หน้าแรก คำเทศน์ มธ21:18-22 อธิษฐานด้วยความเชื่อ

มธ21:18-22 อธิษฐานด้วยความเชื่อ

62
0

เทศนาที่ คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง(HIM:GLC) วันที่ 19 พฤษภาคม 2024 และวันที่ 9 มิถุนายน 2024

มธ21:18-22 อธิษฐานด้วยความเชื่อ

1.อธิษฐานด้วยความเชื่อในพระเจ้า  (มก11:22)

2.อธิษฐานด้วยความเชื่อและไม่ได้สงสัย (มธ21:21)

3.อธิษฐานด้วยความเชื่อว่าจะได้รับ (มธ21:22 และ มก11:24)

4.อธิษฐานด้วยความเชื่อและการยกโทษ  (มก11:25) 

การทรงสาปต้นมะเดื่อ

(มก.11:12-14,20-26)

18พอรุ่งเช้า ขณะเสด็จกลับไปยังกรุง พระองค์ทรงหิว 19และเมื่อทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งอยู่ริมทาง ก็ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ และไม่ทรงพบสิ่งใดบนต้นนั้นนอกจากใบ จึงตรัสกับมะเดื่อต้นนั้นว่า “จงอย่าเกิดผลอีกต่อไป” ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไป 20เมื่อบรรดาสาวกเห็นก็ประหลาดใจ พูดกันว่า “ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งไปทันทีได้อย่างไรนะ?” 21พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าเพียงพวกท่านมีความเชื่อและไม่ได้สงสัย ท่านไม่เพียงจะสามารถทำแบบเดียวกับที่เราทำกับต้นมะเดื่อ แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะสั่งภูเขาลูกนี้ว่า ‘จงลอยขึ้นและเคลื่อนไปลงทะเล’ ก็จะเป็นไปตามนั้น 22ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้”

มก11:12-14,20-26 การทรงสาปต้นมะเดื่อ

(มธ.21:18-19)

12รุ่งขึ้น เมื่อพระองค์กับพวกสาวกออกมาจากหมู่บ้านเบธานีแล้ว พระองค์ก็ทรงหิว 13พอทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อมีใบต้นหนึ่งแต่ไกล จึงเสด็จเข้าไปดูว่าจะมีผลหรือไม่ เมื่อมาถึงต้นนั้นแล้ว ไม่เห็นมีผล มีแต่ใบเท่านั้น เพราะยังไม่ถึงฤดูผลมะเดื่อ 14พระองค์จึงตรัสแก่ต้นนั้นว่า ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีใครได้กินผลจากเจ้าอีก” เหล่าสาวกก็ได้ยินถ้อยคำที่พระองค์ตรัสนั้น

คำสอนจากต้นมะเดื่อที่เหี่ยวแห้งไป

(มธ.21:20-22)

20เมื่อถึงเวลาเช้า ขณะพระองค์กับพวกสาวกเดินผ่านที่นั่น ก็เห็นมะเดื่อต้นนั้นเหี่ยวแห้งไปจนถึงราก 21เปโตรจำได้จึงทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ดูต้นมะเดื่อที่พระองค์ทรงสาปไว้นั้นสิ มันเหี่ยวแห้งไปแล้ว” 22พระเยซูจึงตรัสตอบพวกสาวกว่า จงมีความเชื่อในพระเจ้า 23เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยลงทะเลไป’ และใจไม่สงสัย แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นจริงๆ 24เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น 25และเมื่อพวกท่านยืนอธิษฐานอยู่ ถ้าพวกท่านมีเรื่องกับใคร จงยกโทษให้คนนั้น เพื่อว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ จะทรงยกโทษความผิดของพวกท่านด้วย (สำเนาโบราณบางฉบับมีข้อ 26 แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ยกโทษ พระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะไม่ทรงยกโทษความผิดของพวกท่านเหมือนกัน มธ6:14-15)

