อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์
เทศนาอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2019 คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง (GLC)
เทศนาอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2023 คริสตจักรมหาชล (สถานนมัสการรามคำแหง)
พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงที่แท้จริง อสค34:11-16
1.พระเจ้าทรงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ (11,13,16)
2.พระเจ้าทรงช่วยให้เรารอด (12)
3.พระเจ้าทรงเลี้ยงดู (13-14)
11“เพราะว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เรา คือเราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเสาะหาแกะ 12เหมือนผู้เลี้ยงแกะเสาะหาฝูงแกะเมื่อเขาอยู่ท่ามกลางแกะของเขาที่กระจัดกระจายไป เราก็จะเสาะหาแกะของเราเช่นนั้น และเราจะช่วยพวกแกะให้รอดพ้นจากสถานที่ทั้งหลายซึ่งพวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่เมื่อวันที่มีเมฆและมืดทึบ 13เราจะนำเขาทั้งหลายออกมาจาก ชนชาติทั้งหลาย และรวบรวมเขามาจากประเทศต่างๆ และจะนำพวกเขามาไว้ในแผ่นดินของเขาเอง แล้วเราจะเลี้ยงเขาบนภูเขาของอิสราเอลใกล้ห้วยทั้งหลาย และในทุกแห่งของประเทศนั้นที่สามารถอาศัยได้ 14เราจะเลี้ยงพวกเขาในทุ่งหญ้าที่ดี และลานหญ้าของเขาจะอยู่บนภูเขาสูงทั้งหลายของอิสราเอล ณ ที่นั่น พวกเขาจะนอนลงในลานหญ้าที่ดี และเขาจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้าอุดมบนภูเขาของอิสราเอล 15ตัวเราเองจะเลี้ยงดูแกะของเรา เราจะทำให้เขานอนลง พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 16เราจะเสาะหาแกะที่หาย เราจะนำตัวที่หลงกลับมา เราจะพันผ้าให้แกะที่กระดูกหัก และเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย แต่เราจะ ทำลายแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงดูเขาด้วยความยุติธรรม
เอเสเคียลเติบโตขึ้นในยุคการปฏิรูปศาสนาของกษัตริย์โยสิยาห์ (องค์ที่17) และถูกพาไปยังบาบิโลนพร้อมกับกษัตริย์เยโฮยาคิน ในปีที่ 8 แห่งรัชการของพระองค์ (องค์ที่20)ในปี กคศ. 597 (อสค1:1-3, 2พกษ24:10-16, 2พศด36:9-10)
เอเสเคียล ทำหน้าที่เป็นทั้งปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ เขาได้ประกาศเตือนการพิพากษาของพระเจ้าแก่พวกอิสราเอลฝ่ายใต้ (ยูดาห์) เรื่องที่พวกเขาต้องถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในบาบิโลน และการรื้อฟื้นชนชาติยูดาห์ให้ได้รับการอวยพรในที่สุดจากพระเจ้า
เอเสเคียลแสดงให้เห็นชัดว่าการเป็นเชลยในบาบิโลน ไม่ใช่เป็นผลจากฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่มีความจำกัด ทำให้ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ แต่เหตุการณ์เป็นเชลยของพวกเขาแท้จริงเป็นการลงโทษพิพากษาที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น เพราะเหตุความบาปของพวกเขา
เอเสเคียลประกาศว่า ในที่สุดพระเจ้าจะแก้แค้นบาบิโลนผู้ที่จับพวกเขาไปเป็นเชลยในพระราชกิจการปลดปล่อยยูดาห์ในที่สุด
พระธรรมเอเสเคียล34 ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ช่วงยูดาห์ อิสราเอลฝ่ายใต้เมืองหลวงอยู่ที่เยรูซาเล็ม ถูกนำไปเป็นเชลยที่บาบิโลน พระวิหารถูกทำลาย
อสค33:21และอยู่มาเมื่อวันที่ 5 เดือนที่ 10 ในปีที่ 12 ซึ่งเราได้ถูกกวาดไปเป็นเชลย คนหนึ่งที่หนีมาจากกรุงเยรูซาเล็มมาหาข้าพเจ้า กล่าวว่า “เมืองนั้นแตกเสียแล้ว” อยู่ในเวลาช่วงเดียวกันกับเหตุการณ์ใน
