ก้าวที่ 26 พระเจ้าประทานแผ่นดินสวรรค์
(เป็นเนื้อหาต่อเนื่องจากบทเรียน “วิถีคริสตชน 50 ก้าว”)
เขียนโดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 4 ก.พ.2020
มธ5:3-12 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระทัยพระคริสต์”
ตอนที่ 1 พระเจ้าประทานแผ่นดินสวรรค์
1.เมื่อเราถ่อมใจต่อพระเจ้า (3)
2.เมื่อเราแสวงหาพระเจ้า (6)
3.เมื่อเรายืนหยัดเพื่อพระเจ้า (10-12)
ผู้เป็นสุข (ลก.6:20-23)
3“คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข
เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
4“คนที่โศกเศร้า ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ
5“คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
6“คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม
7“คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ
8“คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า
9“คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก
10“คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุขเพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
11“เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข 12จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะ ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้ เป็นเรื่องจริยธรรมลักษณะชีวิต เกี่ยวข้องกับอาณาจักรของพระคริสต์
เป็นแนวปฎิบัติของพลเมืองแห่งอาณาจักรพระคริสต์ เรื่อง ความดี ความรัก ความเป็นมิตร เริ่มจากคำเทศนา คำสอนของพระองค์บนภูเขา(อาจเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองคาเปอร์นาอุมกับทะเลสาบ ทิเบเรียส)
พระเยซูคริสต์ไม่เหมือนโมเสสที่คนยิวให้ความนับถือ (แม้สอนบนภูเขาเหมือนกันเรื่องผู้เป็นสุข พระเยซูคริสต์สอนตอนเริ่มราชกิจ โมเสสสอนตอนท้ายสุดของเวลาสิ้นสุดการรับใช้ของท่าน)
ฉธบ33:29 โอ อิสราเอล ใครจะเหมือนท่านผู้ได้รับพระพร?เป็นชนชาติที่รอดมาโดยพระยาห์เวห์เป็นโล่ช่วยท่านเป็นดาบชัยของท่านศัตรูจะสยบต่อท่านท่านจะเหยียบย่ำไปบนที่สูงของเขา”
พระเยซูคริสต์ไม่เหมือนครูสอนธรรมบัญญัติที่เต็มไปด้วยคำสั่ง ทำให้คนหวาดกลัว หรือเป็นภัยคุกคาม แต่พระเยซูคริสต์เป็นมิตร มีความดึงดูดใจที่บริสุทธิ์ มีเสน่ห์ มีคำสัญญาที่น่าประทับใจสำหรับผู้ฟัง
คนยิวในสมัยพันธสัญญาเดิม มีบันทึกคำว่า “สวรรค์” HB8064:Shamayim (ใช้421ครั้ง) แปลว่า ท้องฟ้า หรือสวรรค์ คนยิวเข้าใจเรื่องสวรรค์ จากที่บันทึกไว้ในปฐมกาลถึงสดุดีว่า สวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า ส่วนคนอิสราเอลที่ตายแล้วจะไปแดนคนตาย ไม่ได้ไปสวรรค์
คำว่า “แดนคนตาย” HB7585:Sheol (66ครั้ง) เป็นสถานที่ปลายทางสำหรับคนที่ตาย คนยิวขอให้ไม่ถูกพิพากษาหรือไม่ให้ทรมานก็พอแล้ว ไม่ถึงขนาดต้องไปอยู่เมืองบรมสุขเกษมหรือแผ่นดินสวรรค์ เมื่อตายไป
สดด9:17คนอธรรมจะหันไปสู่แดนคนตายคือ ประชาชาติทั้งสิ้นที่ลืมพระเจ้า
ปญจ12:7และผงคลีกลับสู่พื้นดินตามเดิม และจิตวิญญาณกลับไปสู่พระเจ้าผู้ประทานให้มานั้น13จบเรื่องแล้ว ได้ฟังกันทั้งสิ้นแล้ว จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั้งปวง 14เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษาพร้อมด้วยสิ่งเร้นลับทุกอย่าง ไม่ว่าดีหรือชั่ว
คำว่า สวรรค์ ภาษากรีก GK3772:ouranos อ่านว่า(oo-ran-os’)(n)
ท้องฟ้า จักรวาล (ฝ่ายกายภาพ) และสวรรค์(ฝ่ายวิญญาณ)
เมื่อพระเยซูคริสต์มาสอนเรื่องผู้เป็นสุขนั้น จึงเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนและไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่ตายไปแล้วจะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าได้
คำเทศนาตอนนี้ เน้นเรื่องลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระทัยพระคริสต์” คำสอนบนภูเขานี้เริ่มต้นหลังจากที่พระเยซูคริสต์ เริ่มต้นประกาศราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็ทรงสอนเรื่องลักษณะชีวิตของผู้เป็นสุข คือ ผู้ที่ได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า หรือได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้า มีลักษณะชีวิตเป็นอย่างไร แผ่นดินสวรรค์นั้นมีมาตรฐานอย่างไรนั่นเอง
