ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์” (ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 38 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเอเฟซัส (วว2:1-7)
ก้าวที่ 39 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8-11)
ก้าวที่ 40 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12-17)
ก้าวที่ 41 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18-29)
ก้าวที่ 42 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1-6)
ก้าวที่ 43 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7-13)
ก้าวที่ 44 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว3:14-22)
ก้าวที่ 45 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
ก้าวที่ 46 เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 47 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 48 เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะ
คริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 47 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
ตอนที่ 10 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักรทั้ง 7
1.คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส
2.คริสตจักรเมืองสเมอร์นา
3.คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
4.คริสตจักรเมืองธิยาทิรา
5.คริสตจักรเมืองซาร์ดิส
6.คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย
7.คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย
โดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ (10 มิ.ย. 2020)
เบื้องหลังของการเรียนรู้เรื่องทัศนคติของพระเยซูคริสต์ กับคริสตจักรทั้ง 7 จากพระธรรม วว2:1-3:22 มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าพระเยซูคริสต์ มีพระประสงค์จะให้พวกเขาทำอะไร พระองค์แจ้งคริสตจักรอย่างชัดเจน และเมื่อเราเรียนรู้แล้ว เราก็ควรจะดำเนินตามพระประสงค์ของพระองค์
เราเห็นว่าพระเยซูคริสต์ชื่นชม สองคริสตจักร(2,6)ไม่ตำหนิเลย มีแต่หนุนใจให้ทำดีต่อไป ตำหนิสองคริสตจักร(1,7)ที่อยู่ในสภาพอันตรายมากให้กลับใจใหม่แม้มีส่ิงดีมากมายแต่ร่วงหล่นจากความรักของพระเจ้า อีกสามคริสตจักร(3,4,5) มีการประนีประนอมต้องกลับใจใหม่ แม้มีการชมเชยบ้าง
โดยอ.ยอห์นได้รับการสำแดงจากพระเยซูคริสต์ ให้เขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด (วว1:11) ตรัสว่า “สิ่งที่ท่านเห็นนั้นจงเขียนไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เมือง(1)เอเฟซัส เมือง(2)สเมอร์นา เมือง(3)เปอร์กามัม เมือง(4)ธิยาทิรา เมือง(5)ซาร์ดิส เมือง(6)ฟีลาเดลเฟียและเมือง(7)เลาดีเซีย”
เนื้อหาสำหรับตอนที่ 10 นี้เน้นพระเยซูคริสต์มีทัศนคติอย่างไร หรือต้องการให้คริสตจักรทั้ง 7 ทำอะไร ตามพระประสงค์นั่นเอง โดยท่านสามารถเรียนรู้เพื่อสำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินชีวิตของท่านกับพระเยซูคริสต์เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ และชุมชนของพระเจ้า หรือคริสตจักรท้องถิ่นที่ท่านผูกพันตัวได้ดำเนินพันธกิจเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ เพื่อเราจะเป็นผู้ชนะ ได้รับตามสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงสัญญาว่าจะให้เราได้รับในวันสุดท้าย
วว2:1,8,12,18; 3:1,7,14 “จงเขียนถึง ทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมือง
เอเฟซัส,สเมอร์นา,เปอร์กามัม,ธิยาทิรา,ซาร์ดิส,ฟีลาเดลเฟีย และเลาดีเซีย
“ฑูตสวรรค์” อาจจะหมายถึง ฑูตสวรรค์ที่เป็นวิญญาณจริงๆก็ได้หรือเป็นผู้นำผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาลของคริสตจักรก็ได้ การแปลความให้ใช้บริบทของเนื้อหาเป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจอีกที บางคนก็เชื่อว่าเป็นฑูตสวรรค์จริงๆไม่ใช่หมายถึง ผู้นำหลักของคริสตจักร แต่ไม่มีทัศนไหนบอกว่าฑูตสวรรค์ในคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นมนุษย์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเท่านั้น
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ตอนที่ 10 เรียนรู้จากทัศนคติของ
พระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักรทั้ง 7
1.คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส(วว2:4-5)
4แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า 5เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่
1.1 จงกลับใจใหม่
พระคริสต์ทรงเตือนคริสตจักรเมืองเอเฟซัส ถึง “ความรักครั้งแรก”
