อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี เทศนาเช้า คริสตจักร สวรรค์บนแผ่นดินโลก
อาทิตย์ที่ 10 มี.ค. 2019 คริสตจักรพระสัญญาสมุทรปราการ
คำนำ
ชีวิตเราอาจมีความกังวลหลายเรื่องหลายอย่างในการดำเนินชีวิต ส่ิงเหล่านี้ที่เรากังวลจะครอบงำวิถีการดำเนินชีวิตของเรากับพระเจ้า เมื่อเราเข้ามาถึงพระเจ้า เราก็จะเรียกร้องให้พระเจ้าเมตตาในเรื่องเหล่านี้ที่เรากังวลอยู่ โดยเราได้ลืมไปว่าพระเจ้าที่มาตายไถ่บาปเพื่อช่วยเราจากความตาย ความบาป มาสู่ชีวิตนิรันดร์ พระองค์ทำสิ่งที่ดีเพื่อเรามากกว่าเรื่องที่เรากังวลอยู่นั้น
วันนี้เราควรจะละความกังวล ละความกระวนกระวายทั้งหมดไว้ที่พระเจ้า ตามที่พระองค์บอกไว้ในพระวจนะ
องค์ประกอบที่เราสามารถละความกังวลได้นั้นเราต้องมีความเชื่อในพระเยซู เพราะพระองค์แบกปัญหาความกังวลาแทนเราแล้ว แต่เราต้องเชื่อในพระวจนะ แล้วเดินในน้ำพระทัยของพระเจ้า
พระเจ้าทรงเรียกเราด้วยจุดประสงค์ของพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อเราที่เป็นผู้เชื่อมารวมตัวกัน มธ11:28 บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก
มาหาเรา เราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยและเป็นสุข วันนี้เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าแล้วเรายังเหนื่อยอยู่หรือไม่ เราได้เรียนรู้จะไว้วางใจพระเยซู พระองค์หรือไม่ พระองค์ตรัส พระองค์รับผิดชอบ เราแค่เชื่อวางใจ
ขอให้วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าจะตรัสกับพวกเราอีกสักวันหนึ่ง ให้มีคำที่ใช่จากพระเจ้าเพื่อพวกเรา
ขอให้เราอ่านพระธรรม มธ16:18-19 เราบอกท่านว่าท่านคือ เปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้ 19เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์”
พระธรรมตอนนี้เกี่ยวข้องกับกับเรื่องที่พระเยซู
๑) เรียกเรามาเชื่อวางใจพระองค์
๒) เพื่อช่วยชีวิตเราไว้
๓) เพื่อใช้เราต่อไปในวันข้างหน้า (เรื่องนี้บางคนไม่ค่อยชอบ)
พระเยซูพูดกับเปโตรบนศิลานี้ (เภตรา) เป็นการเล่นคำสองคำ “เปโตร” กับคำว่า “ศิลา”ประเด็น คือ พระเยซูเป็นเจ้าของคริสตจักร ความคิดเรื่อง คริสตจักรพระเยซู พระองค์เป็นผู้ริเริ่ม พระเยซูสร้างจากคนที่พระเจ้าเปลี่ยนแปลง พระองค์ไม่ได้สร้างคริสตจักรจากอิฐ หิน ดิน ทราย
ข้อ 19 เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์”
พระเยซูมอบสิทธิอำนาจให้คริสตจักร เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับแผ่นดินสวรรค์ เราที่เป็นคริสตจักรของพระเจ้า เราถูกกำหนดให้เป็นเครื่องมือของพระเจ้า เพื่อการสถาปนาแผ่นดินสวรรค์
เมื่อเราเป็นคริสเตียนเรามีชีวิตอยู่เพื่อแผ่นดินสวรรค์ ไม่ใช่คริสตจักร