Alford กล่าวว่า “อาณาจักรพระเจ้า เกี่ยวข้องกับสิทธิความเป็นพลเมืองคริสเตียน เรื่องอาณาจักรพระเจ้าเกี่ยวข้องกับทุกส่ิงที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า”
“พระเยซูคริสต์เน้นเรื่องลักษณะชีวิต และการดำเนินชีวิตต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า โดยพระองค์จะเป็นคนพิจารณาตัดสินเอง ว่าผู้เชื่อแต่ละคนมีลักษณะชีวิตเป็นอย่างไร ตอบสนองคำสอนอย่างไร พระเจ้าจะเป็นผู้อวยพรให้ตามลักษณะชีวิตของผู้ฟัง และเขาจะได้แผ่นดินสวรรค์จากพระเจ้า”
(พบคำว่า “ก็เป็นสุข”ตั้งแต่ข้อ3-11 ยกเว้นข้อ12) Meyer : หมายถึง ผู้ที่ได้รับความรอดของอาณาจักรพระคริสต์ซึ่งใกล้เข้ามา
ก็เป็นสุข GK3107: Makarios (adj) อ่านว่า(mak-ar’-ee-os) หมายถึง ผู้เชื่ออยู่ในฐานะผู้รับการอวยพร การจัดสรรจากความโปรดปรานของพระเจ้า อย่างยาวนาน อย่างมาก ด้วยพระคุณของพระองค์
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อเรารับไว้ด้วยความเชื่อฟังโดยเกิดจากความเชื่อของพระเจ้า (Faith4102) ผู้เชื่อเป็นที่อิจฉาของคนไม่เชื่อ เพราะเขาได้รับการอวยพร ได้รับการจัดสรรอย่างมากมาย เพราะเขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
คำสอนมัทธิวตั้งแต่บทที่5-7 เป็นเหมือนเนื้อหาส่วนขยายของ มธ5:3-12
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา
มธ5:3-12 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“ตามพระทัยพระคริสต์” มีทั้งหมด 3 ตอน
ตอนที่ 1 พระเจ้าประทานแผ่นดินสวรรค์
1.เมื่อเราถ่อมใจต่อพระเจ้า (3)
3“คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
เรามาดูรายละเอียดของเรื่องพวกเขาได้แผ่นดินสวรรค์อย่างไร?
“คนที่ยากจน” GK4434:ptochos (adj) อ่านว่า (pto-khos’) ภาษากรีก หมายถึง การหมอบคลานเหมือนขอทาน คนอนาถา ขาดทรัพยากรอย่างสมบูรณ์ ทำอะไรไม่ถูก เป็นขอทานผู้ยากไร้ ในตอนนี้ใช้หมายถึง ซ่อนตัวด้วยความกลัว ก้มตัวลงด้วยความกลัว กลัวอย่างเห็นได้ชัด
มัทธิวใช้คำว่า “ยากจน” คนสมัยนั้นฟังแล้วเข้าใจว่า คือ คนยากจนฝ่ายกายภาพในเวลานั้น คือ คนที่จมลงในความยากจน และความทุกข์ภายนอก ความยากจนฝ่ายกาย นำมาใช้เป็นภาพเปรียบเทียบต่อความยากจนฝ่ายวิญญาณ ฝ่ายจริยธรรมภายในจริงๆ
เข้าใจว่าผู้ฟัง ฟังแล้วสำรวจตนเองและพบว่าจิตวิญญาณของตนเองยากจนจริงๆ ผู้ฟังรู้สึกเหมือนสติของพวกเขาอยู่ในสภาพน่าสังเวช พวกเขาไม่มีความสุข พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นคนไม่ดี เป็นคนบาป
“เมื่อตระหนักเช่นนี้พวกเขาจึงถ่อมใจต่อพระเจ้า พระเจ้าแสวงหาคนถ่อมใจ ที่ตระหนักแบบนี้”
ลก5:30-32พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ในคณะของเขาก็บ่นว่าพวกสาวกของพระองค์ กล่าวว่า “ทำไมพวกท่านมากินดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป?” 31พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “คนสบายไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการ 32เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”
จาก มธ5:3 คนยากจน ส่งผลให้เกิดข้อ 4 คนโศกเศร้า ข้อ5 คนที่สุภาพ
ข้อ 6 คนที่หิวกระหาย ทั้งหมดนี้เป็นผลตามมา จากความยากจน ฝ่ายวิญญาณหรือฝ่ายจริยธรรม ตระหนักว่าตนเป็นคนที่ยังไม่ดีพอ หรือไม่มีอะไรดีเลย(พวกเขาถ่อมใจ)
ตัวอย่างเรื่องความถ่อมใจจากมุมมองของพระเยซูคริสต์ ใครเป็นคนถ่อมใจ