ตัวอย่าง คำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบ 

ดร. เฮเลน โรสเวียร์(Dr.Helen Roseveare) มิชชันนารีที่เมืองซาอีร์ ได้เล่าเรื่องต่อไปนี้ มีคุณแม่ท่านหนึ่งที่ตายในขณะคลอดบุตรที่คลอดก่อนกำหนด ณ.ที่ทำการขององค์กรพันธกิจ ในเวลานั้นมีความจำเป็นต้องใช้ตู้อบเพื่อให้ทารกมีชีวิตรอดได้ แม้แต่ขวดที่เก็บน้ำร้อนก็เสีย ซ่อมให้ใช้การยังไม่ได้ เราจึงขอให้เด็กเล็กๆ ได้อธิษฐานเผื่อทารก และพี่สาวของทารก เด็กคนหนึ่งได้อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้ากรุณาส่งขวดเก็บน้ำร้อนมาในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็ช้าเกินไปแล้วเพราะทารกจะเสียชีวิต และขอให้ส่งตุ๊กตาให้พี่สาวของทารกด้วยเพื่อเธอจะไม่เหงาอ้างว้างเดียวดายเกินไป” และในบ่ายวันนั้นเองมีพัสดุจากอังกฤษมาถึง เด็กๆได้เปิดพัสดุด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาประหลาดใจเพราะใต้เสื้อผ้ามีขวดน้ำร้อนหนึ่งใบ เด็กๆรีบค้นหาลึกลงไป ถ้าพระเจ้าส่งขวดเก็บน้ำร้อนมาได้ ฉันแน่ใจว่าพระเจ้าจะส่งตุ๊กตามาให้ด้วย และเป็นจริงอย่างที่เด็กๆอธิษฐาน  พระเจ้าพระบิดารู้ถึงความจริงใจของเด็กๆที่อธิษฐานขอ และพระเจ้า ได้ให้กลุ่มสตรีกลุ่มหนึ่งได้รวบรวมสิ่งของทั้งสองอย่างนี้ โดยได้ส่งมาล่วงหน้าเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว 

เบื้องหลังพระธรรมตอนนี้

มธ21: เหตุการณ์สาปต้นมะเดื่อเป็นวันจันทร์ หลังจากเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในวันอาทิตย์ เป็นการเริ่มต้นสัปดาห์สุดท้ายของพระเยซูคริสต์ ก่อนจะถูกตรึงที่กางเขนจนสิ้นพระชนม์ในวันศุกร์และเป็นขึ้นมาในวันอาทิตย์ต่อมา 

ความแตกต่างของ มัทธิว และมาระโกในเรื่องการสาปต้นมะเดื่อ คือ

1. มัทธิวบอกว่าเหี่ยวแห้งทันที (19) ส่วนมาระโกบอกว่าเหี่ยวแห้งในวันรุ่งขึ้น (20) เมื่อถึงเวลาเช้า ขณะพระองค์กับพวกสาวกเดินผ่านที่นั่น ก็เห็นมะเดื่อต้นนั้นเหี่ยวแห้งไปจนถึงราก ความจริงคือ มะเดื่อเหี่ยวแห้งจริงๆเร็วหรือช้าไม่เกิน1วัน 

2.ในมัทธิวไม่มีประโยคเรื่องการยกโทษ แต่มาระโกมี (25) และเมื่อพวกท่านยืนอธิษฐานอยู่ ถ้าพวกท่านมีเรื่องกับใคร จงยกโทษให้คนนั้น เพื่อว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ จะทรงยกโทษความผิดของพวกท่านด้วย” 

สิ่งที่บันทึกแตกต่างกันไม่ได้เป็นการขัดแย้งกัน เพราะการบันทึกของคนเขียนคนละคนกัน ทำให้เกิดมุมมองต่างกันจึงบันทึกแตกต่างกัน ถ้ามาระโกเขียนเหมือน มัทธิวทุกตัวอักษร มาระโกก็ไม่จำเป็นต้องบันทึกถูกรวมไว้ในพระกิตติคุณ เพราะเนื้อหาเหมือนกัน เหมือนการถ่ายเอกสารมาจากมัทธิว 

หัวใจหลักของบริบท คือ การมีความเชื่อในพระเจ้า การมีชีวิตอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย การสาปต้นมะเดื่อเป็นตัวอย่างที่พระเยซูคริสต์สอนสาวกในเรื่องความเชื่อและการอธิษฐาน เพราะภายหลังพวกเขาจะเจอเรื่องที่ยากเกินกว่าจะเชื่อได้ คือ พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า และจะเป็นขึ้นมาจากความตาย 

หัวข้อคำเทศนาในวันนี้ คือ ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อและการอธิษฐานประการ

1.อธิษฐานด้วยความเชื่อในพระเจ้า  (มก11:22)

มธ21:22ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้”

