เทศนา คริสตจักรมหาชล(สถานนมัสการรามคำแหง) อาทิตย์ที่ 2 ต.ค.2022

เทศนา คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง(GLC:H.I.M.) อาทิตย์ที่ 4 ส.ค.2024

คำเทศน์ ยน4:46-54  อัศจรรย์ของเธอและฉัน 

1.พระเยซูเป็นผู้ทำอัศจรรย์  (50,53)

2.ผู้เชื่อรับพระพรอัศจรรย์    (51-53)

46ดังนั้นพระองค์จึงเสด็จไปที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลีอีก ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ทรงทำให้น้ำกลายเป็นเหล้าองุ่น และที่เมืองคาเปอรนาอุมมีข้าราชการคนหนึ่งที่มีบุตรป่วยหนัก 47เมื่อท่านทราบข่าวว่าพระเยซูเสด็จออกจากแคว้นยูเดียไปแคว้นกาลิลีแล้ว ท่านจึงไปอ้อนวอนพระองค์ขอให้เสด็จไปรักษาบุตรของตนเพราะว่าเขาใกล้จะตายแล้ว 48พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ท่านก็จะไม่เชื่อ” 49ข้าราชการคนนั้นทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอเสด็จไปก่อนที่ลูกน้อยของข้าพเจ้าจะตาย” 50พระเยซูตรัสกับเขาว่า กลับไปเถิด ลูกของท่านจะไม่ตาย ชายคนนั้นเชื่อพระดำรัสที่พระเยซูตรัสกับเขาจึงกลับไป 51ขณะที่กลับไปนั้น พวกทาสของเขามาพบและเรียนว่า ลูกของท่านหายแล้ว52เขาจึงถามถึงเวลาที่บุตรมีอาการดีขึ้นนั้น และพวกทาสก็เรียนว่า “ไข้หายเมื่อวานนี้เวลาบ่ายโมง” 53บิดาจึงรู้ว่าเป็นเวลาที่พระเยซูตรัสกับตนว่า “ลูกของท่านจะไม่ตาย” เขาเองก็เชื่อพร้อมทั้งครอบครัวด้วย 54นี่เป็นหมายสำคัญครั้งที่สองที่พระเยซูทรงทำเมื่อพระองค์เสด็จออกจากแคว้นยูเดียไปแคว้นกาลิลี

ตัวอย่าง ภรรยามาปรึกษาหมอเรื่องความขัดแย้งกับสามี หมอรักษาภรรยาโดยใช้น้ำสะอาด1แก้ว เพื่อรักษาสามี ทำให้กับมารักกันเหมือนเดิม น้ำ 1 แก้ว คุณหมอรักษาได้อย่างอัศจรรย์โดยให้ภรรยายกน้ำดื่มให้สามีทานทุกครั้งเวลาที่กำลังจะทะเลาะกัน  ในที่สุดความขัดแย้งในครอบครัวก็สามารถรักษาให้หายได้  นี่ก็เป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่งรักษาความขัดแย้งให้หายได้ โดยไม่ต้องใช้ยา 

พระธรรมยอห์นบทที่ 4 ข้อ46-54 นี้ ได้บรรยายถึงข้าราชการคนหนึ่ง ภาษาเดิมใช้คำว่า “บาสิลิคอส” แปลว่า เป็นคนรับใช้ของกษัตริย์ หรือคนรับใช้ของศาล หรือมีเชื้อสายของกษัตริย์ ไม่ว่าจะแปลเป็นอย่างไรก็ดี หมายความว่าท่านผู้นี้เป็นบุคคลที่มีความสำคัญ และมีอิทธิพลอย่างสูงในการปกครองเมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งอยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองคานาในแคว้นกาลิลี

ข้าราชการผู้นี้เป็นคนต่างชาติ ไม่ได้เป็นคนยิวที่ถือธรรมบัญญัติ ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลประเพณีวัฒนธรรมทางศาสนายิว ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คนมาเชื่อพระเยซู เราทราบได้จากการที่ข้าราชการผู้นี้ถามเรื่องเวลา โดยทั่วไปแล้วคนยิว เรียกเวลา “บ่ายโมง”ว่า 7 โมงจากอาทิตย์ขึ้น แต่คนต่างชาติเรียกว่า “บ่ายโมง” จากข้อ 52 