ภายใต้น้ำพระทัยของพระเจ้า พระองค์ให้สิทธิอำนาจแก่เรา แก่ผู้เชื่อ แก่คริสตจักร หากเรากล่าวห้ามสิ่งเลวร้ายทั้งหลายส่ิงเหล่านั้นเกิดขึ้นไม่ได้ หากเรากล่าวให้สิ่งดีเกิดขึ้น สวรรค์จะร่วมมือกับเรา เรื่องบางอย่างเรากล่าวในโลก คนในโลกไม่ฟังหรอก แต่พระเจ้าให้สิทธิอำนาจในส่ิงที่เรากล่าวห้าม สิ่งเลวร้าย ปัจจุบันนี้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นเต็มเมืองใครบ้างที่ลุกขึ้นกล่าวห้าม สิ่งดีที่เรากล่าวอนุญาต สวรรค์จะร่วมมือกับเรา เราสามารถกล่าวห้ามส่ิงร้ายไม่ให้เกิดขขึ้นได้ เรากล่าวอนุญาตสิ่งดีให้เกิดขึ้นได้
มธ6:9-10 เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอธิษฐานเช่นนี้ว่า‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ10ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
พระเยซูสอนให้เราอธิษฐาน ไม่ว่าจะอธิษฐานเรื่องอะไร ขอให้เรื่องที่เราอธิษฐานสอดคล้องกับคำอธิษฐานของพระเยซู รวมเข้าไปด้วย
พระเยซูมีน้ำพระทัยให้นามพระเจ้าเป็นที่เคารพสักการะ สาเหตุเพราะมนุษย์หลงไปจากพระเจ้าเที่ยงแท้ ทั้งๆที่ความเป็นจริงมนุษย์อยากจะนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ปัญหาคือ พวกเขาไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นองค์เที่ยงแท้
เราสังเกตยุคนี้มีความเจริญทางเทคโนโลยีมาก อะไรๆก็เป็นดิจิตอล แต่คนเราก็ยังหาส่ิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะอยู่ดี เมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะแยะมากมาย บางครั้งก็อุปโลกน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้น้ำนั้นจะสกปรกก็ยังเอามาดื่มกิน
แต่สำหรับพระเจ้าเที่ยงแท้กลับมีคนนมัสการน้อยมาก พระเจ้าอยากให้เราช่วยมนุษย์ ให้กลับมารู้จัก ให้กลับมานมัสการพระเจ้าที่เที่ยงแท้ โดยเริ่มจากคริสเตียนต้องรู้จัก และนมัสการพระเจ้าก่อน
คนไทยมีคติพจน์ว่าถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ดังนั้นคนไทยจึงให้เกียรติสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย แต่ไม่ให้เกียรติพระเจ้า เรื่องพระเจ้าไม่ได้ถูกรวบเข้าไปอยู่ในความคิดของคนไม่เชื่อด้วย นี่เป็นความรับผิดชอบของคริสตจักร ที่ต้องทำให้คนเหล่านั้นรู้ความจริงเรื่องพระเจ้าเที่ยงแท้ อธิษฐานขอให้พระนามพระเจ้าเป็นที่เคารพสักการะ
ขอให้คริสตจักรของพระเจ้ารู้หน้าที่ว่าคริสตจักรต้องทำอะไร เพื่อให้คนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ให้มารู้จักพระเจ้า ให้เข้ามาสักการะพระเยซู ผ่านความรับผิดชอบของเรา ผ่านการที่เรามีส่วน
ส่วนใหญ่คริสเตียนอธิษฐานขอ ในส่ิงที่พระเยซูไม่ได้สอนให้อธิษฐาน แต่เรากลับอธิษฐานแต่ส่ิงที่ตนอยากได้ ไม่ใช่อธิษฐาน เพื่อพระนามพระเจ้าจะเป็นที่สักการะ
“แผ่นดินของพระเจ้า มาตั้งอยู่” (10) แผ่นดินของพระเจ้า ไม่ได้ผ่านเครื่องมืออื่นๆของโลกนี้ หรือผ่านกระบวนการสร้างของมนุษย์ แต่แผ่นดินของพระเจ้า เกิดขึ้นผ่านคนที่พระเจ้าเลือก เพื่อให้ออกไปตามน้ำพระทัย เพื่อให้แผ่นดินพระเจ้ามาตั้งอยู่ หลายคนทำงานรับใช้กิจกรรมมากมายของ คริสตจักร แต่กิจกรรมเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า ให้เราระวัง