ที่พวกเขาละทิ้ง การทรงเรียกของพระเจ้าให้คนกลับใจใหม่มักจะเริ่มต้นจากการเรียกให้พวกเขาระลึกถึงส่ิงที่พระเจ้าเคยกระทำในอดีตความทรงจำเหล่านั้นจะเป็นแรงจูงใจที่ทรงอำนาจในการนำพวกเขาให้กลับใจใหม่
พระเยซูจึงต้องบอกยอห์นให้เตือนพวกที่สอนผู้เชื่อ และเตือนผู้ฟังในเวลานั้นให้กลับมามีชีวิตที่มีความสัมพันธ์อย่างดีกับพระเจ้า คือ ความรักที่มีต่อพระเจ้า ไม่ใช่แค่มีความรู้เรื่องพระเจ้าอย่างดีเท่านั้น หรือมีแต่ความเชื่อ
การที่ผู้เชื่อเกลียดชังคำสอนผิด การประพฤติผิด ก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่ไม่ดีเพียงพอกับการกลับมามีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า คือ ความรักที่มีต่อพระเจ้า ไม่อย่างนั้นพระเยซูคริสต์จะไม่เตือนให้เขากลับใจใหม่เรื่องนี้
1.2 ย้ายคันประทีป
5เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่
พระองค์จะมาหาพวกเขา อาจจะไม่ได้หมายถึงการเสด็จมาครั้งที่สอง แต่น่าจะหมายถึง การพิพากษาที่พระองค์จะนำมาต่อสู้พวกเขาในไม่ช้าหากพวกเขายังไม่กลับใจ หรือพระคริสต์ปฎิเสธที่ประชุมหรือคริสตจักร และโยนพวกเขาออกจากอาณาจักรของพระองค์ หากพวกเขาไม่กลับใจจากความรักที่มีต่อพระเยซูคริสต์ถดถอยลงไป
พระเยซูคริสต์เตือนว่า “จงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีป” ไม่ได้อยู่ต่อหน้าที่ประทับของพระเยซูคริสต์ แสดงว่า คริสตจักรจะไม่ได้รับความสนใจ ไม่ได้รับความสำคัญ และไม่ได้อยู่ในนครเยรูซาเล็มใหม่ในอนาคต นั่นหมายถึง การดับ หรือการตายฝ่ายวิญญาณนั่นเอง
โดยจะย้ายคันประทีบ ก็คือ การทรงพิพากษาโทษพวกเขาตามมาตรฐานของพระเยซูคริสต์ แต่พระองค์ไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงเตือนพวกเขาให้กลับใจใหม่
หากเราถูกตักเตือนให้กลับใจใหม่ เรายังมีโอกาสแก้ไขให้ถูกต้องตามพระทัยพระเจ้า เพราะวันที่พระเจ้าพิพากษา เราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ยังมีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดได้เมื่อเรากลับใจใหม่
2.คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:10)
10อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความยากลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จวบจนวันตาย
2.1 อย่ากลัว
พระคริสต์ทรงให้กำลังใจคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
“คําว่า อย่ากลัว” 5399. phobeó (v) อ่านว่า (thron’-os) หมายถึง
อย่ากลัวที่จะผ่านความทุกข์ยากบางอย่าง ในที่นี้อาจจะหมายถึง ความตาย ระหว่างทางอาจจะมีการขัง ส่วนใหญ่คนสมัยนั้นหากถูกขังนานๆก็เพื่อรอวันประหารชีวิตนั่นเอง การถูกขัง10 วันอาจจะเป็นเวลาที่ หมายถึง เวลาสั้นๆก็จะจบสิ้น คนที่ถูกขังอาจจะถูกปล่อยตัวออกมาก็ได้ หรือถูกฆ่าตายก็ได้
พวกที่ข่มเหงผู้เชื่อด้วยการกล่าวร้าย อาจจะยืมอำนาจรัฐ โดยกษัตริย์โดมิเทียนัส ครองราชย์ ค.ศ. 81-96 คริสตจักรตกอยู่ภายใต้การข่มเหงอย่างรุนแรง โดยบัญชาให้เรียกพระองค์ว่าพระผู้เป็นเจ้าหรือเทพเจ้า และนี่จึงเป็นเบื้องหลังของการเขียนพระธรรมวิวรณ์เพื่อหนุนใจคริสเตียนในเวลานั้นนั่นเอง
พระเยซูคริสต์หนุนใจให้ “อย่ากลัว” ความตาย
มธ10:28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้
2.2 จงซื่อสัตย์
“คําว่า จงซื่อสัตย์” 4103. pistos(adj) อ่านว่า(pis-tos’) หมายความ ให้ยึดมั่น ให้เชื่อในพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ แสดงออกเป็นการกระทำที่สัตย์ซื่อ ต่อหน้าที่การงาน ต่อการปฎบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ หรือการปฎิบัติต่อคำสั่ง
นี่คือส่ิงที่พระเยซูคริสต์ อยากให้เราเชื่อในพระองค์ ยึดมั่นในพระองค์ ไว้วางใจในพระสัญญาของพระองค์ และดำเนินชีวิตของเราให้ดี แม้ว่าเราได้ทำได้ดีแล้ว แต่มีคนข่มเหงขัดขวาง เราไม่ต้องกลัวให้ไว้วางใจพระเยซูคริสต์
ถ้าเราไม่กลัวความยากลำบาก หรือความยากจน หรือการเสียชื่อเสียง หรือการถูกใส่ร้าย หรือแม้กระทั่งความตายเพราะเชื่อพระเยซูคริสต์ ก็ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เราต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว
เราควรจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ต่อไป เพราะวันที่ถูกพิพากษาเราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ววันนี้ยังมีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดได้
3.คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:13-16)
13“เรารู้จักที่อยู่ของเจ้า ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน ถึงกระนั้นเจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา และไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราต้องถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ในที่ซึ่งซาตานอยู่นั้น