2พกษ25:1-4 และอยู่มาเมื่อวันที่ 10 เดือน 10 ปีที่ 9 แห่งรัชกาลของเศเดคียาห์ (องค์ที่ 21)เนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลนได้ทรงยกทัพทั้งสิ้นของพระองค์มาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม และล้อมกรุงนั้นไว้และเขาทั้งหลายได้สร้างเครื่องล้อมไว้รอบ 2กรุงนั้นจึงถูกล้อมอยู่ถึงปีที่ 11 แห่งรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ 3เมื่อถึงวันที่ 9 ของเดือนที่ 4 เกิดการกันดารอาหารรุนแรงในกรุงนั้น ไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดิน 4แล้วกรุงนั้นก็แตก ทหารทั้งสิ้นหนีออกไปในเวลากลางคืนตามทางประตูเมือง ระหว่างกำแพงทั้งสองซึ่งอยู่ริมพระราชอุทยาน (ทั้งๆ ที่คนเคลเดียอยู่รอบเมือง) และพระราชาก็เสด็จตามทางไปลุ่มแม่น้ำจอร์แดน
สถานการณ์ของยูดาห์ในเวลานั้นคือ การสิ้นชาติ เจอความทุกข์ยากลำบากต้องไปเป็นเชลย ครอบครัวพลัดพราก ความมั่นคงไม่มี อนาคตไม่มี ศักดิ์ศรีไม่มี พวกเขาเป็นประชากรของพระเจ้า ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้ ให้เรามาศึกษาพระธรรม อสค34:11-16 ด้วยกันครับ หัวข้อคำเทศนาในวันนี้ คือ
พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงที่แท้จริง อสค34:11-16
1.พระเจ้าทรงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ (11,13,16)
11“เพราะว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เรา คือเราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเสาะหาแกะ ( แกะที่หลงไปและทำบาปกับพระเจ้า )
แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกๆอย่างที่ไม่ดี ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราจะเกิดจาก การทำบาปผิดอย่างเดียว แต่หลายครั้งอาจเป็นการทดสอบความเชื่อ หรือเป็นการทดลองใจก็ได้ หรืออาจเป็นการข่มเหงก็ได้ แต่พระธรรมอสค34 ตอนนี้พระเจ้าบอก ชัดว่าเป็นการลงโทษการทำผิดของอิสราเอล จากพระเจ้า
13เราจะนำเขาทั้งหลายออกมาจาก ชนชาติทั้งหลาย และรวบรวมเขามาจากประเทศต่างๆ ( พระเจ้าต้องใช้พลังอย่างมากเหนือชนชาติต่างๆ ) และจะนำพวกเขามาไว้ในแผ่นดินของเขาเอง แล้วเราจะเลี้ยงเขาบนภูเขาของอิสราเอลใกล้ห้วยทั้งหลาย และในทุกแห่งของประเทศนั้นที่สามารถอาศัยได้ ( พระเจ้าเลี้ยงดูด้วยพระคุณไม่ใช่เพราะเราทำดีหรือน่ารัก )
16เราจะเสาะหาแกะที่หาย เราจะนำตัวที่หลงกลับมา เราจะพันผ้าให้แกะที่กระดูกหัก และเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย (พระเจ้ามีใจอดทน มีใจกรุณาสงสาร ) แต่เราจะ ทำลายแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงดูเขาด้วยความยุติธรรม (จะอธิบายข้อนี้ในตอนต่อไป)
“พระคำเหล่านี้เป็นความหวังให้กับเรา แม้เราทำผิดบาปกับพระเจ้ามากมาย พระองค์อยากรื้อความสัมพันธ์ที่ดีกลับมา เราจึงมีความหวังที่จะกลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้ กลับมาหาพระเจ้าได้”
แท้ที่จริงแล้วพระเจ้าไม่อยากพิพากษาลงโทษอิสราเอล ด้วยการกันดาร
อาหาร ด้วยโรคระบาด ด้วยดาบ ด้วยการกระจายพวกเขาไป แต่พระเจ้ามีเหตุผลในการพิพากษา
อสค5:12 หนึ่งส่วนสามของพวกเจ้าจะล้มตายเพราะโรคระบาด หรือถูกผลาญด้วยความอดอยากท่ามกลางพวกเจ้า อีกหนึ่งส่วนสามจะล้มตายด้วยดาบ อยู่รอบๆ เจ้า และอีกหนึ่งส่วนสามนั้น เราจะให้กระจัดกระจายไปตามลมในทุกทิศทาง และเราจะชักดาบออกไล่ตามเขาทั้งหลายไป
อสค14:21-23 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด เมื่อเราส่งภัยแห่งการพิพากษาร้ายแรงทั้งสี่ประการของเราคือ ดาบ การกันดารอาหาร สัตว์ร้ายและโรคระบาดมาเหนือเยรูซาเล็ม เพื่อกำจัดมนุษย์และสัตว์เสียจากนครนั้น 22นี่แน่ะ จะมีคนรอดตายเหลืออยู่ในนั้น บุตรชายและบุตรสาวทั้งหลายของเขาจะถูกนำออกมา เขาทั้งหลายออกมายังพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเห็นวิถีชีวิตและการกระทำของพวกเขา แล้วพวกเจ้าจะเบาใจในเรื่องการร้ายซึ่งเราได้นำมาเหนือเยรูซาเล็ม คือทุกสิ่งที่เรานำมาเหนือนครนั้น 23คนเหล่านั้นจะทำให้พวกเจ้าเบาใจ เมื่อเจ้าได้เห็นวิถีชีวิตและการกระทำของพวกเขาแล้ว แล้วเจ้าจะทราบว่า เราไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ ที่เราได้ทำแล้วในนครนั้น
