“วิถีคริสตชน 50 ก้าว”
ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับพระคริสต์” (ผ่านชีวิตการอธิษฐาน ลก11:1-4)
เป็นตอน ก้าวที่ 49
อธิษฐานตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์
1.อธิษฐานให้มีชีวิตเพื่อพระเจ้า (2)
2.อธิษฐานให้มีชีวิตกับพระเจ้า (3-4)
พระดำรัสสอนเรื่องการอธิษฐาน(มธ.6:9-15; 7:7-11)
1พระเยซูทรงอธิษฐานอยู่ในที่แห่งหนึ่ง เมื่อเสร็จแล้ว สาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนพวกข้าพระองค์อธิษฐาน เหมือนที่ยอห์นสอนพวกศิษย์ของท่าน”
2พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า เมื่ออธิษฐาน จงกล่าวว่าข้าแต่พระบิดา ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
3ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ทุกๆ วัน
4ขอทรงยกโทษบาปผิดของพวกข้าพระองค์เพราะว่าพวกข้าพระองค์ยกโทษให้กับทุกคนที่เป็นหนี้ข้าพระองค์นั้น และขออย่าทรงนำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง
ตัวอย่าง เรื่องจุดอ้างอิงหลัก (Main alignment)
(1)เวลาสร้างบ้านต้องมีเส้นออฟเมตรเป็นจุดอ้างอิงเพื่อให้รู้ระดับพื้นบ้านแต่ละชั้นสูงจากพื้นเท่าไหร่
(2)แผนที่โลกมีเวลากรีนิชเพื่อกำหนดเวลาทุกประเทศทั่วโลก
(3) GPSต้องมีเส้นละติจูดลองติจูดเพื่อกำหนดที่ตั้ง กำหนดตำแหน่งของสถานที่ต่างๆบนโลกใบนี้
คำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ที่สอนสาวกในตอนนี้ พระเจ้าเป็นเหมือนจุดอ้างอิงเพื่อให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อสัมพันธ์กับพระเจ้า
ดังนั้นเมื่อพวกสากวอธิษฐาน ขอให้คำอธิษฐานนั้นส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาที่อธิษฐาน ให้คำอธิษฐานเป็นเหมือนจุดอ้างอิง ที่กำหนดปลายทางชีวิตของผู้อธิษฐานให้ดำเนินชีวิติเพื่อมาถึงพระเจ้า มาถึงพระประสงค์ของพระเจ้า หากพวกเขาจริงจังในการอธิษฐานตามอย่างพระเยซูคริสต์
นั่นคือ การอธิษฐานให้มีชีวิตเพื่อพระเจ้า และการอธิษฐานให้มีชีวิตกับพระเจ้า
เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้ เป็นตอนที่สาวกขอให้พระเยซูคริสต์สอนพวกเขาอธิษฐาน เหมือนที่ยอห์นสอนพวกศิษย์ของท่าน
คำว่าสอนนี้ เป็นการขอให้สอนสร้างชีวิต(อธิษฐาน) โดยเนื้อหาของส่ิงที่สอนนั้น(อธิษฐาน)เป็นเรื่องที่กำหนดโดยถูกระบุให้ทำตามนี้(ตามคำสอน) ตัวอย่างอธิบายเรื่องนี้ ใช้คำว่า “สอน” นี้ใช้ใน
อฟ4:21พวกท่านเคยฟังเรื่องของพระองค์แล้วอย่างแน่นอน และเคยได้รับการสอนเรื่องพระองค์ตามสัจธรรมที่อยู่ในพระเยซูแล้ว หมายถึง สร้างชีวิตโดยสอนเรื่องพระเยซูคริสต์ เป็นเรื่องที่กำหนดให้ดำเนินตาม
เราไม่รู้แรงจูงของสาวกเวลานั้น ทำไมต้องให้พระเยซูคริสต์สอนเรื่องการอธิษฐาน และทำไมต้องสอนเหมือนยอห์น แต่จากคำตอบของพระเยซูคริสต์ทำให้เรารู้ว่าพระองค์ต้องการให้เราอธิษฐานตามแบบอย่างของพระองค์ เป็นมาตรฐาน เป็นจุดอ้างอิงเพื่อให้เราดำเนินชีวิตตาม
คำเทศนาตอนนี้ เน้นเรื่อง ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับพระคริสต์ผ่านชีวิตการอธิษฐาน”