3.1 คำชมเชย (13)
พระคริสต์ทรงชมเชยคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมถึง “ความซื่อสัตย์” ที่พวกเขาต้องเผชิญกับความกดดันให้ปฏิเสธความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ดังที่กล่าวไปแล้วว่า คริสตจักรเมืองเปอร์กามัมอยู่ในที่ ๆ เป็นศูนย์กลางของลัทธิการนมัสการจักรพรรดิและโทษของการไม่ยอมปฏิญาณตนว่าซีซาร์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าคือต้องตาย พระคัมภีร์ตอนนี้จึงกล่าวถึงคริสตจักรเปอร์กามัมว่าพวกเขาอยู่ใน “ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน” แต่พวกเขายังตอบสนองต่อการถูกบีบคั้นด้วย
(1) ยึดมั่นในนามของพระองค์
(2) ไม่ปฏิเสธความเชื่อในพระองค์
ข้อความตอนนี้กล่าวถึง “อันที่พาสพยานผู้ซื่อสัตย์” ต้องถูกฆ่าเพราะไม่ยอมปฏิเสธความเชื่อที่มีในพระเยซูคริสต์ คำว่า “พยาน” มาจากคำกรีกว่า “μάρτυς” และคำภาษาอังกฤษว่า มาเทอร์ “martyr” ที่แปลว่าพลีชีพ ภายหลังถูกใช้เพื่ออ้างถึงผู้ที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซู คำว่า “พยาน” นี้ใช้อีกครั้งในพระธรรมวิวรณ์ 17:6 กล่าวถึงบรรดาคนที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานของพระเยซูด้วยเช่นเดียวกัน
ข้อ13 อันทีพาส เป็นผู้ถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อ เป็นภาพของความเข้มแข็งในความเชื่อคือ ยอมตายเพื่อความเชื่อ(ทรมานน้อยกว่าอดตาย) เป็นไม้แข็งที่มารใช้กำจัดผู้เชื่อ เมื่อฆ่าคริสเตียน หรือข่มเหงคริสเตียนมากขึ้น แต่พวกคริสเตียนนี้กับไม่ปฎิเสธความเชื่อในพระเยซูคริสต์
มารก็หาวิธีใหม่ในการล่อลวงผู้เชื่อ คือ การใช้ไม้อ่อน ล่อลวงให้คริสเตียนยอมประนีประนอมกับผลประโยชน์ ล่อลวงให้ประนีประนอมกับโลก แต่ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งในการล่อลวง ขอให้เรา
(1) ยึดมั่นในนามของพระองค์
(2) ไม่ปฏิเสธความเชื่อในพระองค์
พระเยซูจึงต้องบอกยอห์นให้เตือนพวกที่สอนผู้เชื่อ และเตือนผู้ฟังในเวลานั้นอย่าประนีประนอมกับโลก หรือรับค่านิยมของโลก มากกว่าค่านิยมของพระเจ้า พระองค์เตือนผ่านการต่อว่าคำสอนแบบบาลาอัม และนิโคเลาส์
และคำว่า “พยานผู้ซื่อสัตย์” เป็นคำเดียวกันที่กล่าวถึง “พระเยซูคริสต์พยานผู้ซื่อสัตย์” ใน วว.1:5 ที่ทรงซื่อสัตย์จนยอมสิ้นพระชนม์เช่นเดียวกัน
3.2 คำติเตียน (14-15)
14แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าสองสามข้อ คือเจ้ามีบางคนที่ยึดถือคำสอนของบาลาอัมอยู่ที่นั่น ผู้ซึ่งสอนบาลาคให้วางสิ่งสะดุดต่อหน้าพวกอิสราเอล คือให้พวกเขากินอาหารที่บูชารูปเคารพและล่วงประเวณี 15เช่นเดียวกันเจ้าก็มีคนที่ยึดถือคำสอนของพวกนิโคเลาส์ด้วย
คำติเตียน ไม่ใช่ว่าคริสเตียนในคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมจะมีความจงรักภักดีด้วยกันทุกคน มีคำติเตียนคือ มีบางคนในคริสตจักรยึดถือคำสอนเท็จ โดยพูดถึงลักษณะคำสอนเท็จ 2 แบบ คือ
(3.2.1) คำสอนของบาลาอัม
คือให้พวกเขากินอาหารที่บูชารูปเคารพและล่วงประเวณี (2:14)
บาลาอัมเป็นต้นแบบของคนที่สนับสนุนให้เกิดการประนีประนอมกับคนนอกศาสนาโดยมีส่วนร่วมกับรูปเคารพและกระทำผิดศีลธรรม เป็นไปได้ว่ามีคริสเตียนบางคนในคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมกำลังทำแบบเดียวกับที่บาลาอัมทำต่ออิสราเอล
โดยแนะนำว่าการนมัสการจักรพรรดิเป็นหนทางที่ปลอดภัย หรือสอนว่าพวกเขายังดำเนินชีวิตที่ไร้ศีลธรรมได้ โดยบอกว่าการทำสิ่งเหล่านี้เป็นหนทางไปสู่การเป็นมิตรกับพวกโรมันและรอดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหงจากพวกโรมัน
ส่วนปัญหาเรื่องการกินอาหารที่บูชารูปเคารพ ไม่ได้หมายถึง ความบังเอิญที่คริสเตียนไปกินสิ่งที่เขาเอาไปบูชาที่วิหารของคนนอกศาสนาแล้วเอามาเลี้ยง แต่เป็นการเจตนากินสิ่งที่เขานำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในวิหารของคนนอกศาสนาซึ่งเท่ากับเป็นการมีส่วนร่วมกับการถือรูปเคารพและการทำผิดประเวณี แม้ในพระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงการนมัสการรูปเคารพไว้หลายครั้งว่าเป็นการเล่นชู้หรือการแพศยาต่อพระเจ้า (อสค.16:31-33)
แต่ในที่นี้มีความเป็นไปได้จริง ๆ ว่าพวกที่นมัสการในวิหารรูปเคารพจะมีพิธีกรรมบูชารูปเคารพและมีงานเลี้ยงที่มีการทำผิดศีลธรรมทางเพศควบคู่ไปด้วยกันจริง ๆ เพราะสำหรับชาวกรีกและชาวโรมันนั้นเห็นว่าการปล่อยปละละเลยเรื่องเพศนั้นไม่ได้ถือเป็นบาปอะไรนักหนาสำหรับพวกเขา