ลก 18:9-14 สำหรับบางคนที่เชื่อมั่นในตัวเองว่าเป็นคนชอบธรรมและดูหมิ่นคนอื่นนั้น พระองค์ตรัสอุปมานี้ว่า 10“มีสองคนขึ้นไปอธิษฐานในบริเวณพระวิหาร คนหนึ่งเป็นฟาริสีและคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี 11คนที่เป็นฟาริสีนั้นยืนอยู่คนเดียวอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นคนฉ้อโกง เป็นคนอธรรม และเป็นคนล่วงประเวณี และไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ 12ข้าพระองค์ถืออดอาหารสองวันต่อสัปดาห์ และสิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์หาได้ ข้าพระองค์ก็เอาทศางค์มาถวายเสมอ’ 13ส่วนคนเก็บภาษีนั้นยืนอยู่แต่ไกล ไม่ยอมแม้แต่แหงนหน้าดูฟ้า แต่ตีอกชกตัวกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด’ 14เราบอกพวกท่านว่า คนนี้แหละเมื่อกลับลงไปถึงบ้านของตนก็ถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรม ไม่ใช่อีกคนหนึ่งนั้น เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกขึ้น
พระเยซูคริสต์มาเพื่อช่วยคนบาปเหล่านี้ คนถ่อมใจเหล่านี้ ลก4:18 เป็นคำประกาศของพระเยซูคริสต์ ในธรรมศาลาอ้างมาจาก อสย 61:1-2 เล็งถึงภารกิจของพระเจ้าเพื่อคนทุกข์ใจ คนชอกช้ำจะได้รับการหนุนใจ
อสย61:1-2พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงอยู่เหนือข้าพเจ้าเพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้เพื่อนำข่าวดีมายังคนที่ทุกข์ใจพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปเพื่อปลอบโยนคนชอกช้ำใจและเพื่อประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลยทั้งประกาศการเปิดเรือนจำแก่ผู้ที่ถูกจำจอง2เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระยาห์เวห์และประกาศวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของพวกเราเพื่อชูใจทุกคนที่ไว้ทุกข์
Cambridge กล่าวอธิบายว่าคนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข เป็นคนที่ตรงกันข้ามกับคนหยิ่งจองหอง คนที่ไม่กลับใจ พระเยซูคริสต์มาเพื่อคนทุกข์ใจที่ถ่อมใจลง คนที่ถ่อมใจต่อพระเจ้า ตระหนักว่าตนเป็นคนบาป
ตัวอย่าง ใครเป็นคนที่ถ่อมใจ แผ่นดินสวรรค์เป็นของเด็ก เปรียบเด็กเหมือนคนยากจนเพราะเด็กไม่มีทรัพย์ที่สามารถจะให้ประโยชน์อะไรได้ เมื่อเทียบกับเศรษฐีหนุ่ม เขาร่ำรวย เขาต้องการชีวิตนิรันดร์แต่เขาไม่ได้รับเพราะเขาเห็นทรัยพ์สินมีค่ามากกว่าแผ่นดินสวรรค์ มธ19:13-15,23-24
13เวลานั้นมีคนพาเด็กเล็กๆ มาเฝ้าพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์วางพระหัตถ์และทรงอธิษฐาน แต่พวกสาวกต่อว่าคนที่พาพวกเขามา 14พระเยซูตรัสว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาเฝ้าเรา อย่าห้ามพวกเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น” 15เมื่อพระองค์วางพระหัตถ์บนเด็กเหล่านั้นแล้ว ก็เสด็จไปจากที่นั่น 23พระเยซูตรัสกับสาวกทั้งหลายของพระองค์ว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนร่ำรวยจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ก็ยาก 24เราบอกพวกท่านอีกว่า
“ตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ยังง่ายกว่าที่คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า”
ตัวอย่าง ฟาริสีกับคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี มธ21:28-32 ใครเป็นคนถ่อมใจ
“ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร? ชายคนหนึ่งมีบุตรชายสองคน บิดาไปหาบุตรคนแรกบอกว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด’ 29บุตรคนนั้นตอบว่า ‘ไม่ไป’ แต่ภายหลังกลับใจแล้วก็ไป 30บิดาไปหาบุตรคนที่สองพูดอย่างเดียวกัน บุตรคนนั้นกล่าวว่า ‘ไป’ แต่ไม่ได้ไป 31คนไหนในบุตรสองคนนี้ที่ทำตามใจของบิดา?” พวกเขาทูลตอบว่า “บุตรคนแรก” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพวกท่าน 32เพราะยอห์นมาหาพวกท่านและแสดงวิถีทางของความชอบธรรม และท่านไม่ได้เชื่อ แต่พวกคนเก็บภาษีและพวกหญิงโสเภณีเชื่อ และแม้เมื่อท่านทั้งหลายเห็นแล้วก็ยังไม่กลับใจและเชื่อยอห์น
ตัวอย่าง อัครสาวกถามว่าใครเป็นใหญ่กว่ากันเรื่องนี้ ตรงกันข้ามกับความถ่อมใจที่พระเยซูคริสต์สอน มธ20:20-28 คำทูลขอของยากอบและยอห์น