ข้าราชการผู้นี้เขามีความต้องการอย่างหนึ่ง คือ ไม่อยากให้ลูกตาย (ภ.กรีกบอกเป็นบุตรชาย) วันนี้ท่านผู้อ่าน หรือผู้ฟังมีความต้องการอัศจรรย์ให้เกิดขึ้นในชีวิตบ้างไหม ข้าราชการต่างชาติคนนี้ ต้องการอัศจรรย์เท่านั้นถึงจะช่วยลูกเขาได้ เรามาดูอัศจรรย์ของเธอ(บุตรชาย) และฉัน(ข้าราชการ) ซึ่งเป็นหัวข้อคำเทศน์ 

ยน4:46-54  อัศจรรย์ของเธอและฉัน 2 ประการ 

1.พระเยซูเป็นผู้ทำอัศจรรย์  (50,53)

50พระเยซูตรัสกับเขาว่า กลับไปเถิด ลูกของท่านจะไม่ตาย

การทำอัศจรรย์เป็นเอกสิทธิ์ของพระเจ้า และเป็นพระคุณของพระเจ้า ไม่ขึ้นอยู่กับความดีของเรา ดูเหมือนข้าราชการไม่ต้องทำอะไรเลยในการช่วยลูกให้รอดตาย แค่เดินทางกลับบ้านไปเท่านั้น 

เราพบว่า เป้าหมายของพระเยซูทำอัศจรรย์ในตอนนี้ คือ อยากให้คนทั้งหลายได้เชื่อ (48) 

พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ท่านก็จะไม่เชื่อ” 

การอัศจรรย์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเกิดที่เมืองคานา พระเยซูเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น แต่ครั้งที่1 และครั้งที่ 2 การอัศจรรย์เกิดที่เมืองเดียวกัน แต่คนละช่วงเวลา

ครั้งแรกต้องเติมน้ำเพื่อเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น ครั้งนี้แค่ตรัส อย่างเดียว อัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในระยะทางที่ไกลออกไป ในการรักษาโรคเป็นการย้ำให้คนยิวเชื่อว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า 

ยน2:23 ขณะพระองค์ประทับที่กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกานั้น มีคนจำนวนมากวางใจในพระนามของพระองค์ เพราะพวกเขาเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ 

ในพระคัมภีร์มีคำว่าเชื่อ 98 ครั้ง เป็นการประกาศให้เชื่อว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์เป็นทั้งมนุษย์และพระเจ้า โดยพระบิดาส่งพระองค์ลงมา เพื่อตายไถ่บาปให้กับมนุษย์ ผู้เชื่อวางใจในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์

ท่าทีของเราเมื่อขอการอัศจรรย์จากพระเจ้า คือ เพื่อทำให้มีความมั่นใจในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า

มารธา พี่สาวของมารีย์ และลาซารัสที่เสียชีวิตไปแล้ว 4 วัน พระเยซูทำอัศจรรย์ให้ลาซารัส เงื่อนไขคือ มารธาเชื่อไหมว่าพระองค์เป็นพระเจ้า

ยน11:25-27  25พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป 26และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?” 27มารธาทูลพระองค์ว่า “เชื่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาในโลก”

ตัวอย่าง เมื่อเฮนรี นอร์ริส รัสเซลล์ นักดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันสรุปปาฐกถาเรื่องทางช้างเผือก มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาเขาแล้วถามว่า “ถ้าโลกของเราเล็กจิ๋ว และจักรวาลก็ยิ่งใหญ่มาก เราจะเชื่อได้หรือไม่ว่า พระเจ้าจะทรงเอาใจใส่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างจริงๆ ? “  ดร. รัสเซลล์ ตอบว่าขึ้นอยู่กับว่า “คุณผู้หญิงเชื่อในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่นั้นเพียงใด”

2. ผู้เชื่อรับพระพรอัศจรรย์    (51-53) 

51ขณะที่กลับไปนั้น พวกทาสของเขามาพบและเรียนว่า ลูกของท่านหายแล้ว 52เขาจึงถามถึงเวลาที่บุตรมีอาการดีขึ้นนั้น และพวกทาสก็เรียนว่า “ไข้หายเมื่อวานนี้เวลาบ่ายโมง” 53บิดาจึงรู้ว่าเป็นเวลาที่พระเยซูตรัสกับตนว่า “ลูกของท่านจะไม่ตาย” เขาเองก็เชื่อพร้อมทั้งครอบครัวด้วย 

ข้าราชการท่านนี้เดินทางจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี เพื่อกลับมาบ้านที่เมืองคาเปอรนาอุม ใช้เวลาเดินทาง 1 วัน แสดงว่า ระยะทางไกลประมาณ 40 ก.ม. หรือ 25 ไมล์ เขาเพิ่งเดินทางมาถึง แล้วต้องเดินทางกลับเลย เขาต้องเหนื่อยมาก