ให้ระวังเรื่องผลประโยชน์ในคริสตจักรที่อาจจะได้มาจากสิ่งที่ผิดไปจากหลักการของพระเจ้า เปรียบเทียบเหมือนอาหารที่ไหว้ บูชารูปเคารพ
ให้ระวังเรื่องเพศ ในด้านต่างๆที่ไม่เหมาะสมในคริสตจักร ส่งผลต่อการประนีประนอมในการนมัสการพระเจ้า หรือการใช้เรื่องเพศเพื่อผลประโยชน์อย่างไม่สมควร เช่น การแสดงเต้นยั่วยวน การแต่งกายไม่เหมาะสม การสนับสนุนเรื่องเพศที่ผิดไปจากพระคัมภีร์
(3.2.2) คำสอนของพวกนิโคเลาส์
มีการกล่าวถึง “พวกนิโคเลาส์” ก่อนหน้านี้ในจดหมายถึงคริสตจักรเมือง
เอเฟซัสใน อฟ1:6 ว่าพระเยซูทรงเกลียดชังความประพฤติของพวกเขา ลักษณะคำสอนของพวกเขาคือสอนให้ใช้เสรีภาพในพระคุณพระเจ้าในทางที่ผิดและให้ประนีประนอมกับการทำตามเนื้อหนัง มี 2 ทฤษฎีที่พยายามอธิบายเรื่องนี้คือ
(ก) นิโคเลาส์คนนี้คือคนเดียวกับนิโคเลาส์ชาวเมืองอันทิโอกผู้เข้าจารีตศาสนายิวที่เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะมัคนายก 7 คนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้แจกจ่ายอาหาร (กจ.6:5 – เนื่องจากมีคนยิวที่พูดกรีกร้องเรียนไปว่าไม่ได้รับแจกจ่ายอาหารอย่างเพียงพอ และนิโคเลาส์คนนี้เป็นชาวต่างชาติที่มาเข้าจารีตยิวและพูดกรีก) เขามีพื้นเพเป็นคนต่างชาติที่กลับใจมาเข้าศาสนายิวและเป็นคริสเตียน เขาอาจตั้งลัทธินอกรีตขึ้นมาจากรากฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันที่หนักแน่นนัก
(ข) เป็นไปได้ว่าพวกนิโคเลาส์คือกลุ่มลัทธินอกรีตที่เข้ามาในคริสตจักรแล้วก็ไปในช่วงแรกของการตั้งคริสตจักร อย่างไรก็ตามในจดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดมีการกล่าวถึงพวกสอนผิดแบบเดียวกันนี้ 3 ครั้ง (ที่สอนให้ล่วงประเวณีและกินอาหารที่บูชารูปเคารพ)
ในคำเตือนไปถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส (2:6) คำเตือนถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (2:14-16) และคำเตือนถึงคริสตจักรเมืองธิยาธิราเรื่องที่ทนฟัง
เยเซเบลผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เผยวจนะ (2:20)
มีความเป็นไปได้อย่างมากที่คนสอนผิดเหล่านี้เป็นคนกลุ่มเดียวกันและอยู่ภายในคริสตจักรเอง ไม่ใช่คนภายนอกคริสตจักร พวกเขาอ้างเสรีภาพในทางที่ผิดและสนับสนุนให้คริสเตียนประนีประนอมกับการทำบาป
3.3 คำตักเตือน (16)
16เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าโดยเร็ว และจะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา
พระเยซูคริสต์เตือนว่า “จงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าโดยเร็ว และจะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา” พระองค์จะมาหาพวกเขาโดยเร็ว อาจจะไม่ได้หมายถึงการเสด็จมาครั้งที่สอง แต่น่าจะหมายถึง การพิพากษาที่พระองค์จะนำมาต่อสู้พวกเขาในไม่ช้าหากพวกเขายังไม่กลับใจ โดยจะทรงใช้ดาบในปากของพระองค์ซึ่งก็คือการทรงพิพากษาโทษพวกเขาตามมาตรฐานแห่งความชอบธรรมของพระวจนะของพระองค์นั่นเอง
เราอยากให้พระเยซูคริสต์ ชมเชย หรือติเตียน ต้องตัดสินใจวันนี้
หากเราถูกตักเตือนให้กลับใจใหม่ เพราะวันที่ถูกพิพากษาเราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ววันนี้ยังมีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดได้
4.คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:20-25)
4.1 เตือนอย่าทนฟังคำสอนผิด (20)
20แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือเจ้าทนฟังเยเซเบล ผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ นางสอนและล่อลวงบรรดาผู้รับใช้ของเราให้ล่วงประเวณีและกินอาหารที่บูชารูปเคารพ
พระคริสต์ทรงเตือนคริสตจักรเมืองธิยาทิราที่ ทนฟังเยเซเบล หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เผยวจนะปลอม “เยเซบล” อาจจะเป็นพฤติกรรมแบบเยซาเบลที่ล่อลวงกษัตริย์อาหับให้นมัสการพระองค์อื่น ประพฤติตนไร้ศิลธรรมและจริยธรรมที่ดี มากกว่าชื่อนางเยเซเบล(ไม่มีใครตั้งชื่อคนไม่ดีเป็นชื่อตนเอง) หรือหมายถึง ภรรยาผู้นำคริสตจักรในเวลานั้น
1พกษ16:31และต่อมา ดูเหมือนว่า การที่พระองค์ทรงดำเนินตามบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทนั้นเป็นสิ่งเล็กน้อย พระองค์จึงทรงรับเยเซเบลพระราชธิดาของเอ็ทบาอัลพระราชาของชาวไซดอนมาเป็นมเหสี และไปปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น
1พกษ 21:25-26ไม่มีใครได้ขายตนเอง เพื่อทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์อย่างอาหับ ผู้ที่เยเซเบลมเหสีได้ยุยง 26พระองค์ทรงทำสิ่งที่น่าเกลียดชังยิ่งนัก คือดำเนินตามรูปเคารพ ตามธรรมเนียมทุกอย่างของคนอาโมไรต์ ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงเหวี่ยงออกไปให้พ้นหน้าคนอิสราเอล