มก11:22พระเยซูจึงตรัสตอบพวกสาวกว่า จงมีความเชื่อในพระเจ้า 

การอัศจรรย์เรื่องการสาปต้นมะเดื่อ เป็นครั้งแรกที่เป็นอัศจรรย์ที่เกี่ยวกับต้นไม้เป็นหนึ่งใน 9 เรื่องที่เกินธรรมชาติของพระเยซูคริสต์  แต่ไม่ใช่ทุกๆการอัศจรรย์มาจากพระเจ้า 

บริบทของพระธรรมมาระโก พระเยซูคริสต์ตำหนิอิสราเอลเรื่องความไม่เชื่อ (ว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า คนยิวยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นเพียงผู้เผยวจนะแต่ไม่ยอมรับว่าเป็นพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์) การที่พระเยซูคริสต์ทรงสาปต้นมะเดื่อเป็นเหตุการณ์หลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงชำระพระวิหารทำให้พวกยิวไม่พอใจอย่างมาก หาทางที่จะประหารพระองค์จากเหตุการณ์นั้น 

ดังนั้นการสอนบทเรียนจากการสาปต้นมะเดื่อ มีความเป็นเอกภาพของเนื้อหาความไม่เชื่อของพวกอิสราเอล แตกต่างจากสาวกที่เชื่อในพระเยซูคริสต์เมื่อเขาอธิษฐานด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เขาจะทำได้แบบเดียวกับพระองค์ 

มธ21:21พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าเพียงพวกท่านมีความเชื่อและไม่ได้สงสัย ท่านไม่เพียงจะสามารถทำแบบเดียวกับที่เราทำกับต้นมะเดื่อ

ความจริงคือ ผลมะเดื่อโดยธรรมชาติพบทานได้ง่ายตามหนทาง จะสุกรับประทานได้ช่วงเดือนเมษายน ให้ผลผลิต2-3ครั้งต่อปี ออกผล10 เดือนต่อปี ช่วงเวลาการสาปต้นมะเดื่อเป็นเดือนมีนาคม (เดือนนิสาน เป็นช่วงเทศกาลปัสกา) ต้นมะเดื่อควรต้องมีหน่วยเล็กๆของผลมะเดื่อออกมาบ้างแล้ว มีสุกบ้างไม่สุกบ้าง แต่ไม่ใช่มีแต่ใบอย่างเดียว เหมือนที่พระคัมภีร์ตอนนี้บันทึกไว้

“พระเยซูคริสต์สอนการอัศจรรย์เกิดขึ้นเพราะอธิษฐานด้วยความเชื่อในพระเจ้า” 

มธ17:20′พระเยซูตรัสตอบว่า “เพราะว่าพวกท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด เมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น’ มันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย”

มธ18:19-2019เราบอกพวกท่านอีกว่า ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกันทูลขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลก พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็จะทรงทำสิ่งนั้นให้ 20เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น”

พระเจ้าเป็นแหล่งแห่งสิทธิอำนาจ ถ้าเราขอในสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า สิ่งที่เราขอนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงได้

บางคนก็เชื่อในพระเยซูคริสต์ มากเกิน ไม่เอาพระคัมภีร์ตอนอื่นเลย นอกจากพระกิตติคุณ ทำให้เอียงตกขอบ เจอความเชื่อแบบนี้ก็ต้องระวัง

บางคนก็เชื่อในพระเยซูคริสต์ แล้วคิดว่าคณะของตนเป็นพวกเดียวที่เป็นของแท้ คณะอื่นเป็นของเทียมเท็จหมด เจอความเชื่อแบบนี้ก็ต้องระวัง

2.อธิษฐานด้วยความเชื่อและไม่ได้สงสัย (มธ21:21)

มธ21:21พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าเพียงพวกท่านมีความเชื่อและไม่ได้สงสัย ท่านไม่เพียงจะสามารถทำแบบเดียวกับที่เราทำกับต้นมะเดื่อ แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะสั่งภูเขาลูกนี้ว่า ‘จงลอยขึ้นและเคลื่อนไปลงทะเล’ ก็จะเป็นไปตามนั้น

“ต้องเชื่อขนาดไหน ถึงจะเรียกว่าไม่สงสัย”