ลูกชายไม่ได้เดินทางมารับการรักษาโรคด้วยตนเอง แสดงว่าสภาพร่างกายไม่สามารถเดินทางได้ ความเจ็บป่วยคงมีอาการหนักมาก หรืออาจจะใกล้เสียชีวิตก็ได้ถ้าต้องเดินทางมารับการรักษาโรค

เขามีความทุกข์มากเพราะลูกใกล้จะตายไม่มีทางรักษา แม้เขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตมาก มีอำนาจมาก เป็นคนสำคัญมาก แต่ส่ิงเหล่านั้นช่วยลูกเขาให้รอดพ้นจากความเจ็บป่วยหนักไม่ได้

เขามีตำแหน่งใหญ่โตที่เมืองคารเปอรนาอุม ทำไมไม่เชิญหมอดีๆมารักษา หรือเชิญพระเยซูเดินทางไปหาก็ได้ ทำไมต้องมาด้วยตนเอง

เขาอาจจะไม่เคยเห็นพระเยซู หรืออาจจะเคยได้ยินแต่เรื่องพระเยซูเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น แม้เขาไม่เห็นแต่เขามีความเชื่อในพระเยซู

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเดินทางไปหาพระเยซู แสดงว่าเขาต้องจ่ายราคา ต้องถ่อมใจไปขอร้องให้พระเยซูคริสต์ช่วยเหลือ ดังนั้นเขาต้องมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 

เขาไปอ้อนวอนพระเยซู ไม่ได้ไปบังคับพระเยซู

เขามีความเชื่ออย่างมากในพระดำรัส ว่าลูกเขาจะไม่ตาย เวลานั้นไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจสอบจากระยะทางไกลได้ ต้องเดินทางกลับบ้านไปโดยรักษาความเชื่ออย่างเข้มแข็ง เขามีความหวังตลอดเวลาในการเดินทางกลับบ้าน เพราะพระเยซูคริสต์ไม่ได้เดินทางมากับเขาเพื่อมารักษาลูกชาย พระองค์แค่ตรัสว่าลูกของเขาจะไม่ตาย 

นึกภาพไม่ออกเลย ว่าถ้าเขากลับไปถึงบ้านแล้ว พบว่าลูกชายเสียชีวิตเหตุการณ์หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาอาจจะไม่เชื่อพระเยซูคริสต์อีกต่อไป  หรือเขาอาจจะโกรธมาก แลัวหาทางลงโทษ หรือข่มเหงพระเยซูคริสต์ก็เป็นไปได้  

ตอนที่ลูกชายของเขาหายจากความเจ็บป่วยของโรค เขาก็ไม่ได้เห็น ไม่ได้รับรู้ข้อมูลอะไรเลย เพราะเขากำลังเดินทางกลับบ้านเขามีความเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า (คูริออส) แต่พวกยิวกับไม่มีความเชื่อ

ผลที่เกิดขึ้น

ลูกชายของเขาไม่ตาย ลูกชายของเขาได้รับการรักษาให้หายอย่างอัศจรรย์ ความทุกข์ของเขาหมดไป ความบาปผิดได้ถูกยกออกไป ความสุขเข้ามาแทนที่

ทั้งครอบครัวของข้าราชการผู้นี้ ได้มาเชื่อวางใจพระเจ้า ผ่านทางการอัศจรรย์ในการรักษาโรคของพระเยซูคริสต์

รูปไวยากรณ์บอกว่า เป็นคำกริยา ไม่เพียงมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ในที่สุดมีนายร้อยคนนึง ของเมืองคาเปอรนาอุม ได้มาเชื่อพระเยซูคริสต์เช่นกัน เมื่อพระเยซูเสด็จไปที่เมืองนี้รักษาบ่าวของนายร้อย เขาบอกพระเยซูคริสต์ไม่ต้องไปรักษา แค่ตรัสเท่านั้นบ่าวของเขาก็จะหาย เขาทำให้พระเยซูคริสต์ประหลาดใจ

มธ8:10 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล 13แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า “จงกลับบ้านเถิด ท่านมีศรัทธาแล้ว จงได้ผลตามศรัทธานั้น” ในทันใดนั้นเอง บ่าวของเขาก็หายเป็นปกติ

การประกาศข่าวประเสริฐของพวกสาวกในยุคแรก มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์เกิดขึ้น ทำให้ผู้ฟังข่าวประเสริฐเชื่อในพระเยซูคริสต์ 

มก16:20 พวกสาวกจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งหน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับพวกเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของพวกเขา ด้วยการให้มีหมายสำคัญประกอบคำสอน