โดยปราศจากเหตุผล” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
ดังนั้นพระเจ้าให้เอเสเคียลเป็นใบ้ แต่ให้เตือนพวกเขาให้กลับใจใหม่จากบาปก่อนล่วงหน้าด้วยการแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตยาก ลำบากในการเป็นเชลยแทนการพูด
อสค3:26 เปรียบเทียบกับ อสค33:21-22
อสค3:26 และเราจะทำให้ลิ้นของเจ้าติดกับเพดานปากของเจ้า ดังนั้นเจ้าจะเป็นใบ้ เจ้าจะไม่สามารถว่ากล่าวพวกเขา เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ
อสค33:21และอยู่มาเมื่อวันที่ 5 เดือนที่ 10 ในปีที่ 12 ซึ่งเราได้ถูกกวาดไปเป็นเชลย คนหนึ่งที่หนีมาจากกรุงเยรูซาเล็มมาหาข้าพเจ้า กล่าวว่า “เมืองนั้นแตกเสียแล้ว” 22ในเวลาเย็นนั้น ก่อนที่ผู้ลี้ภัยจะมา พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่เหนือข้าพเจ้า แล้วพระองค์ทรงเปิดปากข้าพเจ้าในเวลาที่ชายคนนั้นมาถึงในตอนเช้า ดังนั้นปากของข้าพเจ้าจึงถูกเปิดออก และข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นใบ้อีกต่อไป
ก่อนหน้านั้นพระเจ้าได้เตือนให้เห็นจากสะมาเรีย อิสราเอลฝ่ายเหนือล่มสลาย ปี ก.ค.ศ.722 ก่อนที่อิสราเอลฝ่ายใต้ เยรูซาเล็มจะเป็นเชลยบาบิโลน ปีก.ค.ศ.597 เตือนยูดาห์ก่อน 125 ปี แต่เยรูซาเล็มก็ไม่ได้กลับใจใหม่
พระเจ้าทรงถ่อมพระทัยที่จะเข้าหาเราก่อน รื้อฟื้นไมตรีให้ก่อน ถ้าเราหยิ่งเราจะไม่แคร์คน ไม่ง้อคน ไม่ยกโทษคนที่ทำผิดกับเราก่อน แต่พระเจ้าถ่อมใจ
พระเจ้าต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเรา พระองค์เป็นผู้เริ่มต้น พระองค์ เตือนเราให้ดำเนินชีวิตให้ถูกต้องจะได้ไม่ต้องทำผิดกับพระองค์ทำให้เราโดนพิพากษา แม้เรารับผลบาปแล้ว พระเจ้าก็อยากให้เรากลับมาคืนดีกับพระองค์ พระเจ้าต้องการรื้อฟื้นเรากลับมาสัมพันธ์กับพระเจ้า
“พระองค์พร้อมยกโทษให้เรา แต่เราพร้อมกลับใจใหม่จากบาปหรือเปล่า”
2.พระเจ้าทรงช่วยให้เรารอด (12)
12เหมือนผู้เลี้ยงแกะเสาะหาฝูงแกะเมื่อเขาอยู่ท่ามกลางแกะของเขาที่กระจัดกระจายไป เราก็จะเสาะหาแกะของเราเช่นนั้น และเราจะช่วยพวกแกะให้รอดพ้นจากสถานที่ทั้งหลายซึ่งพวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่เมื่อวันที่มีเมฆและมืดทึบ (แกะที่กระจัดกระจายเป็นอาหารของสัตว์ป่าได้ง่าย เสียชีวิตได้ง่าย)
ในเวลานั้นความรอดของพวกเขา คือ ไม่ต้องไปเป็นเชลยในบาบิโลน ไม่ต้องถูกลงโทษ แต่พระเจ้า หมายถึง การที่พวกเขาจะได้กลับจากการเป็นเชลยในบาบิโลนหลังจากพระเจ้าชำระแผ่นดินนั้นแล้ว พวกเขาจะได้กลับมายังแผ่นดินพันธสัญญาที่พระเจ้าได้มอบไว้ เริ่มสร้างชาติกันใหม่ ดำเนินชีวิตเป็นประชากรของพระเจ้าใหม่อีกครั้ง พระเจ้าบอกไว้ก่อนล่วงหน้า 70 ปี
ดนล9:2ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลของท่าน ข้าพเจ้าดาเนียล ได้ดูในหนังสือพบจำนวนปี ซึ่งตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ทรงมีถึงเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ จะต้องผ่านพ้นไปก่อนสิ้นวันกรุงเยรูซาเล็มร้างเปล่าคือจำนวน 70 ปี
เป้าหมายสูงสุดของพระเจ้าคือ ให้เรารอดพ้นจากอันตราย ความทุกข์ยากลำบากนิรันดรไม่ใช่รอดเพียงชั่วคราวบนแผ่นดินโลก
ขอบคุณพระเจ้า และขอพระเจ้าอวยพร ACTSDAILY ที่เป็นพระพรสำหรับผู้รับใช้คนอื่นๆ ต่อไป
ขอบคุณที่หนุนใจครับ หากมีคำแนะนำอะไรที่เป็นประโยชน์ก็นำเสนอด้วยนะครับ เพื่อพัฒนาให้ดีต่อไปครับ