เมื่อเราได้รับชีวิตใหม่จากพระเจ้า พระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจากคนเกเรเป็นคนสุภาพอ่อนโยน เราก็อยากจะรับใช้พระเจ้า มีอะไรที่เราช่วยทำได้บ้างที่คริสตจักร ท่าทีเหล่านี้เป็นส่ิงที่ดี แต่ส่ิงที่ดีกว่านั้น คือ แทนที่จะทำอะไรให้พระเจ้า แต่ไปทำสิ่งที่พระเจ้าให้ทำดีกว่า
“แผ่นดินของพระเจ้า” ไม่ได้มาตั้งอยู่เพราะเหตุก่อนหน้านี้ พระเจ้าเป็นเจ้าของโครงการแผ่นดินของพระเจ้า พระองค์ใช้ให้เราทำงานที่พระองค์เรียกให้ทำ ไม่ใช่ทำให้พระเจ้า “ทำให้กับให้ทำ” ทำงานที่พระเจ้าให้ผลลัพธ์แตกต่างกันมากกับทำให้พระเจ้า ลองกับไปสำรวจงานที่เราทำดู
เราลองอธิษฐานกับพระเจ้า พระองค์ให้เราทำอะไรบ้าง ความจริงเรามีค่ามากกว่านั้นแต่เราไม่รู้ “แผ่นดินพระเจ้ามาตั้งอยู่” เมื่อเราอยู่ภายใต้แผนการของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าเป็นแม่แบบ (10) ขอให้เป็นไปตามพระทัยพระองค์ คริสตจักรต้องทำในส่ิงที่พระเจ้าให้ทำ ไม่ใช่ทำตามที่เรานึก
ต่อมาบอกว่า “ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก” แปลว่า พระเจ้า ต้องการให้สวรรค์ของพระองค์ เข้ามาตั้งในโลกเพื่อเราจะได้ชิมสวรรค์จริง เพราะสวรรค์ดีกว่าที่เราคิดเยอะ แต่เราเพียงแต่ไม่รู้
แต่วันนี้คริสตจักรไหนเป็นสวรรค์ในแผ่นดินโลกบ้าง คนของพระเจ้า รวมตัวกันต้องเป็นสวรรค์ไม่ใช่ร้อนเป็นนรก ขอให้สวรรค์เกิดขึ้นในคริสตจักร เรากล้าพูดอย่างนั้นไหม บางคนออกไปจากคริสตจักร เพราะร้อน คริสตจักรเป็นนรกชัดๆ
วันนี้คนไม่มาเชื่อพระเจ้า เพราะไม่ได้ชิมสวรรค์ในคริสตจักร ไม่มีชุมชนไหนที่เป็นแบบจำลองของสวรรค์เท่ากับคริสตจักรพระเจ้า พระเจ้า สถิตที่ไหนที่นั่นเป็นสวรรค์ สวรรค์ของจริงจะประกาศตัวของมันเอง อย่างน้อย 4 ประการ
1คร3:16-17 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน? 17ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น
วิหารของพระเจ้า เป็นที่ประทับของพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า เป็นที่ประทับของพระเจ้า หากพระเจ้า ประทับอยู่กับเรา สวรรค์จะเกิดขึ้นในชีวิตเรา สวรรค์ที่ไม่มีพระเจ้าเราไม่เรียกว่าสวรรค์ พระเยซูทรงถ่อมพระทัยลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์จากสวรรค์ เพื่อยกเราให้ขึ้นไปสวรรค์ ดังนั้นเมื่อเรารวมกัน คริสตจักรต้องเป็นที่ประทับของพระเจ้า เป็นสวรรค์ของพระองค์ในแผ่นดินโลก
พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อยู่กับเรา ดังนั้นสวรรค์ต้องเกิดขึ้น แต่หากไม่เกิดก็เป็นเพราะเราไม่ได้ทำอย่างที่พระเจ้า เรียกให้เราทำ เรียกให้เราเป็น วันนี้ขอให้พระเจ้าช่วยเรา ให้เป็นได้ตามพระทัยพระองค์
1.คริสตจักรต้องสะท้อนบรรยากาศสวรรค์
1 คร3:16 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?