ประโยคที่บอกว่าจงลอยขึ้นและเคลื่อนไปลงทะเลเป็นโวหารที่กล่าวแบบเกินจริง (อธิพจน์) เพื่อสร้างและเน้นความรู้สึก และอารมณ์ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้ง หมายความว่า พระเยซูคริสต์ไม่ได้มีเป้าหมายให้สาวกอธิษฐานให้ภูเขาลอยตามตัวอักษร แต่ให้สาวกมีความเชื่อขนาดนั้น หรือเชื่อแบบนั้น) การใช้โวหารแบบนี้ในพระคัมภีร์ ให้ความหมายคือให้มีความเชื่ออย่างมาก ตัวอย่างจากพระคัมภีร์ที่ใช้โวหารเช่นนี้ 

1คร13:2‘แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย 

มธ17:20 พระเยซูตรัสตอบว่า “เพราะว่าพวกท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด เมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่าจงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่นมันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย”

ทุกคนรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องยากที่จะให้ภูเขาลอยขึ้นและเคลื่อนไป แต่สำหรับพระเจ้า พระองค์ทำได้  

เป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ แต่เป็นเรื่องง่ายสำหรับพระเจ้า 

“เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ แต่เป็นไปได้สำหรับพระเจ้า”

หน้าที่ของเราคือเชื่อในพระเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย เราไม่ต้องไปเคลื่อนภูเขาเอง แต่อธิษฐานกับพระเจ้าผู้เคลื่อนภูเขา หรือปัญหา หรืออุปสรรคในชีวิตของเราออกไปได้  

ความสงสัยพระเจ้า ด้วยการใช้ความคิด ด้วยสติปัญญา ด้วยเหตุผล ที่พระเจ้าทรงประทานให้มนุษย์มีความสามารถในการตัดสินใจ จะเชื่อ หรือไม่เชื่อพระเจ้า ก็ได้ สิ่งนี้เป็นความเชื่อที่ถูกต้องจริงๆหรือ ตัวอย่างเช่น 

ทำไมพระเยซูคริสต์ไม่อธิษฐานให้มะเดื่อเกิดผลเพราะน่าจะยากกว่าการทำให้เหี่ยวแห้งไป และตอบโจทย์เรื่องที่พระเยซูคริสต์หิวได้ดีกว่า พระองค์เคยเลี้ยงคนห้าพันคนที่หิวด้วยขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวมาแล้ว น่าจะทำให้มะเดื่อเกิดผลดีกว่าทำให้มันเหี่ยวแห้งไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แสดงว่าเราคิดได้ดี ทำได้ดีกว่าพระเยซูคริสต์ ใช่ไหม จริงหรือไม่ที่เราคิดได้ดี ทำได้ดีกว่าพระเยซูคริสต์ 

ทำไม มะเดื่อต้องโดนสาปด้วย พระเยซูคริสต์ใช้สิทธิอำนาจเหมาะสมไหมในเมื่อยังไม่ถึงฤดูออกผล ก็ไม่มีผลมะเดื่อก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

ทำไมชีวิตที่ไม่เกิดผล ต้องโดนสาปด้วยหรือ

จริงไหมที่อิสราเอล ที่ไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์จะโดนสาป 

จริงไหมที่ทุกเรื่องที่เราอธิษฐานด้วยความเชื่อไม่สงสัย พระเจ้าจะตอบทั้งหมด

“สรุปแล้ว มนุษย์เราเป็นผู้ที่พระเจ้าสร้างมาให้มีสติปัญญา มีความคิด มีการตัดสินใจ แต่ทำไมสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง จึงสงสัยพระเจ้าผู้ทรงสร้าง”

ยก1:6-7 แต่จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา 7คนๆ นั้นจงอย่าคิดเลยว่าจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 

“ถ้าเราคิดอย่างนี้แสดงว่าเราคิดได้ดี ทำได้ดีกว่าพระเจ้าใช่ไหม จริงหรือไม่ที่เราคิดได้ดี ทำได้ดีกว่าพระเยซูคริสต์

อัศจรรย์ของชีวิตเกิดขึ้น เมื่อเราอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยความเชื่อ ไม่สงสัยในสิทธิอำนาจของพระเจ้า อธิษฐานด้วยความเชื่อว่าจะได้รับ อธิษฐานด้วยความเชื่อขอให้ชีวิตของเราไม่มีบาปที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า 

การอธิษฐานร้องขอต่อผู้ใด หมายความว่า ผู้ร้อง หรือผู้อธิษฐานไม่ได้มีความสามารถในการทำสิ่งนั้นด้วยตนเองหรือจะได้รับสิ่งนั้นจากความสามารถของตนเอง แต่ผลลัพธ์เกิดจากผู้ที่เขาไปร้องขอ เป็นผู้ซึ่งมีสิทธิอำนาจเหนือเขา จะเป็นผู้ที่ประทานให้ หรือไม่ประทานให้ก็ได้

