ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์” (ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 38 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเอเฟซัส (วว2:1-7)
ก้าวที่ 39 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8-11)
ก้าวที่ 40 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12-17)
ก้าวที่ 41 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18-29)
ก้าวที่ 42 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1-6)
ก้าวที่ 43 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7-13)
ก้าวที่ 44 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว:14-22)
ก้าวที่ 45 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
ก้าวที่ 46 เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 47 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 48 เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะ
คริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 39 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8-11)
ตอนที่ 2 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา วว2:8-11
1.เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
2.เรียนรู้จาก:การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
3.เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
4.เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
โดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ (13 พ.ค. 2020)
ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
8“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า ‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก ตรัสดังนี้ว่า
9“เรารู้เรื่องความยากลำบากและยากจนของเจ้า (แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี) และรู้เรื่องการกล่าวร้ายของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่เป็นธรรมศาลาของซาตาน 10อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความยากลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จวบจนวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า 11ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย”
เบื้องหลังของพระธรรม วว2:8-11 ตอนนี้ เป็นคริสตจักรลำดับที่ 2 จาก 7 คริสตจักร ที่ยอห์นได้รับการสำแดงจากพระเยซูคริสต์ ให้เขียนไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด (วว1:11) เนื้อหาสำหรับคริสตจักรสเมอร์นา เป็นเรื่องการหนุนใจ ให้กำลังใจในการทนทุกข์เพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์ โดยเนื้อหาสำหรับ คริสตจักรสเมอร์นา แทบจะไม่มีการตำหนิ
ติเตียน ต่อว่าเลย แต่ให้ผู้รับข่าวสารซื่อสัตย์ต่อความเชื่อ เพื่อจะเป็นผู้มีชัย และได้รับรางวัลจากความเชื่อในพระเยซูคริสต์
การนำเรื่องคริสตจักรทั้งเจ็ดมาเทศนาสั่งสอน เพราะต้องการให้ผู้อ่านและผู้ฟัง มีลักษณะชีวิตคริสเตียน โดยดำเนินชีวิตคริสเตียน “สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
หมายความว่า ท่านไม่ควรดำเนินชีวิตคริสเตียนเพียงลำพังโดยไม่ผูกพันตัวกับผู้เชื่อคนอื่น พระเจ้าต้องการให้มีการสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อในท้องถิ่น หรือสามัคคีธรรมกับชุมชนของพระเจ้าด้วย
โดยท่านสามารถเรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด เพื่อสำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตของท่านกับชุมชนของพระเจ้า หรือคริสตจักรท้องถิ่นที่ท่านผูกพันตัว เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้ยอห์นบันทึกไว้
วว2:8 “จงเขียนถึง ทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า
