อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี เทศนาเช้า
ดำเนินชีวิตถวายพระเกีรยติพระเจ้า 1คร10:23-24,31
อาทิตย์ที่ 1 ก.ย. 2019 คริสตจักรบ้านพลังรัก
1คร10:23-24,31 เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ เราทำทุกสิ่งได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นทำให้เจริญขึ้น 24อย่าให้ใครเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ 31เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
หากเราเฝ้าเดี่ยวแล้วอิ่มเราจะโต หากเรากินอาหารไม่พอเราจะผอม จะป่วย จะตาย คนที่โต จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่โตเป็นเด็ก ความคิดเป็นผู้ใหญ่ จะรับใช้ ถ้าอิ่มแล้วอ้วนจะไม่โต ขอให้เราเฝ้าเดี่ยวให้อิ่มเพื่อเราจะโตเป็นผู้ใหญ่ และร่วมรับใช้ต่อไป
เรื่องที่เราส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิด คือ เป็นคริสเตียนแล้วทำอะไรได้บ้าง อะไรทำไม่ได้บ้าง อะไรต้องหยุดทำ อะไรไม่ควรทำ ทั้งหมดนี้เรียกว่า การ ดำเนินชีวิตคริสเตียนที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
ข้อ23 เมื่อเราเป็นคริสเตียน พระเจ้าได้ไถ่เราจากทาสของความบาปให้เราเป็นไท ดังนั้นเราจึงมีเสรีภาพในการจะทำอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งจะเป็นประโยชน์ ก่อนเรามาเชื่อพระเยซู เราทำดีไม่ได้ เรามีแค่ความอยากที่จะทำดี ตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนเชื่อพระเจ้า พอมีใครมาทำร้ายเรา สวนสัตว์ในตัวเราทุกตัวออกมาจากปากเราหมดเลย แต่พอเราได้มาเชื่อพระเจ้า เรามีเสรีภาพที่จะเลือก จะทำดีก็ได้ จะทำบาปก็ได้ จะไม่ด่าแต่ชมเชยก็ได้ เราเป็นไท เราทำดีก็ได้ ทำไม่ดีก็ได้ แต่เราต้องเลือกสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์
พระคัมภีร์ให้เราเลือกทำในส่ิงที่เป็นประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ ไม่ทำ เช่น ไปด่ากับคน ไปสาบแช่งคน ไปอิจฉาชาวบ้าน ไปโกรธคน ขมขื่น สิ่งเหล่านี้คริสเตียนเลือก จะไม่ทำได้ ก็เลือกได้
เราทำทุกส่ิงได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นทำให้เจริญขึ้น ถ้าทำแล้วไม่มี ประโยชน์ไม่ทำ ไม่พอ แต่หากทำแล้วไม่เจริญขึ้นเราก็ไม่ทำด้วย
ถ้าเจริญแล้ว มีประโยชน์แล้ว ก็ขอให้คิดถึงผลประโยชน์ของคนอื่นๆ ถ้าเราไม่ได้ประโยชน์ หรือได้ประโยชน์น้อย แต่คนอื่นได้ผลประโยชน์เยอะกว่าเรามาก ก็ขอให้เราทำ ถึงแม้เราเสียผลประโยชน์แต่คนอื่นเจริญขึ้น คนอื่นได้ประโยชน์ เราก็เลือกที่จะทำ เพราะพระเยซูตายเพื่อเราแล้วเราจึงไม่อยู่เพื่อตนเองอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อพระองค์
2คร5:15 จะไม่อยู่เพื่อตนเองอีกต่อไปแต่อยู่เพื่อพระเจ้า ที่ตายเพื่อเรา
เรายินดีทำ แม้ขาดทุนคนอื่นได้ประโยชน์ เราไม่เอาเปรียบใคร
ข้อ31 จะทำอะไรก็ตามจงทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า คนอื่นเจริญขึ้น คนอื่นโตขึ้น คนอื่นได้ประโยชน์ พระเจ้าได้รับพระเกียรติ ให้เราเลือกที่จะทำ ไม่ใช่ตามสมัยนิยม หรือตามกฎหมาย แต่ให้เป็นไปตามพระวจนะพระเจ้า
ตัวอย่าง กัญชาสมัยก่อนไม่ผิดกฎหมาย คนไม่ค่อยเป็นมะเร็ง ทำอาหารก็ใส่กัญชา หลังจากนั้นต่อมา กัญชาก็กลายเป็นส่ิงผิดกฎหมาย
เคยมีคำถามไหมว่า “ทำไมพระเจ้าอยากให้เราถวายเกียรติแด่พระเจ้า” พระคัมภีร์หลายข้อ หลายตอนเรียกร้องให้เราถวายเกียรติแด่พระเจ้า เรียกร้องให้เราทำทุกอย่างเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า คำว่า “เกียรติ” ใช้ในความหมายเหมือนคำว่า “สง่าราศี ,พระสิริ Glory, นมัสการสรรเสริญ” ก็อยู่ในความเหมายเดียวกับการถวายเกียรติ สดุดีพระเจ้า พระเจ้าเรียกร้องให้เราสรรเสริญพระองค์ ตัวอย่างเช่นในพระคัมภีร์
