นน่าจะหมายถึงอาณาจักรทั้งสี่ที่มีอำนาจทางการเมืองเป็นลำดับคือ บาบิโลน(สิงโต) มีเดีย–เปอร์เซีย(หมี) กรีซ(แพะผู้) และโรมัน (สัตว์ร้ายตัวที่สี่ซึ่งมีลักษณะน่ากลัวน่าสยดสยอง) ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ต่อต้านอำนาจของพระเจ้าและกำลังข่มเหงคริสเตียน
3) พญานาคให้ฤทธิ์เดช บัลลังก์ และสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่ของมันแก่สัตว์ร้ายนั้น (13:2ข)
สัตว์ร้ายตัวนี้ซึ่งน่าจะหมายถึงบุคคลหรือผู้นำอาณาจักรที่มีอำนาจในการปกครองโลก และซาตานมอบอำนาจของมันให้แก่สัตว์ร้ายตัวนี้เพื่อใช้มันต้อสู้พระเจ้าและประชากรของพระองค์
4) หัวหนึ่งของมันเหมือนอย่างถูกฟันปางตาย แต่บาดแผลฉกรรจ์นั้นได้รับการรักษาให้หายแล้ว คนทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจ (13:3)
หัวหนึ่งของสัตว์ร้ายนั้นถูกฟันปางตายแต่รับการรักษาหาย เป็นภาพการเลียนแบบฤทธิ์อำนาจในการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ สัตว์ร้ายตัวนี้จะเลียนแบบอำนาจของพระเยซูคริสต์และทำให้ผู้คนทั้งโลกติดตามมันไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
5) เขาทั้งหลายบูชาพญานาคเพราะมันให้สิทธิอำนาจแก่สัตว์ร้าย พวกเขาบูชาสัตว์ร้ายนั้น (13:4)
คนทั้งโลกนมัสการซาตานและสัตว์ร้ายที่ได้รับอำนาจจากซาตาน พวกเขาอัศจรรย์ใจและเชื่อวางใจสัตว์ร้ายนั้น
6) พระเจ้าอนุญาติให้มันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า ตลอดสี่สิบสองเดือน ทำสงครามชนะธรรมิกชนของพระองค์ และมีสิทธิอำนาจเหนือทุกคนบนแผ่นดินโลก (13:5-8)
พระเจ้าทรงอนุญาตให้สัตว์ร้ายตัวนี้มีอำนาจเหนือทุกคนในโลก และประชากรของพระเจ้าจะทนทุกข์ในช่วงเวลา 42 เดือน (หรือสามปีครึ่ง)เป็นช่วงเวลาที่ถูกกำหนดให้มีเวลาสิ้นสุด ทุกคนในโลกจะนมัสการสัตว์ร้ายนั้น ยกเว้นผู้เชื่อแท้ที่ที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตที่ไม่ยอมปฏิเสธความเชื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์เป็นรางวัลในที่สุด
ช่วงเวลาที่พระเจ้าอนุญาตให้มารใช้อำนาจอย่างเต็มที่เป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบความเชื่อ และความทรหดอดทนของผู้เชื่อ (13:9-10)
อย่ากลัวที่จะต้องตายพราะความเชื่อ แต่ให้เกรงกลัวพระเจ้าผู้มีสิทธิอำนาจฆ่าและมีสิทธิอำนาจทิ้งลงในนรกได้อีก (ลก.12:4-5, มธ.10:28)
3. “สัตว์ร้ายจากแผ่นดิน” (13:11-18)
สัตว์ร้ายตัวแรกมาจากทะเลส่วนสัตว์ร้ายตัวที่สองนี้มาจากแผ่นดินมันช่วยเหลือสัตว์ร้ายตัวแรกโดยชี้นำผู้คนให้กราบไหว้นมัสการ “พระคริสต์เทียมเท็จ”ต่อมามันแสดงตัวเป็น “ผู้เผยพระวจนะเท็จ” (16:13, 19:20)และมันใช้ฤทธิ์อำนาจที่เลียนแบบฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ลักษณะของสัตว์ร้ายจากแผ่นดินและการตีความ
1) มีสองเขาเหมือนลูกแกะ แต่พูดเหมือนพญานาค (13:11)
ลักษณะของสัตว์ร้ายนี้ดูเหมือนว่าจะอ่อนน้อมถ่อมตน ไร้พิษสง แต่มันล่อลวงผู้คนให้ไปถึงความพินาศพระเยซูก็ยกภาพเปรียบเทียบผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จเป็นหมาป่าที่ร้ายกาจในคราบลูกแกะ (มธ.7:15)
2) มันใช้สิทธิอำนาจทั้งหมดของสัตว์ร้ายตัวแรกทำหมายสำคัญล่อลวงคนทั้งโลก และทำให้คนในโลกนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรก (13:12-14ก)
สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้ยืนอยู่ด้านหน้าของสัตว์ร้ายตัวแรกและทำการอัศจรรย์ที่ใหญ่โตเลียนแบบผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ที่ทำหมายสำคัญ “เรียกไฟลงมาจากฟ้าให้ตกลงมายังแผ่นดินโลก” (1พกษ.17:1)