20ขณะนั้นมารดาของบุตรทั้งสองของเศเบดี มาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบและทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ 21พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านปรารถนาอะไร?” นางทูลว่า “ขอพระองค์รับสั่งตั้งบุตรทั้งสองของข้าพระองค์ให้นั่งเบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง และเบื้องซ้ายคนหนึ่งในราชอาณาจักรของพระองค์” 22แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่เข้าใจในสิ่งที่ขอนั้น ถ้วยที่เราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ?” พวกเขาทูลว่า “ได้พระเจ้าข้า” 23พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจะดื่มถ้วยของเราแน่ แต่การที่จะให้นั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่เราเป็นผู้ให้ แต่จะให้กับคนเหล่านั้นที่พระบิดาของเราทรงเตรียมไว้” 24เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้วก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น 25พระเยซูทรงเรียกพวกเขามาตรัสว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าบรรดาผู้ครอบครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือพวกเขา และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับเขา 26ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่าน 27และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่าน 28เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”
ไม่แปลกใจที่ มาร์ติน ลูเธอร์ บอกว่า เสาหลัก 5 ประการ พระคริสต์เท่านั้น พระวจนะเท่านั้น ความเชื่อเท่านั้น พระคุณเท่านั้น ถวายเกียรติพระเจ้าเท่านั้น เพราะนี่คือ ความถ่อมใจ ไม่มีข้อใดที่บอกว่า ชีวิตและความสำเร็จของเขามาจากตัวเขาเอง แต่เป็นมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ประยุกต์ใช้ได้ว่า ความถ่อมใจต่อพระเจ้า เป็นคุณลักษณะหลักสำคัญสำหรับพระเจ้า
“ในการยอมรับคนนั้นให้เข้าในอาณาจักรของพระคริสต์ มีเพียงเงื่อนไขเดียว คือ ขอให้เราอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระเจ้า”
แสดงถึงการยอมจำนนต่อพระเจ้า ตระหนักว่าเราเป็นคนบาป จงกลับใจใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานของพระเจ้า ไม่ใช่มาตรฐานความดีของเรา
ส่ิงที่ตรงข้ามกับพระพร คือ วิบัติ ต้องระมัดระวัง เนื้อหาต่อจาก มธ5:3-12
ลก6:24-26“แต่วิบัติแก่พวกท่านที่ร่ำรวยเพราะว่าท่านได้รับความสะดวกสบายแล้ว 25“วิบัติแก่พวกท่านที่อิ่มท้องในเวลานี้เพราะว่าท่านจะอดอยาก
“วิบัติแก่พวกที่หัวเราะในเวลานี้เพราะว่าท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้
26“วิบัติเมื่อทุกคนบอกว่าท่านดี เพราะบรรพบุรุษของเขาก็ทำอย่างนั้นกับพวกผู้เผยพระวจนะเท็จเหมือนกัน
ความถ่อมใจเช่นนี้ไม่ใช่ถ่อมใจเฉพาะเวลาที่เชื่อพระเจ้า หรือถ่อมใจเฉพาะเวลาที่รับใช้พระเจ้า แต่ความเป็นจริงต้องถ่อมใจกับพระเจ้าตลอดชีวิตที่เชื่อ พระเจ้า และตลอดชีวิตที่รับใช้พระเจ้า โดยการกลับใจใหม่เสมอๆ
2.เมื่อเราแสวงหาพระเจ้า (6)
6 “คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุขเพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม” แสดงว่า แสวงหาความชอบธรรม
เป็นการเชื่อมระหว่างข้อ 3 กับ ข้อ10 เพราะคนที่ยากจนกับคนที่ถูกข่มเหงได้รับแผ่นดินสวรรค์เหมือนกัน แสดงว่าเมื่อเข้ามาในแผ่นดินของพระเจ้าแล้วก็ต้องเติบโตฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ตกต่ำฝ่ายวิญญาณ ข้อ 6 บอกว่าหิวและกระหาย พระเจ้าให้อิ่ม และยืนหยัดรักษาความเชื่อในข้อ 10 ไม่หลุดออกไปจากแผ่นดินของพระเจ้า
แน่ทีเดียวว่าคนยากจนฝ่ายกายภาพก็ต้องหิวต้องกระหาย สำหรับคนที่ยากจนฝ่ายวิญญาณ ตระหนักว่าตนเป็นคนบาป ตามที่พระเจ้าบอก ถ่อมใจต่อพระเจ้า ไม่ต่อสู้พระเจ้าในเรื่องนี้
หิว GK 3983:peino(v) อ่านว่า(pi-nah’-o) ภาพเปรียบเทียบความกระหาย ความกระตือรือร้น ที่จะแสวงหาด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า
กระหาย GK1372:dipsao (v) อ่านว่า (dip-sah’-o) กระหายและปรารถนาอย่างจริงจัง
สดด42:1-2 กวางกระเสือกกระสนหาธารน้ำฉันใดข้าแต่พระเจ้า จิตใจข้าพระองค์ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น2จิตใจข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้าหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า?