สดด29:1-2 บรรดาบุตรของพระเจ้าเอ๋ยจงถวายแด่พระยาห์เวห์เถิดจงถวายพระเกียรติและพระกำลังแด่พระยาห์เวห์ 2จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์ จงนมัสการพระยาห์เวห์ผู้ทรงงดงามในความบริสุทธิ์
การถวายเกียรติแด่พระเจ้า แปลว่า พระเจ้ากำลังยกย่องตัวเองเพื่อให้เราถวายเกียรติ ทำไมพระเจ้าต้องให้คนยกย่องพระองค์เอง เคยมีคำถามแบบนี้ไหม ปกติคนเราไม่ชอบคนยกย่องตนเองหรือคนอวดตัวเอง
อพย34:14 (ห้ามนมัสการพระอื่น เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีพระนามว่า “หวงแหน” เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน)
พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน พระเจ้าไม่พอพระทัยเมื่อเราไปนมัสการพระอื่น ไม่มีใครดีกว่าพระองค์ แต่เราไปนมัสการพระอื่น พระองค์โกรธ
ตัวอย่างเหมือนคนที่มีลูกสาว พ่อบอกว่าอย่าไปยุ่งกับหนุ่ม เมื่อมีคนมาจีบลูกสาวตัวเองก็จะไม่พอใจ เพราะหวงแหนลูกสาว
มธ10:37-39 ใครที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเรา ก็ไม่มีค่าควรกับเรา และใครที่รักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา 38และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา 39ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอด จะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด
พระเยซูกำลังบอกว่า พระองค์สูงค่ากว่าพ่อแม่ของเรา ลูกเรา สามีเรา ภรรยาเรา สูงค่ากว่าชีวิตของเรา ทำไมพระเยซู ทำอย่างนี้หละ พระองค์เหงา หรือ ไม่มีใครสนใจพระองค์หรือ พระองค์เลยต้องอวดตัว ถ้ามีใครมาบอกผมว่าเขาดีกว่าพ่อแม่ผม ผมไม่อยากจะคุยกับเขาต่อเลย ทำไมพระเยซูพูดแบบนั้น
พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้ายกย่องพระองค์เองแน่นอน แต่พระองค์ทำทำไม พระองค์ทำเพื่ออะไร พระองค์ทำเพื่อใคร เราต้องหาคำตอบ
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกในปฐมกาล มนุษย์เป็นพระฉายาของพระเจ้า ไม่มีส่ิงทรงสร้างอื่นๆที่ถูกสร้างด้วยพระฉายาของพระเจ้า มีแต่มนุษย์เท่าน้ัน
ปฐก1:27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
พระฉายาของพระเจ้า ทำให้มนุษย์ แตกต่างจากสิ่งทรงสร้าง แตกต่างจากสัตว์ มนุษย์มีความคิด มีเหตุผล มีจิตใจ มีมโนธรรม มีศิลธรรม สัตว์มีสัญชาติญาณแต่ไม่มีจริยธรรม มนุษย์กับสัตว์มีจิตวิญญาณแตกต่างกัน มีสติปัญญาแตกต่างกัน มนุษย์มีความรัก สติสัมปะชัญญะ มีความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ส่วนสัตว์ไม่มี ( หมายถึงมนุษย์ที่ยังไม่ทำบาป )
พระฉายาคือ พระลักษณะ หรือพระสิริของพระเจ้า พระเจ้าสร้างเราให้มีพระสิริของพระเจ้า มนุษย์จะสำแดงพระสิริของพระเจ้า
คือ พระฉายาของพระเจ้า เพื่อพระเกียรติของพระเจ้าจะได้ปรากฎผ่านชีวิตของเราที่เป็นมนุษย์ เมื่อคนอื่นเห็นเรา เขาเห็นพระสิริของพระเจ้า เห็นดินก้อนนี้มีชีวิต เมื่อเราดำเนินชีวิตกับพระเจ้า เราจะสำแดงพระสิริของพระเจ้า
สดด19:1ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และพื้นฟ้าสำแดงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์
ส่ิงทรงสร้างไม่มีพระฉายาของพระเจ้า แม้พระองค์สร้างพื้นฟ้าด้วยพระหัตถ์ พื้นฟ้าก็ยังสำแดงพระสิริของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นการได้เห็นมนุษย์ ที่สร้างจากพระสิริของพระเจ้า จะเห็นพระสิริของพระเจ้า
การที่มนุษย์ทำบาป พระคัมภีร์บอกว่า ความบาปทำลายพระสิริของพระเจ้า ในชีวิตของเรา ไม่ได้ถวายเกียติแด่พระเจ้า เอาพระสิริของพระเจ้า มาแลกกับรูปเคารพ ความบาปของมนุษย์ คือ การไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
รม1:21-23 เพราะถึงแม้ว่าเขาได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์ แต่พวกเขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป 22ในการอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขากลายเป็นคนโง่เขลาไป 23และเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าผู้เป็นอมตะมาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตาย หรือรูปนก รูปสัตว์สี่เท้า และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