ตัวอย่าง  ขอจากอเล็กซานเดอร์มหาราช 

บรรดานักปรัชญาที่อยู่ในราชสำนักของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น แต่ได้เงินเพียงเล็กน้อย นักปรัชญาคนหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากท้องพระคลังของอเล็กซานเดอร์  เป็นจำนวน $50,000 และเจ้าหน้าที่ปฎิเสธ เหรัญญิกจำเป็นต้องตรวจสอบว่ามีการอนุมัติเงินก้อนใหญ่ดังกล่าวหรือไม่  เมื่อเหรัญญิกได้ถามอเล็กซานเดอร์ ท่านตอบว่า “ให้จ่ายเงินทันที เพราะนักปรัชญาได้ให้เกียรติแก่ข้าฯแต่เพียงผู้เดียว ด้วยคำขออันใหญ่หลวงของเขา เขาได้แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจทั้งเรื่องความมั่งคั่งของข้าฯและความมีน้ำใจกว้างขวาง เอื้ออาทรของข้าฯ”

3.อธิษฐานด้วยความเชื่อว่าจะได้รับ (มธ21:22 และ มก11:24)

มธ21:22ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้”

มก11:24เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น 

“ทุกอย่างที่เราขอด้วยความเชื่อเราจะได้รับจริงไหม บริบทบอกว่าขึ้นอยู่กับผู้ประทานให้ตามคำขอ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผู้ขอ”

ตัวอย่างเช่น 

พระเยซูคริสต์ทำให้ลาซารัสเป็นขึ้นมาจากความตายเพราะพระเจ้าประทาน

ยน11:42 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ฝูงชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา

บริบทบอกเป็นการอธิษฐานขอการอัศจรรย์ เงื่อนไขของการได้รับคือ ผู้ประทานให้กับคนที่ไม่สงสัย ตอนนี้เจาะจงไปที่อัครฑูตของพระเยซูคริสต์ในเวลานั้นในการขอหมายสำคัญการอัศจรรย์เพื่อการประกาศพระกิตติคุณ เหมือนที่พระเยซูคริสต์ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ด้วยหมายสำคัญการอัศจรรย์ 

ไวยากรณ์ของ มก11:24 คำว่า “ได้รับ” ใช้เป็นประโยคอดีตกาล(past tense) หมายถึง ได้รับแล้ว ไม่ได้หมายความว่า จะได้รับในอนาคต

แม้ดูเหมือนเกินความเป็นจริงหรือเป็นไปไม่ได้ ที่จะได้รับมาแล้วในอดีต แต่เป็นความจริงทางจิตวิทยา

ความจริงของการอธิษฐานขอที่เราจะได้รับคำตอบ คือ การอธิษฐานขอสิ่งที่ไม่ขัดกับน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ขัดกับพระลักษณะของพระเจ้า ไม่ขัดกับพระบัญญัติหรือพระวจนะของพระเจ้า  ไม่ขัดกับแผนการของพระเจ้า  

1 ยอห์น 5:14‘และนี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง แต่เป็นคำขอที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ทำให้ชีวิตเรารับพระพร ไม่ใช่การลงโทษ

“การอธิษฐานด้วยความเชื่อว่าจะได้รับ ก็เหมือนไฟที่ต้องมีเปลวไฟ แยกออกจากกันไม่ได้ ระหว่างความร้อนของเปลวไฟกับความร้อนของไฟ”

ตัวอย่าง เจ้าของวัวบางตัว 

ในช่วงเริ่มต้นก่อตั้งของโรงเรียนศาสนศาสตร์ดัลลัส มีวิกฤติการเงิน $10,000 เพื่อให้ดำเนินงานได้ ระหว่างการประชุมอธิษฐาน แฮรี ไอรอนไซด์ ครูสอนพระคัมภีร์ได้อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของวัวบนภูเขาพันลูก โปรดขายวัวบางตัวเพื่อช่วยเหลือเราในยามที่เรามีความจำเป็นด้วย” หลังจากจบการอธิษฐานเขาได้รับเชค $10,000 โดยเชคนั้นส่งล่วงหน้ามา 1 วันก่อนเขาอธิษฐาน จากเพื่อนของเขาที่ไม่รู้คำอธิษฐานขอของแฮรีเลย เพื่อนเขาเขียนไว้ว่า “เงินนี้มาจากการขายวัวบางตัวจากฝูงวัวของเขา”