อสย55:1โอ้ ทุกคนที่กระหายจงมายังน้ำและผู้ไม่มีเงินจงมาหาซื้อและรับประทาน จงมาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนมโดยไม่ต้องเสียเงินและค่าใช้จ่าย
“กี่คนที่หิวกระหายหาพระเจ้า ไม่ใช่พระพรของพระเจ้า”
Alford กล่าวว่าความหิวกระหาย เป็นสัญญาณของชีวิตใหม่ที่เกิดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยน3:3,5พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” 5พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้
ฮบ5:13 เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้นยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นทารกอยู่ (ชอบธรรมขึ้นก็เติบโตขึ้น)
เวลาที่พระเยซูคริสต์สนทนากับหญิงชาวสะมาเรีย กับเหล่าสาวกก็มีบริบทเรื่องการหิว และกระหาย เข้ากับเวลาที่ต้องไปตักน้ำกับรับประทานอาหาร พระเยซูคริสต์ทรงสนพระทัยเรื่องราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า (ความรอด)
ยน4:13-14,32 พระเยซูตรัสตอบว่า “ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก 14แต่คนที่ดื่มน้ำที่เราจะให้กับเขานั้น จะไม่มีวันกระหายอีกเลย น้ำที่เราจะให้เขานั้นจะกลายเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์” (เกี่ยวข้องกับความรอด)
ยน4:32-34 แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เรามีอาหารรับประทานที่พวกท่านไม่รู้” 33พวกสาวกจึงถามกันว่า “มีใครเอาอาหารมาให้พระองค์แล้วหรือ?” 34พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของผู้ที่ทรงใช้เรามาและทำให้งานของพระองค์สำเร็จ
อ.เปาโลนำมาสรุปเป็นหลักเรื่องความชอบธรรมมาจากความเชื่อในพระเยซูคริสต์
รม3:21-22แต่เดี๋ยวนี้ความชอบธรรมของพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือธรรมบัญญัติ ความชอบธรรมดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันจากหมวดธรรมบัญญัติและพวกผู้เผยพระวจนะ 22คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ โดยไม่ทรงถือว่าเขาแตกต่าง
ความชอบธรรม GK1343:dikaiosune (n) อ่านว่า(dik-ah-yos-oo’-nay) หมายถึง ความชอบธรรมของพระเจ้า (คนยิวชอบใช้) ความชอบธรรมที่มาจากพระเจ้าเป็นแหล่งกำเนิด ในพันธสัญญาใหม่ใช้ในความหมาย คนชอบธรรมที่พระเจ้าเป็นผู้รับรอง พระเจ้าเป็นผู้พิสูจน์ พระองค์ทดสอบแล้วว่า “ชอบธรรม”
คนทั่วไปเข้าใจว่า ความชอบธรรม หมายถึง ถูกตามหลักธรรม, ถูกตามนิตินัย ชอบ เท่ากับ ถูกต้อง เช่น คิดชอบ ชอบแล้ว หรือเหมาะ เช่น ชอบด้วยกาลเทศะ หรือมีสิทธิ์ เช่น ชอบที่จะทำได้
คนทั่วไปจึงใช้เหตุนี้ในการทำอะไรต้องชอบธรรม เช่น ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศิลธรรม ไม่ผิดจริยธรรม ไม่ผิดวัฒนธรรมประเพณี หากชอบธรรมก็มีสิทธิที่จะทำการ หรือทำกิจการเหล่านั้นได้
สำหรับคริสเตียน เรารับความชอบธรรมผ่านทางพระเยซูคริสต์ และการมีส่วนเข้าในอาณาจักรพระคริสต์ ไม่ได้เกิดจากตัวเรากระทำให้ตนเองชอบธรรม แต่พระเจ้ารับรองว่าเราเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
กท2:16 ยังรู้ว่าไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เราเองก็ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะถูกนับว่าชอบธรรมได้เลย
ในมธ5:6 “ชอบธรรม” หมายรวมไปถึง ความซื่อสัตย์ ความถูกต้อง ความมีจริยธรรม ความบริสุทธิ์ของชีวิต ความซื่อตรง ความถูกต้องในความคิด ในความรู้สึก ในการกระทำ (ควรจะเป็นลักษณะชีวิตของผู้ได้รับความรอดแล้ว)
รม5:19เพราะว่าคนจำนวนมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังอย่างไร คนจำนวนมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังอย่างนั้น
ทรงให้“อิ่ม” GK5526:chortazo (v) อ่านว่า (khor-tad’-zo) เลี้ยงดู ทำให้พอใจ อ้วน ในมธ5:6 หมายถึงทำให้เต็ม ทำให้พอใจตามความปรารถนา
(ACTS:ถ้าเราอยากเป็นคนชอบธรรมพระเจ้าก็ทำให้เราเป็นคนชอบธรรม แต่มีกี่คนที่แสวงหาพระเจ้า ให้ตนเป็นคนชอบธรรมบ้าง???)