“ฑูตสวรรค์” อาจจะหมายถึง ฑูตสวรรค์ที่เป็นวิญญาณจริงๆก็ได้หรือเป็นผู้นำผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาลของคริสตจักรก็ได้ การแปลความให้ใช้บริบทของเนื้อหาเป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจอีกที บางคนก็เชื่อว่าเป็นฑูตสวรรค์จริงๆไม่ใช่หมายถึง ผู้นำหลักของคริสตจักร แต่ไม่มีทัศนไหนบอกว่าฑูตสวรรค์ในคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นมนุษย์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเท่านั้น
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และข้อมูลเพิ่มเติมของเมือง
ที่ตั้งของเมืองสเมอร์นา เป็นเมืองที่มั่นคง ตั้งอยู่ห่างจากเอเฟซัสไปทางเหนือประมาณ 35 ไมล์ เป็นเมืองค้าขายของอาณาจักรโรมันทางทะเล
เอเจียนในสมัยของอ.เปาโลและอ.ยอห์น มีประชากรประมาณ 1 แสนคน
เมืองสเมอร์นานี้เจ็ดร้อยปีก่อนค.ศ.ถูกทำลายเสียหาย และก่อสร้างใหม่ในศตวรรษที่ 3 ก่อนค.ศ. ในช่วงสมัยเวลาของยอห์นเมืองสเมอร์นาเป็นเหมือนเมืองที่เป็นขึ้นมาจากความตาย สเมอร์นาแปลว่า มดยอบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย คริสตจักรที่สเมอร์นาก็มีประสบการณ์นี้เช่นเดียวกัน
(คริสตจักรตั้งอยู่ในเมืองที่เคยถูกทำลายแต่ได้รับการสร้างใหม่)
ปัจจุบันสเมอร์นาเป็นเมืองท่าเรือ ชื่อเมืองปัจจุบัน คือ อิซเมียร์ (Izmir Province) เป็นเมืองท่าที่มีประชากรประมาณ 4ล้านคน มีขนาดประชากรใหญ่เป็นเมืองอันดับสองในประเทศตุรกี
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ตอนที่ 2 เรียนรู้จากคริสตจักร
เมืองสเมอร์นา วว2:8-11
1.เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์
กับคริสตจักร
วว2:8“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า ‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย” ให้ความหมายถึง ในพระคัมภีร์เดิมหมายถึง พระนามของพระเจ้า อสย44:6พระยาห์เวห์ พระมหากษัตริย์ของอิสราเอลและพระผู้ไถ่ของเขา พระยาห์เวห์จอมทัพ ตรัสดังนี้ว่า“เราเป็นเบื้องต้นและเราเป็นเบื้องปลายนอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้า
พระเยซูคริสต์มีฐานะเท่าเทียมกับพระเจ้า
ฮบ13:8 พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ และวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์
“ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก” ให้ความหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์นั่นเอง
วว1:5,8,17และจากพระเยซูคริสต์พยานผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นผู้ทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ในโลกพระองค์ทรงรักเรา ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ 8พระเจ้าผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ที่จะเสด็จมา และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา17เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนอย่างคนตาย และพระองค์วางพระหัตถ์ขวาบนตัวข้าพเจ้า แล้วตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย
วว21:6 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ใครที่กระหาย เราจะให้เขาดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
วว22:13 เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน”
การนำไปประยุกต์ใช้ ส่ิงที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็น สิ่งนั้นจะมีความสัมพันธ์ต่อผู้เชื่อและคริสตจักร โดยเฉพาะเมื่อเผชิญเรื่องการทนทุกข์จนถึงความตาย พระเยซูคริสต์ทรงหนุนใจเราเพราะพระองค์ทรงผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้ว พระองค์ทรงสิ้น พระชนม์บนไม้กางเขนไถ่บาปเรา และพระองค์เป็นขึ้นจากความตายแล้ว
ผู้เชื่อก็จะผ่านความทุกข์ยากลำบากไปได้ โดยมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นพระเจ้าทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ความตายพ่ายแพ้ต่อพระองค์ ผู้เชื่อจะมีชัยร่วมกันกับพระองค์ในที่สุด