แม้ว่านางจะชื่อเยเซเบลจริงๆ การสอนของนางล่อลวงผู้รับใช้ให้ล่วงประเวณี หากเป็นการล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณ ก็คือ การนมัสการพระอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้ หรือการให้รักโลกนี้ หรือการมีรูปเคารพอื่นเพื่อนมัสการที่ไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้
หากเป็นการล่วงประเวณีฝ่ายกายภาพจริงๆ คือ การมี หรือการทำความผิดเรื่องเพศสัมพันธ์นอกการสมรสที่พระเจ้ากำหนดไว้ ใช้เรื่องเพศในทางที่ผิด
และ(20)กินอาหารที่บูชารูปเคารพ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้พี่น้องที่มีความเชื่อสะดุดก็ได้ เพราะตามได้ที่ยังมีคนกินอาหารรูปเคารพก็แสดงว่ายังมีการนมัสการพระอื่นๆ ด้วยการมอบถวายอาหาร คริสเตียนไม่ควรร่วมมีส่วน หรือเกี่ยวข้อง หรือเป็นคนสำคัญในการนมัสการพระอื่น
พระเยซูรู้ว่าผู้เชื่อเมืองธิยาทิราเป็นคนที่มีความรัก มีความเชื่อ มีความทรหดอดทนนั่นเป็นท่าทีที่ดี ทำให้พวกเขายอมทนกับคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งพระเยซูคริสต์ต่อว่าพวกเขาในเรื่องนี้ แสดงว่าพระองค์ไม่เห็นด้วยที่เขาใช้ท่าทีที่ดีกับพระเจ้า ไปใช้ท่าทีเดียวกันนี้กับหญิงผู้เผยวจนะปลอม ที่ล่อลวงให้ล่วงประเวณี และกินอาหารบูชาจากรูปเคารพ พวกเขาควรเชื่อฟัง ยำเกรงพระเจ้า ไม่ใช่เกรงใจผู้เผยวจนะปลอม หรือผู้สอนเท็จ ด้วยการยอมทนฟังคำล่อลวง
4.2 เตือนให้กลับใจใหม่ (21-23)
21เราให้โอกาสนางเพื่อจะได้กลับใจใหม่ แต่นางก็ไม่ประสงค์จะกลับใจจากการล่วงประเวณี 22นี่แน่ะ เราจะโยนนางไว้บนเตียงคนไข้ และโยนพวกที่ล่วงประเวณีกับนางไว้ในความยากลำบากยิ่งใหญ่ นอกจากว่าพวกเขาจะกลับใจจากการประพฤติชั่วของนาง 23เราจะประหารลูกๆ ของนางให้ตาย แล้วคริสตจักรทั้งหมดจะได้รู้ว่าเราเป็นผู้ตรวจสอบความคิดและจิตใจ และเราจะให้กับเจ้าทั้งหลายแต่ละคนตามความประพฤติของพวกเจ้า
พระเจ้าจะพิพากษาหลังจากที่พระองค์ให้โอกาสในการกลับใจใหม่แล้ว แต่พวกผู้เผยวจนะปลอมไม่ยอมกลับใจใหม่ ดังนั้นจะมีการพิพากษาลงโทษ ผู้นำการล่อลวง คนที่ล่วงประเวณีตามที่ได้ถูกล่อลวง ลูกๆของนาง เปรียบเหมือน เป็นผลที่มาจากการล่วงประเวณีฝ่ายธรรมชาติ หากเป็นลูกฝ่ายวิญญาณก็เหมือนผู้เชื่อหรือสาวกของผู้เผยวจนะปลอมที่ดำเนินตามความชั่ว และล่อลวงผู้เชื่อของพระเยซูคริสต์ด้วย
ดังนั้นการพิพากษาที่พระองค์จะนำมาต่อสู้พวกเขาในไม่ช้าหากพวกเขายังไม่กลับใจ หากผู้เชื่อในเมืองธิยาทิราไม่อยากโดนพิพากษาตามพวกเยเซเบล ให้ตัดขาดจากพวกนี้อย่ายอมทนฟังคำสอน และอย่าดำเนินชีวิตตามคำสอนของพวกสอนผิด ในการล่อลวงให้ประนีประนอมเรื่องการนมัสการพระเจ้า
พระเยซูคริสต์เตือนว่า “จงกลับใจใหม่” และจะทำให้คริสตจักรรู้ว่าผู้เผยปลอมไม่ได้มาจากพระเจ้า สมัยนั้นยังไม่มีพระคัมภีร์ ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าใครก็ตามที่เป็นผู้เผยวจนะแสดงว่าเขาเป็นคนใกล้ชิดพระเจ้า พระเจ้าอยู่กับเขา อะไรก็ตามที่เขาพูดจะเกิดขึ้นเป็นจริงตามนั้น เขามีฤทธิ์อำนาจ
แต่ในข้อ22-23 บอกว่าพวกที่เกี่ยวข้องกับผู้เผยวจนะปลอมจะป่วยไข้ ความลำบาก จะตาย ฟังแล้วดูเหมือนพี่น้องคริสเตียนที่เมืองอื่นๆที่ยอมตายเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แต่พระองค์บอกว่าไม่เหมือนกัน เพราะการพิพากษาที่เกิดขึ้น จะทำให้คริสตจักรรู้ว่าคนสอนเท็จจะโดนพิพากษาตามที่พระเจ้าเตือนไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า แล้วสิ่งที่พระเจ้าเตือนนี่แหละจะเกิดขึ้น
4.3 เตือนให้ยึดมั่นในส่ิงที่ดี (24-25)
24สำหรับพวกเจ้าที่เหลืออยู่ในเมืองธิยาทิราที่ไม่ถือคำสอนนี้ และไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกว่าความล้ำลึกของซาตาน เราขอบอกว่าเราจะไม่มอบภาระอื่นแก่พวกเจ้า 25ถึงอย่างไรก็ดี จงยึดมั่นสิ่งที่มีอยู่จนกว่าเราจะมา
พระเยซูคริสต์กำลังบอกกับผู้เชื่อที่ไม่ติดตามคำสอนเท็จ และการล่อลวง(ดูดีแต่เต็มไปด้วยอันตราย) ให้ยึดมั่นสิ่งที่ดี นั่นคือ ความรัก ความเชื่อ การรับใช้ การประพฤติด้วยความทรหดอดทนต่อไป พระเจ้าไม่สร้าง “ภาระ” หมายถึง พระเจ้าไม่เพิ่มข้อกำหนด หรือเงื่อนไขทางศาสนาอื่นๆอีก เพราะพวกเขาทำได้ดีอยู่แล้ว ให้ทำดีต่อไปนั่นเอง พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีก
ขอให้ดำเนินชีวิตให้ดีจนกว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมา ไม่ไปยุ่งเกี่ยวรับรู้กับคำสอนผิด หรือความล้ำลึกของซาตาน ขอเอาเวลามาสนใจศึกษาความลึกล้ำของพระวจนะของพระเจ้าดีกว่า