ท่าทีของเปาโลในการรับใช้ แม้ยากจน แม้มีความทุกข์ แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการรักษาชีวิตชอบธรรม
2คร6:10เป็นคนมีความทุกข์แต่ยังยินดีอยู่เสมอ เป็นคนยากจนแต่ยังทำให้คนจำนวนมากมั่งมี เป็นคนไม่มีอะไรเลยแต่ยังเป็นเจ้าของทุกสิ่ง
ผู้เขียนสดุดีมั่นใจเมื่อหิวกระหายพระเจ้า พระองค์จะให้พวกเขาอิ่ม
สดด63:1,5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระองค์จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์ในดินแดนที่แห้งแล้งและอ่อนระโหย ที่ซึ่งไม่มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน 5จิตใจของข้าพระองค์จะอิ่มหนำดังได้กินอาหารชั้นเลิศ และปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยริมฝีปากที่ชื่นบาน
สดด107:9เพราะพระองค์ทรงให้ผู้ที่กระหายได้อิ่มเอมและผู้ที่หิว พระองค์ทรงให้เขาหนำใจด้วยของดี
ภาพเปรียบเทียบในแผ่นดินสวรรค์เรื่องการกินดื่ม ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความชอบธรรม เราต้องแสวงหาพระเจ้าจนกว่าจะไปอยู่แผ่นดินสวรรค์
ลก22:30เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้กินและดื่มที่โต๊ะของเราในอาณาจักรของเรา และท่านจะได้นั่งบนบัลลังก์พิพากษาอิสราเอลสิบสองเผ่า
รม14:17เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุขและความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
คริสเตียน คริสตจักร ผู้รับใช้ของพระเจ้า ควรตระหนักเรื่องนี้และทำให้ชุมชนของพระเจ้า งานรับใช้ของพระเจ้า ชีวิตของผู้เชื่อรักษาความชอบธรรมที่พระเจ้าประทานให้ และหิวกระหายความชอบธรรมตลอดไปที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ให้เป็นลักษณะชีวิตของคนแห่งอาณาจักรของพระคริสต์ด้วย
3.เมื่อเรายืนหยัดเพื่อพระเจ้า (10-12)
10 “คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุขเพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
คนที่ถูกข่มเหง GK1377:dioko (v) อ่านว่า(dee-o’-ko) ไล่ล่าตามโดยนัยที่จะกลั่นแกล้งติดตาม ข่มเหง รากศัพท์ หมายถึง การรุกไล่รุนแรง เหมือนนายพราน นักล่า ติดตามจับเป็นรางวัล ในตอนนี้ หมายถึง การตามราวี ทำให้ทุกข์ร้อนยากลำบาก ทำร้าย เพื่อกลั่นแกล้ง ประหัตประหาร ทั้งหมดนี้ทำด้วยวิธีการใดๆก็ได้
Cambridge กล่าวว่า คนหัวรุนแรงจากกาลิลีถูกข่มเหง ถูกด่าประจาน สบประมาท ใส่ร้าย เพื่อพวกเขาลุกขึ้นต่อสู้เฮโรด หรืออาณาจักรโรมัน ซึ่งไม่น่าจะเรียกได้ว่า “ผู้เป็นสุข”
Meyer กล่าวว่า มธ5:10 เปรียบเทียบกับ1ปต 3:13-14 และ1ปต 4:14
1ปต3:13-14 ถ้าพวกท่านขวนขวายทำดี ใครจะทำร้ายพวกท่าน 14แต่ถ้าพวกท่านต้องทนทุกข์ เพราะทำสิ่งถูกต้อง พวกท่านก็เป็นสุข อย่ากลัวการข่มขู่ของพวกเขา และอย่าวิตกไปเลย
1ปต4:14ถ้าพวกท่านถูกด่าเพราะพระนามของพระคริสต์ พวกท่านก็เป็นสุข เพราะว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน
“ความชอบธรรมเป็นการแสดงออกถึง จิตสำนึกแบบอาณาจักรพระคริสต์(Messianic Consciousness) เป็นสาเหตุที่ผู้เชื่อถูกข่มเหง“
พระเยซูคริสต์ หนุนใจเรามากมายถึงการทนทุกข์เพราะพระองค์ จะได้รับความรอด และได้รับบำเหน็จ
มธ10:39 ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอด จะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด
มธ10:42 และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่ง ให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่ม เพราะเป็นสาวกของเรา เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า คนนั้นจะไม่ขาดบำเหน็จแน่นอน”
มธ16:25 เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด
มธ19:29และทุกคนที่สละบ้าน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นา เพราะเห็นแก่นามของเรา คนนั้นจะได้ผลร้อยเท่าและชีวิตนิรันดร์ด้วย
Pulpit กล่าวว่า มธ5:6 กับ มธ5:10 หิวความชอบธรรมพระเจ้าให้อิ่ม แต่ถูกข่มเหงเพราะความชอบธรรม พวกเขายืนหยัดมั่นคงได้เลยเป็นสุข หรือในอีกด้านหนึ่งการข่มเหงมีลดน้อยลงพวกเขาที่ยืนหยัดได้ก็มีความสุขมากขึ้น
Elliott กล่าวว่า ถูกข่มเหงเพราะความชอบธรรม งานของผู้สร้างสันติไม่ใช่เรื่องง่าย สดด120:7ข้าพเจ้าชอบสันติภาพ แต่เมื่อข้าพเจ้าพูด พวกเขาหนุนสงคราม