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญกับพระเยซูคริสต์ พึ่งพาพระองค์ เชื่อวางใจในพระองค์ และดำเนินชีวิตผ่านความยากลำบากทุกข์ยาก โดยพึ่งพาพระเยซูคริสต์ รักษาความเชื่อจนวันสุดท้าย ไม่ปฎิเสธความเชื่อ
ไม่ประนีประนอมต่อความบาป ไม่ตั้งใจทำบาปผิดต่อพระเจ้า หรือดำเนินชีวิตผิดไปจากที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว
“คนเราจะไม่ตายเพื่อคนรู้จัก แต่อาจจะตายเพื่อคนที่ตนเองรักก็เป็นไปได้ คนที่ตายเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์ก็รักพระองค์เช่นเดียวกัน”
2.เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์
ต่อคริสตจักร
ข้อ 9“เรารู้เรื่องความยากลำบากและยากจนของเจ้า (แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี) และ
รู้เรื่องการกล่าวร้ายของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่เป็นธรรมศาลาของซาตาน
“คําว่า รู้เรื่องความยากลำบาก” 2347. thlipsis (n) อ่านว่า (thlip’-sis) หมายถึง การกด , การกดด้วยความกดดัน , เปรียบเหมือนการกดขี่ข่มเหง ทำให้เกิดความยากลำบาก , ความกดดัน เปรียบเหมือนความรู้สึกที่อยู่ภายในในที่ถูกจำกัดให้ไม่มีทางออก ไม่มีทางหลบหนี
“คําว่า ยากจนแต่ว่าเจ้าก็มั่งมี” หมายถึง การชมเชย แม้ว่าผู้เชื่อในเมือง
สเมอร์นาจะอยู่ในฐานะยากจนฝ่ายกายภาพจริงๆ แต่จิตใจฝ่ายวิญญาณของพวกเขาเป็นคนมั่งมี
พระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่างที่ยอมเป็นคนยากจนเพื่อให้ผู้เชื่อมั่งมี คำนี้ใช้ในพระคัมภีร์ใหม่แค่ 3 ครั้ง อีกสองครั้งอยู่ใน 2โครินธ์
2คร8:2,9 เพราะในขณะที่พวกเขาเผชิญการทดสอบมากมายจากความยากลำบากนั้น ความยินดีที่เต็มล้นและความยากจนอย่างที่สุดของพวกเขาได้ล้นออกมาเป็นใจกว้างขวางยิ่ง 9เพราะว่าท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งคั่ง เนื่องจากความยากจนของพระองค์
“คําว่า รู้เรื่องการกล่าวร้าย” 988. blasphémia (n) อ่านว่า (blas-fay-me’-ah) หมายถึง คำพูดที่ทำร้ายชื่อเสียงดีของผู้อื่น เป็นการประกาศคำพิพากษา ตัดสินผู้อื่น โดยเต็มไปด้วยคำที่น่าตำหนิ
“ธรรมศาลาของซาตาน” หมายถึง สถานที่ หรือคน หรือที่ชุมนุมหรือ ที่รวมบรรดา ปฏิปักษ์ฝ่ายตรงข้าม , มาร
ดังนั้นเมื่อรวมความหมายของประโยคทั้งหมด น่าจะหมายถึง พระเยซูคริสต์รู้ว่าผู้เชื่อลำบาก มีความกดดันไม่มีทางออก จากผู้ข่มเหงจำนวนมาก ที่ตั้งตนเป็นศัตรู เป็นผู้ขัดขวาง โดยใช้คำพูดต่อว่า ตัดสิน ตำหนิ โดยทำให้ผู้เชื่อเสียชื่อเสียง ทั้งๆที่คนขัดขวางเหล่านั้นไม่ได้เป็นยิว แต่อ้างตัวเป็นยิวเพื่อข่มเหงผู้เชื่อให้ถึงความตาย
ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า คือว่าคริสตจักรเมือง
สเมอร์นา ได้รับคำชมจากพระเยซูคริสต์ แม้ซาตานกล่าวหาทำให้ผู้เชื่อเสียชื่อเสียง
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญของการดำเนินชีวิต โดยคำนึงว่าเราจะให้ความสำคัญกับใคร ระหว่างพระเยซูคริสต์กับมารซาน กับค่านิยมของโลกนี้ ให้ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์ยังให้ความสนใจ เฝ้ามองดูชีวิตของเราอยู่ เราจะได้ดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แม้จะเจอการข่มเหง หรือมีความยากลำบาก หรือแม้กระทั่งต้องเสียชีวิตเพราะความเชื่อ เราก็ยังเชื่อพระเยซูคริสต์
คริสตจักร และผู้เชื่อให้ความสำคัญสำหรับการสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณให้มั่นคงพร้อมรับการทดสอบ พร้อมผ่านการข่มเหงหรือไม่ กิจกรรมต่างๆของคริสตจักร เวลาที่จัดสรรให้สำหรับรายการ การใช้งบประมาณ การจัดสรรทรัพยากรของคริสตจักร มีเป้าหมายเพื่อสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณให้มั่นคงในพระเยซูคริสต์ เพื่อผ่านการข่มเหงได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่เราน่าจะทบทวนดู
3.เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์
ต่อคริสตจักร
10อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความยากลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จวบจนวันตาย