คำสอนของมาร คือ ให้มนุษย์เชื่อฟังมาร เจ้าจะไม่ต้องไปเชื่อฟังพระเจ้าอีกต่อไป ไม่ต้องไปถามพระเจ้าอีกแล้ว
เพราะมนุษย์รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ด้วยตนเอง คิดเอง เออเอง ได้ด้วยตนเอง มนุษย์ ก็คิดว่า ทำได้ด้วยตนเองก็ดี มีตัวเองเป็นศูนย์กลางตลอดไป นี่คือความบาป กูเก่ง เอะอะอะไรก็กู กู กิน เกียรติ กาม เพราะบาปทำให้เรามีตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่พระเจ้าเป็นศูนย์กลางอีกต่อไป
ปฐก3:4-5 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “พวกเจ้าจะไม่ตายแน่ 5เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า พวกเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นวันใด ตาของพวกเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วพวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว”
เมื่อเราถวายเกียรติพระเจ้า หมายความว่า เราให้พระเจ้า เป็นศูนย์กลางไม่ใช่ตัวเองเป็นศูนย์กลางอีกต่อไป
มนุษย์เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้าเมื่อทำบาป เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์จากพระสิริ จากพระฉายาของพระเจ้า เมื่อทำบาปพระสิริไม่อยู่แล้ว พอบอกเรื่องพระเจ้า มนุษย์ก็จะไม่เอา มนุษย์จะไม่ถวายเกียรติพระเจ้า มนุษย์ สู้ท้องฟ้ายังไม่ได้ที่ประกาศพระสิริของพระเจ้า
รม3:23 เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
แต่พระเจ้าสร้างเราใหม่ตามพระฉายาของพระเจ้า เพื่อให้เรารู้จักพระเจ้า
คส3:10และสวมวิสัยมนุษย์ใหม่ที่กำลังได้รับการสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายาของพระองค์ผู้ทรงสร้างเพื่อให้รู้จักพระเจ้า
เราถวายพระเกียรติพระเจ้า ด้วยการถูกสร้างชีวิตใหม่ คนไม่เชื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าไม่ได้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ คริสเตียนควรถวายเกียรติพระเจ้า ควรมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินชีวิต มีพระเยซูเป็นศูนย์กลางทำอะไรตามพระทัยพระเจ้า ดำเนินชีวิตถวายเกียรติพระเจ้า
พระเจ้าช่วยเราให้รอดพ้นจากความบาปผ่านขบวนการไถ่ของพระเจ้า โดยส่งให้พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก
รม15:8-9เพราะข้าพเจ้าว่า พระคริสต์ได้ทรงรับใช้มายังพวกยิว เพื่อเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อจะรับรองพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรดาอัครปิตานั้น 9และเพื่อให้คนต่างชาติได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เพราะเหตุ นี้ ข้าพระองค์ขอสรรเสริญ พระองค์ท่ามกลางประชาชาติ และร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ ”
การเสด็จมาของพระคริสต์อีกครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปตามพระสัญญาที่พระเจ้าสัญญาไว้กับบรรพบุรุษ เพื่อให้คนต่างชาติได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พวกเขาได้รับการไถ่บาป เพื่อจะมีปัจจัยมาถวายพระเจ้าได้ พวกเขาได้รับสิทธิ์ในการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าได้
ลก2:14 “พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุดส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
สันติสุขจะมาถึงมนุษย์ แต่พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด พระเยซู มาเกิดเพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติ การถวายเกียรติแด่พระเจ้ามีค่าสูงสุด
ดังนั้นพระเยซูจึงมาจากพระเจ้า มารับสภาพมนุษย์ มาส้ินพระชนม์