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา ลก11:1-4 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับพระคริสต์ผ่านชีวิตการอธิษฐาน”
อธิษฐานตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์
1.อธิษฐานให้มีชีวิตเพื่อพระเจ้า (2)
“เมื่ออธิษฐาน จงกล่าวว่า‘ข้าแต่พระบิดา ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
เราจะสังเกตว่าพระเยซูคริสต์สอนพวกสาวกอธิษฐานจากลก11:1-4 สองเรื่อง ที่สัมพันธ์กับพระเจ้า ที่พวกเขามีพระเจ้าเป็นจุดอ้างอิงในการอธิษฐาน คือ
(1.1)ให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่ เคารพสักการะ
หมายถึง ชีวิตของผู้อธิษฐานนั่นต้องนมัสการพระเจ้า ในฐานะที่พระองค์เป็นเหมือนกษัตริย์แห่งแผ่นดินของพระเจ้า คนไม่เชื่อพระเจ้าเขาคงไม่อธิษฐานกับพระเจ้า แต่ชีวิตของผู้เชื่อต้องนมัสการพระเจ้า
ความเป็นพระเจ้าของพระบิดาไม่ขึ้นอยู่กับการการกระทำของเรา หรือการนมัสการของเรา ส่ิงที่เราทำหรือไม่ทำไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเป็นพระเจ้า แต่การนมัสการพระเจ้าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตของผู้นมัสการต่างหาก การนมัสการพระเจ้าไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของพระเจ้า ไม่ได้ทำให้พระเจ้าย่ิงใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง หรือเป็นที่นิยมมากขึ้นจากการนมัสการของเรา
ถ้าพระเจ้าไม่สำแดงพระนามของพระองค์ คนในโลกนี้เขาไม่มีทางรู้จักพระองค์ได้ด้วยตนเอง และไม่มีทางนมัสการพระเจ้าได้ คนจำนวนมากจึงนมัสการพระอื่น รูปเคารพอื่น หรือสร้างส่ิงอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าเพื่อนมัสการ
ในบัญญัติ 10 ประการ มีเรื่อง อย่าเอ่ยพระนามพระเจ้าอย่างไม่สมควร โทษหนักถึงความตายเลย คนยิวให้ความเคารพบัญญัติ 10 ประการอย่างสูงมาก
อพย20:7“ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะผู้ที่ใช้พระนามของพระองค์ไปในทางที่ผิดนั้น พระยาห์เวห์จะทรงเอาโทษ
เมื่อพระเยซูคริสต์ บอกว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พวกยิวเข้าใจว่า พระเยซูคริสต์หมิ่นประมาทพระนามของพระเจ้า เพราะพระเยซูคริสต์เรียกพระเจ้าว่า “พระบิดา” แสดงถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างพระเยซูคริสต์ กับพระเจ้า เป็นความสัมพันธ์แบบพ่อลูก และพระองค์สอนให้สาวกเรียกพระเจ้าว่า “พระบิดา” เช่นกัน
การสอนให้เรียกพระนามพระเจ้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งแตกต่างจากที่พวกยิวเรียกสิ่งนี้ส่งผลทำให้พระองค์รับโทษการหมิ่นประมาทพระนามพระเจ้า โดยการถูกตรึงบนกางเขนจนส้ินพระชนม์
ยน19:7 พวกยิวตอบท่านว่า “เรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้นเขาสมควรตาย เพราะเขาตั้งตัวเป็นพระบุตรของพระเจ้า”
แม้รู้ว่าต้องตายพระเยซูคริสต์ยังสอนให้สาวกอธิษฐานขอต่อพระเจ้าพระบิดในนามของพระองค์ ก็เพื่อให้พวกสาวกรู้ว่าพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า
ยน14:13-14สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร 14สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น