3.1 อย่ากลัว
พระคริสต์ทรงให้กำลังใจคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
“คําว่า อย่ากลัว” 5399. phobeó (v) อ่านว่า (fob-eh’-o) หมายถึง
อย่ากลัวที่จะผ่านความทุกข์ยากบางอย่าง ในที่นี้อาจจะหมายถึง ความตาย ระหว่างทางอาจจะมีการขัง ส่วนใหญ่คนสมัยนั้นหากถูกขังนานๆก็เพื่อรอวันประหารชีวิตนั่นเอง การถูกขัง10 วันอาจจะเป็นเวลาที่ หมายถึง เวลาสั้นๆก็จะจบสิ้น คนที่ถูกขังอาจจะถูกปล่อยตัวออกมาก็ได้ หรือถูกฆ่าตายก็ได้
พวกที่ข่มเหงผู้เชื่อด้วยการกล่าวร้าย อาจจะยืมอำนาจรัฐ โดยกษัตริย์โดมิเทียนัส ครองราชย์ ค.ศ. 81-96 คริสตจักรตกอยู่ภายใต้การข่มเหงอย่างรุนแรง โดยบัญชาให้เรียกพระองค์ว่าพระผู้เป็นเจ้าหรือเทพเจ้า และนี่จึงเป็นเบื้องหลังของการเขียนพระธรรมวิวรณ์เพื่อหนุนใจคริสเตียนในเวลานั้นนั่นเอง
พระเยซูคริสต์หนุนใจให้ “อย่ากลัว” ความตาย
มธ10:28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้
3.2 จงซื่อสัตย์
“คําว่า จงซื่อสัตย์” 4103. pistos(adj) อ่านว่า(pis-tos’) หมายความ ให้ยึดมั่น ให้เชื่อในพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ แสดงออกเป็นการกระทำที่สัตย์ซื่อ ต่อหน้าที่การงาน ต่อการปฎบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ หรือการปฎิบัติต่อคำสั่ง
นี่คือส่ิงที่พระเยซูคริสต์ อยากให้เราเชื่อในพระองค์ ยึดมั่นในพระองค์ ไว้วางใจในพระสัญญาของพระองค์ และดำเนินชีวิตของเราให้ดี แม้ว่าเราได้ทำได้ดีแล้ว แต่มีคนข่มเหงขัดขวาง เราไม่ต้องกลัวให้ไว้วางใจพระเยซูคริสต์
ถ้าเราไม่กลัวความยากลำบาก หรือความยากจน หรือการเสียชื่อเสียง หรือการถูกใส่ร้าย หรือแม้กระทั่งความตายเพราะเชื่อพระเยซูคริสต์ ก็ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เราต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว
เราควรจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ต่อไป เพราะวันที่ถูกพิพากษาเราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ววันนี้ยังมีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดได้
4.เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์
ต่อคริสตจักร
วว2:10ข-11 และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า 11ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย”
พระองค์สัญญาว่าคนที่ชนะ พระองค์จะมอบ “มงกุฎแห่งชีวิต” และ
“ไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สอง”
มงกุฎแห่งชีวิต 4735. stephanos (n) อ่านว่า (stef’-an-os)คือ สัญลักษณ์ของชัยชนะในการแข่งขัน พระพรนิรันดรที่พระเยซูคริสต์ ประทานให้ผู้รับใช้ที่แท้จริงของพระองค์
ยก1:12คนที่สู้ทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับคนทั้งหลายที่รักพระองค์
ไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สอง คือ หลังการพิพากษาหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว คนที่ตายแล้วฝ่ายกายภาพครั้งที่ 1 จะมาอยู่หน้าพระที่นั่ง และหากพบว่าไม่มีชื่อในหนังสือแห่งชีวิต เขาจะพบกับความตายครั้งที่สอง
วว20:14 แล้วความตายและแดนคนตายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละคือความตายครั้งที่สอง
วว21:8 มรดกของพวกเขาอยู่ในบึงที่ไฟและกำมะถันกำลังลุกไหม้อยู่ ซึ่งเป็นความตายครั้งที่สอง
ความหมายของ ทั้งสองอย่างที่พระเยซูคริสต์ประทานให้กับผู้ชนะในตอนนี้จึงน่าจะหมายถึงว่า คนที่วางใจในพระเยซูคริสต์ ไม่ปฎิเสธความเชื่อแม้ถูกข่มเหงจนถึงความตาย คนนั้นจะมีชัยชนะได้รับชีวิตนิรันดร์ ไม่ใช่ความทุกข์ ทรมานนิรันดร์อย่างแน่นอน
กล่าวโดยสรุป เรื่องสัญลักษณ์และความหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจาก คริสตจักรเมืองสเมอร์นาใน วว2:8-11
1.ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก–พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์ ไม่มีวันตาย
2.ธรรมศาลาของซาตาน – ที่รวมของบรรดาปฎิปักษ์ ผู้ขัดขวาง