4.อธิษฐานด้วยความเชื่อและการยกโทษ  (มก11:25)

25และเมื่อพวกท่านยืนอธิษฐานอยู่ ถ้าพวกท่านมีเรื่องกับใคร จงยกโทษให้คนนั้น เพื่อว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ จะทรงยกโทษความผิดของพวกท่านด้วย

“การอธิษฐานด้วยความเชื่อก็ดีแล้ว แต่การยกโทษให้คนที่ทำผิดเป็นเรื่องที่ไปไกลกว่าความเชื่อ”

เพราะเป็นเรื่องของชีวิตที่มีใจรัก มีความเห็นอกเห็นใจ ยกโทษให้ศัตรูผู้ทำร้ายเรา  เหมือนที่พระเจ้ายกโทษความผิดบาปให้กับเรา

เมื่อเราอธิษฐานพระเจ้าทอดพระเนตรในใจของเราด้วย ไม่ใช่ดูที่สมองอย่างเดียว หรือฟังแต่คำอธิษฐานที่ไพเราะเท่านั้น

การอธิษฐานยกโทษความผิดให้ผู้อื่น ด้วยการให้อภัย เพราะเป็นใจที่ชอบธรรม ใจที่ซื่อสัตย์ และพระเจ้าทรงทราบจิตใจที่ยกโทษให้ผู้อื่นเหมือนที่พระเจ้าได้อภัยให้กับผู้ที่อธิษฐานขอจากพระองค์  หัวใจของผู้อธิษฐานเช่นนี้พระเจ้าพอพระทัยที่จะตอบคำอธิษฐาน 

มธ6:14-1514“เพราะว่าถ้าพวกท่านให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านด้วย 15แต่ถ้าพวกท่านไม่ให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านเหมือนกัน

เรายกโทษบาปผิดให้คนไม่ได้ แต่พระเจ้าทำได้ พระเยซูคริสต์ยกโทษคนที่ทำผิดกับพระองค์ที่กางเขน เพื่อให้การตายไถ่บาปของพระองค์เพื่อคนบาปทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์พวกเขาที่เชื่อทุกคนจะได้รับการยกโทษบาป

“เพราะพระเยซูคริสต์ทรงอภัยให้คนที่ทำผิดต่อพระองค์เช่นกัน และคำอธิษฐานของพระองค์ก็จะได้รับคำตอบจากพระเจ้า” 

เป็นพระพรกับผู้เชื่อเขาได้รับการยกโทษบาป 

ลก 23:34‘พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” แล้วพวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน 

เรายกโทษในส่วนที่คนทำผิดกับเรา เพื่อคำอธิษฐานของเราจะได้รับคำตอบเช่นกัน 

ร่วมใจกันอธิษฐาน

อ้างอิง

https://biblehub.com/commentaries/ellicott/matthew/21.htm

https://biblehub.com/commentaries/benson/matthew/21.htm 

https://biblehub.com/commentaries/mhc/matthew/21.htm 

https://biblehub.com/commentaries/barnes/matthew/21.htm

https://biblehub.com/commentaries/poole/matthew/21.htm 

https://biblehub.com/commentaries/gill/matthew/21.htm 

https://biblehub.com/commentaries/egt/matthew/21.htm 

https://biblehub.com/commentaries/cambridge/matthew/21.htm

https://biblehub.com/commentaries/bengel/matthew/21.htm 

https://biblehub.com/commentaries/pulpit/matthew/21.htm 

https://bible.alpha.org/th/classic/32/index.html

https://www.sermonillustrations.com/a-z/p/prayer.htm

เฮาส์, เอช. เวย์น, ลำดับเหตุการณ์ในพันธสัญญาใหม่, แปลโดย ธนาภรณ์ ธรรมสุจริตกุล (พิมพ์ครั้งที่1, กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, 1996), หน้า 112.

พระคริสต์ธรรมคัมภีร์อมตธรรมร่วมสมัย ฉบับค้นคว้า. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: องค์การอมตธรรม, 2011, หน้า 84, 168-170.

พระคริสตธรรมคัมภีร์ “ชีวิตครบบริบูรณ์” ฉบับอธิบาย ฉบับภาษาไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. เกาหลีใต้: สำนักพิมพ์ไลฟ์ พับลิชเชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, 2018, หน้า 1721, 1779.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่