คนที่ยอมตายเพื่อความเชื่อ แสดงออกถึงความยึดมั่นความชอบธรรม เราเริ่มต้นและจบด้วยแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งเป็นพระพร ระหว่างการเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปจุดจบก็เช่นกัน
2ทธ3:12 แท้จริงทุกคนที่ตั้งใจจะดำเนินชีวิตตามทางพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง
ยน3:20 เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาหาความสว่าง เนื่องจากกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ
ยน7:7โลกเกลียดชังพวกน้องไม่ได้ แต่โลกเกลียดชังเรา เพราะเราเป็นพยานว่าการงานของโลกนี้ชั่วร้าย
ยน15:19ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้ โลกจึงเกลียดชังท่าน
“จะให้ความบาป หรือคนบาป ข่มเหงไล่ล่าเรา หรือจะให้พระเจ้าไล่ล่าเรา”
แม้คนไม่เชื่อพระเจ้า แต่ยืนหยัดเพื่อความชอบธรรม พวกเขาก็โดนข่มเหงด้วยอยู่ดี แต่ไม่มีพระเจ้ามาเกี่ยวข้อง จะดีแค่ไหนที่เขาจะได้รับแผ่นดินสวรรค์จากพระเจ้า เมื่อเขาถูกข่มเหง
รายละเอียดข่มเหงอย่างไรอยู่ในข้อ 11-12 กล่าวต่อไป
11“เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข 12 จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะ ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน (แสดงว่า ยืนหยัดเพื่อความชอบธรรม)
ติเตียน GK3679:Oneidizo(v) อ่านว่า(on-i-did’-zo) แปลว่า ตำหนิ ต่อว่า ติเตียน เย้ยหยัน ดูถูก ไม่กรุณา ตำหนิ เยาะเย้ย สาบแช่ง โยนความผิดให้ ทำให้อับอาย เป็นความผิดที่น่าตำหนิ และสมควรได้รับการลงโทษ (บางครั้งตำหนิเรื่องจริง)
ข่มเหง (เหมือนข้อ10) GK1377:dioko (v) อ่านว่า(dee-o’-ko) แปลว่าไล่ล่าตามโดยนัยที่จะกลั่นแกล้ง ติดตาม ข่มเหง รากศัพท์ หมายถึง การรุกไล่รุนแรง เหมือนนายพราน นักล่า ติดตามจับเป็นรางวัล ในตอนนี้ หมายถึง การตามราวี ทำให้ทุกข์ร้อน ยากลำบาก ทำร้าย เพื่อกลั่นแกล้ง ประหัตประหาร ทั้งหมดนี้ทำด้วยวิธีการใดๆก็ได้
ว่าร้าย GK4190:Poneros (adj) อ่านว่า(pon-ay-ros’) แปลว่า ชั่วร้าย เลวร้าย เป็นอันตราย เกียจคร้าน “ความทุกข์ยากที่มักจะไปกับความชั่วร้าย
เป็นความเท็จเพราะเรา GK5574:Pseudomai (v) อ่านว่า (psyoo’-dom-ahee) แปลว่า การหลอกลวง โกหก พูดเท็จ Meyer:ไวยากรณ์บอกว่า เป็นเพราะพวกท่านเป็นของพระเยซูคริสต์ เป็นแรงจูงใจของผู้ข่มเหง พวกเขาต้องการทำร้ายผู้เชื่อด้วยคำโกหก
ส่วนใหญ่ข้อ 11-12 เน้นการข่มเหงด้วยคำพูดติเตียน ว่าร้าย เป็นความเท็จ การโกหกเป็นยุทธวิธีในการรบของมารในทุกสนาม ตรงกันข้ามกับความชอบธรรมที่พระเจ้าประทานให้เราด้วย
ยก3:14แต่ถ้าหากในใจของพวกท่านมีความขมขื่นเพราะริษยาและมีความมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าต่อต้านความจริงด้วยการโกหก
อสย51:7จงฟังเรา พวกเจ้าผู้รู้จักความชอบธรรมชนชาติที่มีธรรมบัญญัติของเราอยู่ในใจอย่ากลัวการเยาะเย้ยของมนุษย์และอย่าวิตกต่อการถากถางของเขา
Expositor กล่าวว่า เวลาที่สาวกโดนข่มเหงจะได้นึกถึงคำสอนของพระเยซูคริสต์ บอกไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นราชกิจ พระเยซูคริสต์รู้ว่าจะมีการทดสอบ มีการทดลอง มีอนาคตที่มืดมนสำหรับการเปิดเผยผิดๆ การสอนเท็จไปจากพระเยซูคริสต์ พระองค์เตรียมสาวกเพื่อให้เข้าใจและชนะการข่มเหงที่มาจากสาเหตุเพราะพระองค์
เปโตรปฎิเสธพระเยซูคริสต์ก่อนถูกตรึงที่กางเขน แต่ในตอนสุดท้ายเขาไม่ปฎิเสธเมื่อเขาเติบโตขึ้น มก14:66-72,1ปต 4:19,2ปต1:14-15
มก14:66-72ระหว่างที่เปโตรอยู่ที่ลานบ้านข้างล่าง มีหญิงคนหนึ่งในพวกสาวใช้ของมหาปุโรหิตเดินมา 67เมื่อเห็นเปโตรผิงไฟอยู่ นางจ้องมองแล้วพูดว่า “เจ้าอยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วยนี่” 68แต่เปโตรปฏิเสธว่า “ที่เจ้าพูดนั้นข้าไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ” เปโตรจึงออกไปที่ประตูบ้าน แล้วไก่ก็ขัน 69เมื่อสาวใช้คนนั้นเห็นเปโตร ก็พูดขึ้นอีกกับคนที่ยืนอยู่ว่า “คนนี้เป็นพวกเขาด้วย” 70แต่เปโตรปฏิเสธอีก ครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นก็พูดกับเปโตร อีกว่า “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่ๆ เพราะว่าเจ้าเป็นชาวกาลิลี” 71แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานใหญ่ว่า “คนที่เจ้าพูดถึงนั้นข้าไม่รู้จัก” 72ทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงถ้อยคำที่พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เปโตรกลั้นความรู้สึกไม่อยู่ก็ร้องไห้