3.ความยากลำบากถึงสิบวัน – ช่วงเวลาสั้นที่ยากลำบาก
4.มอบมงกุฎแห่งชีวิต – รางวัลให้กับคนที่ซื่อสัตย์ คนที่ชนะ
5.ไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย – ไม่ต้องไปนรกบึงไฟ
การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้
สำหรับการดำเนินชีวิต
ผู้เชื่อหรือคริสตจักรของพระเจ้าแม้ดูเหมือนจะถูกข่มเหงหรือรับความทุกข์ยากเพราะพระเยซูคริสต์ จนถึงความตาย อย่ากลัว แต่ให้เชื่อ เพราะพระเยซูคริสต์สัญญาว่าจะให้เป็นขึ้นมาจากความตายฝ่ายวิญญาณอีกครั้ง และไม่พบกับความตายอีกเลย
ในท่ามกลางสภาพสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบัน อาจจะมีการบีบคั้น ทำให้เกิดความทุกข์ยากลำบาก แต่การปฎิเสธความเชื่อในพระเยซูคริสต์ไม่เป็นคำตอบในการแก้ไขปัญหา เพราะเรายังอยู่ในปัญหาที่ต้องแก้ด้วยตนเอง แต่การที่เราเชื่อในพระเยซูคริสต์พระองค์ เป็นคำตอบสำหรับความยากลำบากที่เราเผชิญได้
ผู้เชื่ออาจจะต้องกลับมาฉุกคิดว่า “เราดำเนินชีวิตในทุกวันนี้ แล้วในวันหน้าจะได้มงกุฎแห่งชีวิตไหมในวันสุดท้าย”
คริสเตียนจำเป็นต้องดำเนินชีวิตมีชัยชนะเหนือความบาป มีความขัดแย้งด้านจริยธรรมจากมาตรฐานพระคัมภีร์อาจจะทำให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตยากลำบากขึ้นเพราะมาตรฐานของพระเจ้าสูงกว่ามาตรฐานจริยธรรมของโลก ของสังคม แต่ผู้เชื่อสามารถมีชัยชนะเหนือทุกความยากลำบาก โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ พึ่งพาพระคุณของพระเจ้า
อย่ารอให้ใกล้เวลาที่จะถูกข่มเหงจนตายก่อนแล้วถึงจะมาจริงจังในการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าหลายคนอาจจะเลิกเชื่อพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะถูกข่มเหงแล้วอย่าให้เป็นอย่างนั้น เพราะถ้าเราทนความยากลำบากในโลกนี้ไม่ได้ เราจะทนความทุกข์ทรมานในไฟนรกนิรันดรได้อย่างไร
เราต้องดำเนินชีวิตกับพระเจ้าจริงจัง เราดำเนินชีวิตร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นๆใน
คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ได้ เพื่อให้ความตายครั้งที่สองจะทำอันตรายเราไม่ได้ ความตายครั้งที่สองเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเพราะจะรับความทุกข์ทรมานนิรันดรไม่ใช่แค่สิบวัน
สำหรับการถูกลงโทษนิรันดรฝ่ายจิตวิญญาณนั้น จะไม่มีการอุธรณ์ จะไม่มีการฏีกา จะมีแต่เพียงการพิพากษายืน เพื่อให้รับโทษทรมานนิรันดร
นี่คือคำหนุนใจ ที่พระเยซูคริสต์บอกให้ยอห์นบันทึกไว้ แจ้งให้คริสตจักร ให้ผู้เชื่อได้รับทราบก่อน เพื่อให้เขาเผชิญการข่มเหงอย่างมีชัยชนะ
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com
อ้างอิง:
1เกรแฮม ลีด. พระเจ้าทรงครอบครองอยู่ ศึกษาพระธรรมวิวรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, พฤศจิกายน 1997,หน้า 33,38.
2https://biblehub.com/greek/32.htm
3จอห์น เอฟ วาลวูร์ด. แปลโดย ธนาภรณ์ ธรรมสุจริตกุล. วิวรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศูนย์ทีรันนัส (สำนักพิมพ์ จีพี), 2001, หน้า 130.
4https://www.bibleplaces.com/smyrna/
5Michael Wilcock. The Message of Revelation I saw Heaven opened, 2nd Edition. Great Britain : CPI Bookmarque, Croydon. [Grand Rapids], 1991, page 45-46.
6https://en.wikipedia.org/wiki/%C4%B0zmir
7https://biblehub.com/greek/2347.htm
8 https://biblehub.com/greek/4432.htm
9https://biblehub.com/greek/988.htm
10 https://biblehub.com/greek/5399.htm
11เอช เวย์น เฮาส์. ลำดับเหตุการณ์ในพันธสัญญาใหม่. แปลโดย ธนาภรณ์
ธรรมสุจริตกุล. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, มิถุนายน 1996, หน้า 65.
12 https://biblehub.com/greek/4103.htm
13https://biblehub.com/greek/4735.htm
14 ลีออน มอร์ริส. วิวรณ์. แปลโดย อ.ชุมแสง เรืองเจริญสุข และคณะ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: คริสเตียนศึกษา แบ๊บติสต์, 1997, หน้า 63.