พระเยซูคริสต์สนับสนุนคำสอน (ความรอด) ด้วยหมายสำคัญ เพื่อให้คนเชื่อในข่าวประเสริฐ

ประยุกต์ใช้ว่า หากมีคนเชื่อพระเยซูคริสต์ นั่นก็เป็นการอัศจรรย์เช่นกัน เพราะบางคนเห็นอัศจรรย์แต่ก็ไม่เชื่อพระเยซูคริสต์ก็มี หากเชื่อโดยไม่เห็นหมายสำคัญอัศจรรย์ นั่นก็เป็นการอัศจรรย์เช่นกัน

ฟาโรห์เห็นอัศจรรย์ 10 ประการแต่ก็ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้า 

เนบูคัดเนสาร์ เชื่อพระเจ้า พระองค์ให้เขาหายจากโรคบ้าได้ 

คนเชื่อพระเจ้า จึงเป็นหมายสำคัญการอัศจรรย์ ยิ่งกว่าการทำอัศจรรย์ต่างๆ เพราะพระเจ้าให้หมายสำคัญการอัศจรรย์เพื่อคนจะเชื่อพระเจ้า นั่นเอง

เราควรจะดำเนินชีวิตตามความจริง ความเชื่อ หรือความรู้สึก

เราควรจะดำเนินชีวิตตามประสบการณ์ อุดมคติ หรือตามพระคัมภีร์ 

ตัวอย่าง หมอจีนรักษาคนหายเก็บเงิน 500 ถ้ารักษาไม่หายจ่ายเงินให้ 5000 บาท มีทนายความมาหาหมอบอกว่าลิ้นไม่ดี ไม่รับรู้รสชาติ หมอเลยให้ยากล่องที่ 20 เมื่อเขาได้ทานยาแล้ว เขาบอกว่ายารสเปรี้ยว คุณได้รับการรักษาลิ้นแล้ว จ่ายมา 500 บาทด้วย

ครั้งที่สองทนายบอกว่า ความจำไม่ค่อยดี หมอให้ยา กล่อง20 เขาบอกว่าเหมือนครั้งที่แล้วนี่ คุณได้รับการรักษาโรคความจำแล้ว จ่ายมา 500 บาทด้วย

ครั้งที่สามทนายบอกว่าตามองเห็นได้ไม่ดี หมอก็ให้ยากล่องที่  20 เขาบอกว่ามองไม่เห็น หมอเลยต้องจ่ายเงินให้ 5,000 บาท เมื่อได้รับเงินแล้ว ทนายบอกว่า “นี่มันแค่ 500 บาทเอง” หมอบอกว่าคุณได้รับการรักษาให้มองเห็นดีแล้ว จ่ายมา 500 บาทด้วย

ขอให้เราเรียนรู้ในการเชื่อพระเยซูคริสต์ อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ให้เชื่อวางใจพระองค์ 

อ้างอิง

  1. https://biblehub.com/commentaries/ellicott/john/4.htm
  2. https://biblehub.com/commentaries/benson/john/4.htm 
  3. https://biblehub.com/commentaries/mhc/john/4.htm
  4. https://biblehub.com/commentaries/barnes/john/4.htm 
  5. https://biblehub.com/commentaries/poole/john/4.htm 
  6. https://biblehub.com/commentaries/gill/john/4.htm 
  7. https://biblehub.com/commentaries/egt/john/4.htm 
  8. https://biblehub.com/commentaries/cambridge/john/4.htm
  9. https://biblehub.com/commentaries/bengel/john/4.htm 10.https://biblehub.com/commentaries/pulpit/john/4.htm 11.https://bible.alpha.org/th/classic/127/index.html 12.https://www.sermonillustrations.com/a-z/s/significance.htm

13.เฮาส์, เอช. เวย์น, ลำดับเหตุการณ์ในพันธสัญญาใหม่, แปลโดยธนาภรณ์ธรรมสุจริตกุล (พิมพ์ครั้งที่1, กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, 1996), หน้า 113.

14.พระคริสต์ธรรมคัมภีร์อมตธรรมร่วมสมัยฉบับค้นคว้า. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: องค์การอมตธรรม, 2011, หน้า 1884-1885 .

15.พระคริสต์ธรรมคัมภีร์อมตธรรมร่วมสมัยฉบับอธิบายภาคพันธสัญญาใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: องค์การอมตธรรม, 2013, หน้า 337-338 .

16.พระคริสตธรรมคัมภีร์ “ชีวิตครบบริบูรณ์” ฉบับอธิบายฉบับภาษาไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. เกาหลีใต้: สำนักพิมพ์ไลฟ์พับลิชเชอร์อินเตอร์เนชั่นแนล, 2018, หน้า 2121.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่