มันใช้หมายสำคัญใหญ่โตล่อลวงคนทั้งโลกให้หันไปนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรกมันอาจจจะเป็นศาสนาที่มีแนวทางที่จะให้คนอุทิศตัวต่อรูปเคารพที่มาแทนที่พระเจ้าและทำการอัศจรรย์ได้ภารกิจของสัตว์ร้ายตัวที่สองอาจมาควบคู่กับอำนาจทางการเมืองของสัตว์ร้ายตัวแรก ผนวกกับความเชื่อในศาสนาที่ดึงดูดด้วยการอัศจรรย์ควบคู่กัน
หมายสำคัญแท้นำมาถึงพระเยซูคริสต์แต่หมายสำคัญปลอมล่อลวงคนให้หันออกจากพระเจ้าไปนมัสการสิ่งอื่นคำสอนของผู้เผยพระวจนะเท็จอาจฟังดูน่าเลื่อมใสแต่มันนำไปสู่การทรยศต่อพระเจ้า (ฉธบ.13:1-3, มธ.24:24, 2ธส.2:9, วว.19:20)
3) มันบังคับคนทั้งหลายในโลกให้สร้างรูปเคารพเพื่อบูชา “สัตว์ร้ายตัวที่มีบาดแผลจากดาบแต่ยังมีชีวิตอยู่นั้น”ทำให้รูปเคารพนั้นเสมือนมีชีวิต และฆ่าคนที่ไม่ยอมนมัสการรูปเคารพนั้น (13:14ข-15)
พวกมันใช้อำนาจข่มขู่ ทำร้ายคนที่ไม่ยอมนมัสการรูปเคารพจนถึงแก่ความตายคริสเตียนจะต้องถูกฆ่าตายเมื่อเขาแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าโดยปฏิเสธการนมัสการรูปเคารพอื่นว่าเป็นพระเจ้าในสมัยของยอห์นอาณาจักรโรมันประกาศกฎหมายให้ทุกคนต้องถือลัทธิบูชาจักรพรรดิ เวลานั้นมีคริสเตียนจำนวนมากที่ไม่ยอมนมัสการซีซาร์เป็นพระเจ้าต้องถูกฆ่าตาย
4) มันบังคับให้ทุกคนรับเครื่องหมายลึกลับที่ทำให้สามารถอยู่ในระบบเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ (13:16-17)
ถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะเท็จนำคนมาเป็นทาสในระบบบางอย่างเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้“การซื้อขาย” เป็นสัญลักษณ์ของการหาหรือแลกเปลี่ยนสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตใครที่ไม่ยอมรับเครื่องหมายนี้หรือไม่ยอมอยู่ภายใต้ระบบนี้จะถูกกดดันให้ไม่สามารถซื้อขายได้และมีความยากลำบากอย่างมากในการหาสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตนี่เป็นวิธีการกดดันหรือข่มเหงอย่างหนึ่งต่อผู้มีความเชื่อซึ่งจะไม่ยอมรับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้นไว้ที่หน้าผาก
คริสเตียนได้รับการประทับตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (2คร.1:22, กท.6:17, อฟ.4:30)ในขณะที่ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จพยายามประทับเครื่องหมายของพระคริสต์เทียมเท็จไว้ที่หน้าผากของคนทั้งโลกความรอดที่แท้จริงอยู่ในพระคริสต์หมายสำคัญอื่นๆและระบบอื่นๆเป็นการล่อลวงของซาตานทั้งสิ้น
5) หมายเลขของสัตว์ร้ายนั้นแทนชื่อบุคคลหนึ่งคือ 666
ตัวเลขในวิวรณ์มักจะเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ในที่นี้ ยอห์นบอกว่าเป็นเลขของ “บุคคล” ผู้หนึ่ง มีความพยายามในการตีความด้วยการถอดรหัสอักษรภาษาฮีบรูและภาษากรีกออกมาเป็นชื่อต่าง ๆ เช่นNeron Kaisar, Domitian, Lateinos
บางทัศนะเชื่อว่าเลข 6 เป็นเลขที่พระคัมภีร์ใช้หมายถึงมนุษย์เลข 666 อาจหมายถึงมนุษย์ที่พยายามยกตัวเองขึ้นเป็นพระเจ้าดังที่ศัตรูของพระคริสต์ยกตัวเองเป็นพระเจ้า
สรุป จากวิวรณ์บทที่ 12 ถึง13 มีตัวละครที่สำคัญ 3 ตัวปรากฏขึ้นเป็นศัตรูกับพระเจ้า พระคริสต์ และผู้เชื่อในพระองค์คือ พญานาค, สัตว์ร้ายจากทะเล, และสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน จะพ่ายแพ้ต่อพระเจ้าในที่สุด พระเจ้าใช้สิ่งเหล่านี้บางครั้งเพื่อเป็นการทดสอบความเชื่อ ของผู้ที่มีความเชื่อและเป็นคนของพระเจ้าอย่างแท้จริง
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com