อ.เปาโลขอให้ดำเนินชีวิตเพื่อพระนามของพระเจ้า ให้พี่น้องคืนดีกัน
2คร5:20 เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงวิงวอนท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกับพระเจ้า
(1.2) ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
หมายถึง การดำเนินชีวิตเป็นพลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า เรื่องแผ่นดินของพระเจ้าอยู่ในพันธกิจของพระเยซูคริสต์ตั้งแต่แรก เมื่อพระองค์ประกาศราชกิจ แผ่นดินของพระเจ้ามาแล้ว และจะมาอย่างสมบูรณ์อีกครั้งเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาอีกครั้งและครอบครองแผ่นดินของพระเจ้า ตลอดไป
พระเยซูคริสต์สอนเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าอย่างมาก ตลอดพระธรรมมัทธิวบทที่13 เราจะพบข้อสรุปหากสาวกเข้าใจเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแล้วให้ดำเนินชีวิตและสอนคนอื่น
มธ13:51-52“ข้อความเหล่านี้ท่านทั้งหลายเข้าใจแล้วหรือ?” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “เข้าใจพระเจ้าข้า” 52พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เพราะเหตุนี้พวกธรรมาจารย์ทุกคน ที่ได้เรียนรู้ถึงแผ่นดินสวรรค์แล้ว ก็เป็นเหมือนเจ้าของบ้านที่เอาทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน”
เมื่อพระเยซูคริสต์สอนเรื่องคำอุปมามากมายเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า
เราจึงเข้าใจได้ว่า คำอธิษฐานทั้งสองเรื่องนี้เป็นจุดอ้างอิงสำคัญในการสร้างชีวิตสาวก แต่ในมัทธิวมีเนื้อหาที่พระเยซูคริสต์สอนเรื่องการอธิษฐาน และมีเพิ่มเติมเรื่องให้เป็นไปตามพระทัยของพระเจ้า จากคำสอนบนภูเขา มธ6:10 ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
(1.3) ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
หมายถึง การดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระเจ้า
ส่วนตัวเชื่อว่า มธ6:9-15 กับ ลก11:1-4 แม้เนื้อหาใกล้เคียงกันแต่คิดว่าเป็นคำสอนของพระเยซูคริสต์คนละครั้ง ข้อสังเกตนี้มาจาก คนที่ฟังคำสอน และช่วงเวลาการรับใช้ของพระเยซูคริสต์เป็นคนละเวลากัน ดังนั้นพระเยซูคริสต์น่าจะสอนเรื่องการอธิษฐานไว้สองครั้ง
มัทธิว กล่าวกับผู้ฟังคือ มหาชนบนภูเขา เป็นคำสอนบนภูเขา พระเยซูคริสต์สอนในช่วงตอนต้น เป็นเวลาการเริ่มต้นพันธกิจของพระองค์
ลูกา กล่าวกับผู้ฟัง คือ พวกอัครสาวก และสาวก(พวกสาวก72คนกลับมา) พระเยซูคริสต์สอนเรื่องอธิษฐานเนื่องจากสาวกต้องการให้สอน และเป็นช่วงตอนกลางแห่งการรับใช้ของพระเยซูคริสต์
พระเยซูคริสต์สอนพวกสาวกเรื่องการอธิษฐานให้เป็นไปตามพระทัยพระเจ้าในภาคปฎิบัติก่อนพระองค์ ถูกตรึงที่กางเขนที่สวนเกทเสมนี
ลก22:40-42 เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงอธิษฐานเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในการทดลอง” 41แล้วพระองค์เสด็จไปจากพวกเขาไกลเท่าระยะหินขว้าง และทรงคุกเข่าลงอธิษฐาน 42ว่า “ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”