ความล้ำลึกของซาตาน คือ การล่อลวงให้ทำผิดบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ผิดไปจากหลักการพระคัมภีร์ เป็นการล่อลวงด้วยความรู้ใหม่ ความรู้ที่ล้ำลึก ให้สนใจความรู้ใหม่ๆสำคัญกว่าการสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า ทำให้ผู้ถูกล่อลวงเข้าใจว่า คำสอนหรือพฤติกรรมนั้นเป็นการทำดีเพื่อพระเจ้า หรือเป็นการนมัสการพระเจ้านั่นเอง เช่น เอวาโดนงูล่อลวงให้กินผลไม้แห่งความดีชั่ว เพราะคิดว่าดี กินแล้วจะได้เป็นเหมือนพระเจ้า หรือหญิงราหับโกหกเพื่อช่วยคนอิสราเอล เราก็โกหกเพื่อช่วยพี่น้องคริสเตียนได้เหมือนกัน ขอให้ระวัง
ประยุกต์ใช้ คนที่มีท่าทีที่ดีต่อพระเจ้า ไม่จำเป็นต้องมีท่าทีที่ดีต่อพวกสอนผิด คำสอนผิด อย่ายอมทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ให้กลับใจใหม่ไม่ประนีประนอมกับการนมัสการที่ผิด คำสอนผิด พฤติกรรมผิดจากที่ควรดำเนินชีวิตในทางพระเจ้า และรักษาท่าทีความรัก ความเชื่อ การดำเนินชีวิต การรับใช้ด้วยความทรหดอดทนที่มีต่อพระเจ้าต่อไป
5.คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:2-3)
วว3:2-3 เจ้าจงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า 3เหตุฉะนั้นเจ้าจงระลึกว่าเจ้าได้รับและได้ยินอะไร จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่ เพราะถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราจะมาเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าชั่วโมงไหน
5.1 จงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลัง
พระคริสต์ทรงตักเตือนให้คริสตจักรเมืองซาร์ดิสเปลี่ยนแปลงชีวิต
“คําว่า จงตื่นขึ้นและ จงเสริมกำลัง”
“จงตื่นขึ้น” หมายถึง ระวังให้ดีเพื่อให้พ้นจากความหายนะ จากการทำลายล้างที่เกิดขึ้นในทันทีทันใด เกรงว่าจะตกอยู่ในบาป คำเดียวกันนี้ใช้ใน
1ธส5:6 เพราะฉะนั้นเราอย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเฝ้าระวังและมีสติ
1ปต5:8 จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้
“จงเสริมกำลัง” หมายถึง เสริมสร้าง ทำให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อทำให้ยืนยันหนักแน่น ทำให้คงที่ ความคิดจิตใจที่เป็นรากฐาน คำเดียวกันนี้ใช้ใน
1ปต5:10 “ตั้งมั่นคงอยู่” และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระ[เยซู]คริสต์ พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่
2ธส3:3 “เสริมกำลัง” แต่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ จะทรงเสริมกำลังของท่าน และทรงป้องกันท่านไว้ให้พ้นจากมารร้าย
วว3:1 พระเจ้าบอกว่าพวกเขาตายแล้ว แต่วว3:2 บอกให้พวกเขาตื่นขึ้น คนที่ตายแล้วตื่นไม่ได้ แต่คนหลับตื่นได้ นี่คือโอกาสที่ผู้เชื่อสามารถรับกำลังจากพระเจ้า เพื่อจะรอดพ้นจากความหายนะที่จะเกิดขึ้นเมื่อดำเนินชีวิตในความบาป พระเจ้าอยากให้ผู้เชื่อกลับมารับการเสริมสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณ ทำให้ความเชื่อในพระเยซูคริสต์มั่นคง มีความรากฐานชีวิตที่มั่นคงแข็งแรงในพระเยซูคริสต์
5.2 จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่
“คําว่า จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่”
“จงถือรักษา” หมายความว่า ให้สังเกต ให้ตั้งใจอย่างระมัดระวัง ให้ระวัง ให้รักษา รากศัพท์ มาจากคำว่า ยามผู้ดูแล ถนอมรักษา ดูแลให้ครบถ้วน
“จงกลับใจใหม่” หมายความว่า ประพฤติอย่างคู่ควรกับจิตใจที่เปลี่ยนแปลง และเกลียดชังความบาป เป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายในโดยทั่วไปคำนี้ใช้เจาะจงอ้างอิงกับการยอมรับน้ำพระทัยพระเจ้า
รวมความน่าจะหมายถึง ส่วนที่ดำเนินชีวิตได้ดีอยู่แล้วให้ทำต่อไป ให้ยึดมั่นรักษาไว้ทำต่อไป แต่อะไรที่ดำเนินชีวิตไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไปผิดทาง สิ่งเหล่านั้นต้องได้รับการแก้ไข ต้องกลับใจใหม่ มาทำให้ถูกต้องเหมือนมาตรฐานที่พระเยซูคริสต์กำหนดไว้
นี่คือส่ิงที่พระเยซูคริสต์ให้เราต้องสำรวจประเมินเรามีชีวิตฝ่ายวิญญาณไหม อะไรเป็นสิ่งดีที่เราต้องรัก ต้องทำให้มั่นคงแข็งแรง อะไรเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า อะไรเป็นส่ิงที่เราต้องกลับใจใหม่กับพระเจ้า
6.คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:9-11)
9นี่แน่ะ เราจะเป็นเหตุให้พวกธรรมศาลาของซาตานที่กล่าวอ้างว่า พวกเขาเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่กลับโกหกนั้น เราจะทำให้พวกเขามากราบลงแทบเท้าของเจ้า และให้เขารู้ว่าเรารักเจ้า
10เพราะว่าเจ้าถือรักษาคำของเรา คือมีความทรหดอดทน เราจะเฝ้ารักษาเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลาแห่งการทดลอง ซึ่งจะมาถึงคนทั่วทั้งโลกเพื่อจะทดลองคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก
11เราจะมาโดยเร็ว จงยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามี เพื่อจะไม่ให้ใครชิงเอามงกุฎของเจ้าไปได้
6.1 เรารักเจ้า (9)
9นี่แน่ะ เราจะเป็นเหตุให้พวกธรรมศาลาของซาตานที่กล่าวอ้างว่า พวกเขาเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่กลับโกหกนั้น เราจะทำให้พวกเขามากราบลงแทบเท้าของเจ้า และให้เขารู้ว่าเรารักเจ้า
พระคริสต์ทรงให้กำลังใจคริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย “เรารักเจ้า” ที่พวกเขาต้องเผชิญกับความกดดันให้ปฏิเสธความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ตอนนี้จึงกล่าวถึงคริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟียว่าพวกเขาอยู่ใน “ที่ซึ่งเป็นธรรมศาลาของซาตาน” คำนี้เคยใช้กับคริสตจักรเมืองสเมอร์นา วว2:9
แต่พวกเขายังตอบสนองต่อการถูกบีบคั้นด้วยการรักษาคำของพระเจ้า และไม่ปฎิเสธพระนามของพระองค์ ดังนั้นพระเจ้าแสดงความรักต่อพวกเขาด้วยการ ทำให้พวกธรรมศาลาของซาตานมากราบลง แทบเท้าของพวกเขาและให้พวกข่มเหงรู้ว่าพระเจ้ารักพวกเขา
คำว่า “กราบลง” ให้ความหมาย จูบมือตรงด้านหน้า, คุกเข่าลงและหน้าผากแตะพื้น, คุกเข่าหรือกราบลงเพื่อแสดงความเคารพ หรือเพื่อแสดงการเชื่อฟัง
มธ2:11เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบพระกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงก้มลงนมัสการพระกุมารนั้น แล้วเปิดหีบสมบัติของพวกเขาและถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมาร คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
รวมความหมาย น่าจะหมายถึง คนที่ข่มเหง หรือคนที่ไม่เชื่อ จะนมัสการพระเจ้า เพราะคริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟียรักษาคำของพระเจ้า และไม่ปฎิเสธ นามของพระเยซูคริสต์ โดยพวกเขาจะเป็นที่เคารพและเชื่อฟัง
6.2 เรารักษาเจ้า (10)
10เพราะว่าเจ้าถือรักษาคำของเรา คือมีความทรหดอดทน เราจะเฝ้ารักษาเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลาแห่งการทดลอง ซึ่งจะมาถึงคนทั่วทั้งโลกเพื่อจะทดลองคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก
คำว่า “เฝ้ารักษา” ให้ความหมาย รักษาให้พ้นจากอำนาจและการโจมตีของซาตาน คำนี้ใช้ใน ยน17:15ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาพวกเขาออกไปจากโลก แต่ขอให้ปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย
6.3 เราจะมาโดยเร็ว (11)
11เราจะมาโดยเร็ว จงยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามี เพื่อจะไม่ให้ใครชิงเอามงกุฎของเจ้าไปได้
คำว่า “มาโดยเร็ว” หมายถึง จะมีการพิพากษาพวกที่ข่มเหงและประทานบำเหน็จรางวัลแก่ผู้เชื่อที่ยึดมั่นในพระเยซูคริสต์ ความทุกข์ทรมานที่เผชิญอยู่จะจบสิ้นเมื่อพระองค์เสด็จมา เป็นการให้กำลังใจ ปลอบใจ และหนุนใจผู้เชื่อที่เผชิญการข่มเหง ความหวังใจเช่นนี้ทำให้พวกเขาอดทนและผ่านพ้นการข่มเหงไปได้
พระเยซูคริสต์ให้กำลังใจ ปลอบใจ ปลอบโยน เพื่อผู้เชื่อจะผ่านความทุกข์ยากลำบาก ผ่านการข่มเหงไปได้ พระเจ้ารักเรา พระเจ้ารักษาเราให้พ้นจากการทดลอง นั่นคือส่วนที่พระเจ้าทำเพื่อเรา
7.คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว3:18-20)
3.1 กระตือรือร้นและกลับใจใหม่ (18-19)
วว3:18-20 เราแนะนำเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมด้วยไฟจากเรา เพื่อเจ้าจะได้มั่งมี และให้ซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อจะได้สวมให้พ้นจากความอับอายที่ต้องเปลือยกาย และซื้อยาหยอดตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้เห็น 19เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่
พระคริสต์ทรงตักเตือนให้คริสตจักรเมืองซาร์ดิสเปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะรักพวกเขา “คําว่า กระตือรือล้น และ กลับใจใหม่”
“กระตือรือล้น” 2206. zéloó (v) อ่านว่า (dzay-lo’-o) การสร้างคำนี้ เกิดจาก เสียงของน้ำที่ต้มเดือด เกิดฟองเพราะน้ำถูกต้มเดือดมาจากความร้อน หมายถึง กระตือรือร้นในการดำเนินชีวิตตอบสนองตามพระวจนะ กระตือรือร้นในการสามัคคีธรรม ในการใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้า ไม่ใช่พอใจกับความสบาย ความมั่งคั่ง หรือพอใจกับโลกนี้ พระเจ้าจูงใจผู้เชื่อที่เลาดีเซียให้กระตือรือร้นที่จะทำดี ให้ทำสิ่งที่ดีตามที่พระเจ้าว่าดี
“กลับใจใหม่” หมายถึง การประพฤติที่คู่ควรกับจิตใจที่เปลี่ยนแปลงและเกลียดชังความบาป การแสดงออกถึงการกลับใจใหม่และกระตือรือล้น คือ การดำเนินชีวิตใหม่ตามพระวจนะของพระเจ้า ไม่ใช่ตามโลก หรือตามใจตนเอง หรือตามมุมมองของตนเอง ด้วยความกระตือรือร้น