พระเจ้า อยู่กับเราทุกๆคน บรรยากาศสวรรค์ก็ต้องเกิดขึ้นท่ามกลางเรา
1ยน2:5-6 แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง เพราะเหตุนี้แหละเราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ 6ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์
เหตุที่พระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในพระองค์ เพราะเราจะดำเนินชีวิตเหมือนอย่างพระองค์ มีความรักของพระองค์ในชีวิต
1ยน 3:14เ รารู้ว่าเราได้พ้นจากความตายไปสู่ชีวิตแล้ว ก็เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ที่ไม่รักก็ยังอยู่ในความตาย
พ้นจากความตายไปสู่ชีวิตเพราะรักพี่น้อง
คริสตจักรของพระเจ้า มีบรรยากาศของความมีชีวิตชีวา มีความรักสดใส ไม่มีการอิจฉา ใส่ร้าย ไม่เบียดเบียน สร้างความเดือดร้อน พูดทับทมกัน ท่านว่าที่ไหนที่เป็นแบบนั้นบ้าง คำตอบคือ ที่ป่าช้าเป็นแบบนั้น ต่างคนต่างนอน หนอนใครหนอนมัน ไม่เบียดเบียนสร้างความเดือนร้อน
การรักซึ่งกันและกันเกิดขึ้นบนพื้นฐานของพระเจ้า ไม่ใช่บนความดีของเรา หรือความน่ารักของคนอื่น ต่อให้คนอื่นไม่น่ารักเราก็รัก เพราะเป็นสวรรค์ของพระเจ้า อย่าทำให้คริสตจักร เป็นป่าช้า ไม่มีใครสนใจใคร
2.คริสตจักรต้องสะท้อนบรรยากาศความยำเกรงพระเจ้า
1ปต1:17 และถ้าพวกท่านร้องเรียกพระองค์ว่าพระบิดา ผู้ทรงพิพากษาอย่างไม่มีอคติตามการกระทำของแต่ละคน พวกท่านก็จงดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงในเวลาที่พวกท่านอยู่ในโลกนี้
ร้องเรียกพระบิดา จงดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าในโลกนี้ เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน วันนี้ถามตัวเองว่าเรายำเกรงพระเจ้าไหม เวลาที่เราด่าคน สวรรค์เป็นความหวานชื่น อ่อนหวาน ผ่อนคลาย ให้อภัย อ่อนสุภาพ
คุณจะเป็นใครก็ตามต้องต้อนรับคนที่ไม่น่ารัก คนที่เข้ามาใหม่ ต้อน รับให้อบอุ่น ชวนกินข้าว เพราะคนๆนี้พระเยซูได้ตายเพื่อเขา เพียงแต่เขายังไม่รู้จักพระเยซู ทุกคนที่เชื่อต้องทำอย่างนี้ พระองค์ต้องการให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ เรื่องแบบนี้ศิษยาภิบาลคนเดียวทำไม่ได้ ทุกคนใน คริสตจักรต้องช่วยกัน ต้องร่วมมือกัน
3.คริสตจักรต้องสะท้อนธรรมชาติสวรรค์
1คร3:17ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น
วิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ คริสเตียนไม่อะลุ่มอลวยไม่ประนีประนอมความบาป แต่ให้โอกาสคนบาปในการกลับใจใหม่
1ปต1:15-16 แต่พระองค์ผู้ทรงเรียกพวกท่านนั้นบริสุทธิ์อย่างไร พวกท่านเองก็จงเป็นคนบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านอย่างนั้น 16เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า “พวกท่านจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเองบริสุทธิ์”
แต่พระองค์ที่เรียกเราบริสุทธิ์อย่างไร เราก็ต้องบริสุทธิ์อย่างนั้น แปลความว่า สวรรค์บริสุทธิ์อย่างไร เราก็ต้องบริสุทธิ์ด้วย ตามมาตรฐานสวรรค์ด้วย
มีกี่คนที่กลัวผี ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัว เพราะผีกลัวความบริสุทธิ์ของพระเยซู ในพระนามของพระเยซู ไม่ใช่หมายถึงนามที่เป็นตัวอักษร ไล่ผีมันไม่ไป ต่อให้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน แต่เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ของพระเยซูต่างหากที่ไล่ผีออก เมื่อผีโสโครกเจอกับพระเยซู มันถามว่า มาทำลายเราก่อนเวลาหรือ พระเยซู สั่งผี ผีมันก็ออกไป แต่ถ้ามันไม่ออก ต้องถามว่าพระนามบริสุทธิ์ของพระเยซูอยู่กับคุณหรือเปล่า ถ้าคุณบริสุทธิ์ผีมันอยู่ไม่ได้ มันต้องถูกไล่ออกไป คริสตจักรต้องสะท้อนบรรยากาศธรรมชาติของพระเจ้า คือ ความบริสุทธินั่นเอง
4.คริสตจักรต้องสะท้อนเอกภาพของสวรรค์
1คร3:16-17 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน? 17ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น
พวกท่าน ท่านทั้งหลายเ(ป็นพหูพจน์) เป็นวิหารเดียว (เอกพจน์) สวรรค์เป็นเอกพจน์ เป็นสวรรค์เดียว
หลายคนเวลาคุยเรื่องการเมือง การเมืองไม่นิ่ง ไม่ดี มีความแต่แยก บางคนก็เลือกพรรคพิง (เลือกพักพิง)ในพระเจ้า