เมื่อเวลาที่พระเยซูคริสต์ไม่อยู่แล้วเขาหนุนใจคนอื่นให้ทนทุกข์ได้
1ปต 4:19 ดังนั้น ขอให้คนทั้งหลายที่ทนทุกข์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ฝากวิญญาณจิตของตนไว้กับพระผู้สร้าง ผู้ซื่อสัตย์ และทำดีต่อไป
เมื่อเขารู้ว่ากำลังจะตายเขาเรียนรู้ตลอดชีวิตจะไม่ทำผิดพลาดแบบตอนแรก
2ปต1:14-15 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าอีกไม่นานข้าพเจ้าก็จะตาย ดังที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ทรงแจ้งแก่ข้าพเจ้าแล้ว 15และข้าพเจ้าจะพยายามให้ท่านทั้งหลายระลึกถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ หลังจากข้าพเจ้าจากไปแล้ว
Pulpit กล่าวว่า ตอนสอนเรื่องนี้สาวกยังไม่ได้โดนข่มเหงเลย สาวกถูกเรียกร้องจากพระเยซูคริสต์ให้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานจริยธรรมของอาณาจักรพระคริสต์ ดำเนินตามการทรงเรียก แม้ถูกข่มเหง การข่มเหงเป็นเหมือนการทดสอบ เป็นการสร้างสาวกแท้ ทำให้เกิดลักษณะสาวกแท้ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
ลก6:22-23 ท่านทั้งหลายเป็นสุขแม้มีคนเกลียดชังท่าน ไล่ท่านออกจากพวกเขา ประณามท่าน และเหยียดหยามท่านว่าเป็นคนชั่วช้าเนื่องจากท่านเห็นแก่บุตรมนุษย์ 23ในวันนั้นท่านทั้งหลายจงชื่นชมยินดีและโลดเต้น เพราะบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ บรรพบุรุษของเขาก็ทำอย่างนั้นกับพวกผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน
ฮบ11:26 ท่านถือว่าความอับอายขายหน้าเพื่อพระคริสต์ล้ำค่ากว่าสมบัติทั้งหลายของอียิปต์ เพราะท่านเพ่งดูที่บำเหน็จที่จะได้รับนั้น
1ปต 4:14 ถ้าพวกท่านถูกด่าเพราะพระนามของพระคริสต์ พวกท่านก็เป็นสุข เพราะว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน
“ขอให้ระวัง อย่าแสวงหาการข่มเหง หรือท้าทายร้องขอการทดสอบ ทดลอง แต่ให้แสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้าแทน เดี๋ยวการข่มเหงมาเอง”
Ellicott อ้างถึง กจ14:22 ถ้าพวกท่านถูกด่าเพราะพระนามของพระคริสต์ พวกท่านก็เป็นสุข เพราะว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน
Benson กล่าวว่า ชื่นชมยินดีเพราะจะได้รับรางวัล แสดงว่า มีชัยชนะในที่สุด ขอให้อดทน ขอให้มีกำลังใจทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ พระองค์ไม่ได้เป็นหนี้เรา แต่โดยพระคุณพระเจ้าประทานให้เรา การข่มเหงเป็นการพิสูจน์การเป็นธรรมิกชนที่มีชื่อเสียงดี
Barnes กล่าวว่า ในฐานะที่เราเป็นคนของพระเจ้า การตอบสนองต่อการข่มเหงต้องทำอย่างถูกต้อง และเป็นเรื่องที่เราต้องมีชัยชนะ
ฟป1:29เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย
1ปต2:23 เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เองไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม
2ทธ2:24-25 ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสมและมีความอดทน 25แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง
12 จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะ ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
บำเหน็จ GK3408 : misthos (N) อ่านว่า (mis-thos’) แปลว่า รางวัล ตอนนี้ใช้สำหรับผลที่เกิดขึ้นแบบเป็นธรรมชาติจากการทำงานหนักและความพยายาม รางวัลเป็นผลตอบแทนของพระเจ้า บำเหน็จเป็นรางวัลจากพระเจ้าที่รักษาไว้ให้รอคอยที่จะให้
1คร3:8 คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน และทุกคนก็จะได้บำเหน็จตามการงานของตน
เรารับความรอดโดยพระคุณของพระเจ้า เรารับไว้ด้วยความเชื่อ แต่บำเหน็จเรารับจากพระเจ้าเพราะเกิดการการกระทำ
“ให้เราตระหนักว่าลักษณะชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ สวรรค์มีมาตรฐานสำหรับคนที่จะไปอยู่กับพระเจ้า ในแผ่นดินของพระเจ้านิรันดร ความถ่อมใจต่อพระเจ้า”