ซื้อทองคำ น่าจะเป็นตัวแทนเรื่องการทำมาหากิน การแสวงหาความมั่งคั่ง โดยชอบธรรม(ชำระด้วยไฟ)เพื่อเติบโตฝ่ายวิญญาณ หรือให้ดำเนินชีวิตเพื่อความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ(มีทรัพย์สมบัติในสวรรค์)แทนที่จะหาความมั่งคั่งฝ่ายกายภาพ(ความมั่งคั่งฝ่ายโลกที่เสื่อมสลาย)
ซื้อเสื้อผ้าขาว น่าจะเป็นการดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ ไม่ทำตัวมลทินดำเนินชีวิตชอบธรรมตามทางของพระเจ้า (วว3:4-5) ผู้ชนะสวมเสื้อสีขาว
ซื้อยาหยอดตา น่าจะเป็นการหลงผิดไปจากที่พระเจ้าอยากให้ไป พระเจ้าอยากให้กลับมาดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เหมือนคนตาบอดฝ่ายวิญญาณไม่เข้าใจความจริงของพระเจ้า ต้องรักษาตาที่บอดด้วยการหยอดตานั่นเอง
3.2 สามัคคีธรรมกับพระเยซูคริสต์ (20)
20นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
รับประทานอาหารร่วมกับเขาและเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา”
“คําว่า “รับประทานอาหาร” ภาษาเดิมให้หมายความว่า ฉันจะทำให้เขาได้แบ่งปันในการสัมพันธ์ด้วยกันกับฉันอย่างใกล้ชิดและสัมพันธ์กันอย่างมีความสุขที่สุด
แต่มีการตีความตามบริบท ตามศาสนศาสตร์หลายแบบเช่น กล่าวว่าเป็นเรื่องยุคสุดท้าย ที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาเมื่อพระองค์เคาะประตูก็ให้เจ้าของบ้านเปิดประตูต้อนรับการเสด็จกลับมา หมายถึง การดำเนินชีวิตรอรับเสด็จกลับมา หรือตีความว่าเป็นการพิพากษาเสด็จกลับมาเพื่อพิจารณาบำเหน็จและโทษสำหรับคนที่ยอมรับหรือปฎิเสธพระองค์ หรือเป็นการแต่งตัวอย่างดีเหมาะสมที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงสมรสของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักรในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา
แต่ไม่ว่าจะตีความด้วยรากศัพท์ หรือตีความตามบริบท หรือตีความตามศาสนศาสตร์ หัวใจสำคัญ คือ การเปิดต้อนรับพระเยซูคริสต์อย่างเป็นมิตรใกล้ชิด มีสามัคคีธรรมกับพระองค์
ขอให้ผู้เชื่อตอบสนองการเคาะเรียกของพระเยซูคริสต์ ให้เปิดประตูใจออก ให้ต้อนรับพระองค์ ให้สามัคคีธรรมกับพระองค์ ตั้งแต่วันนี้เพราะในวันสุดท้ายก็เป็นเรื่องการสามัคคีธรรมร่วมกับพระองค์ตลอดไปเช่นกัน
นี่คือส่ิงที่พระเยซูคริสต์ให้เราต้องสำรวจประเมินเรามีชีวิตฝ่ายวิญญาณ
กล่าวโดยสรุป
1.คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส
ละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า – กลับมามีความรักต่อพระเจ้า ไม่ใช่แค่มีความรู้เรื่องพระเจ้า
ย้ายคันประทีป – จะพิพากษาคริสตจักร
2.คริสตจักรเมืองสเมอร์นา
การถูกขัง10 วัน – เวลาสั้นๆของความทุกข์ยากก็จะจบสิ้น
3.คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
อันที่พาสพยานผู้ซื่อสัตย์ – ผู้ที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซู
คำสอนของบาลาอัม – คนที่สนับสนุนให้เกิดการประนีประนอมกับคนนอกศาสนา
คำสอนของพวกนิโคเลาส์ –ใช้เสรีภาพในพระคุณพระเจ้าในทางที่ผิดและให้ประนีประนอมกับการทำตามเนื้อหนัง
ต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา – การพิพากษาที่พระองค์จะนำมาต่อสู้พวกเขาในไม่ช้า
4.คริสตจักรเมืองธิยาทิรา
ทนฟังเยเซเบล – ล่อลวงให้ล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณ และฝ่ายกายภาพ
ความล้ำลึกของซาตาน – การล่อลวงให้ทำผิดบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ผิดไปจากหลักการพระคัมภีร์
5.คริสตจักรเมืองซาร์ดิส
จงตื่นขึ้น – ระวังให้ดีเพื่อให้พ้นจากความหายนะ
จงถือรักษา – ให้สังเกต ให้ตั้งใจอย่างระมัดระวัง
6.คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย
กราบลง – จูบมือตรงด้านหน้า, คุกเข่าลงและหน้าผากแตะพื้น, คุกเข่าหรือกราบลงเพื่อแสดงความเคารพ หรือเพื่อแสดงการเชื่อฟัง
เฝ้ารักษา – รักษาให้พ้นจากอำนาจและการโจมตีของซาตาน
มาโดยเร็ว – การพิพากษาพวกที่ข่มเหงและประทานบำเหน็จรางวัลแก่ผู้เชื่อที่ยึดมั่นในพระเยซูคริสต์
7.คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย
ซื้อทองคำ – ให้ดำเนินชีวิตเพื่อความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ
ซื้อเสื้อผ้าขาว – การดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ ชอบธรรม
ซื้อยาหยอดตา – การหลงผิด ให้กลับมาดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
รับประทานอาหาร– การเปิดต้อนรับพระเยซูคริสต์อย่างเป็นมิตรใกล้ชิด มีสามัคคีธรรมกับพระองค์
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com