ศึกษาคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม วันที่ 29 ม.ค. 2020
โดย เยาวลักษณ์ ลิ่วเฉลิมวงศ์
ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
12“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัมว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบตรัสดังนี้ว่า
13“เรารู้จักที่อยู่ของเจ้า ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน ถึงกระนั้นเจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา และไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราต้องถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ในที่ซึ่งซาตานอยู่นั้น 14แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าสองสามข้อ คือเจ้ามีบางคนที่ยึดถือคำสอนของบาลาอัมอยู่ที่นั่น ผู้ซึ่งสอนบาลาคให้วางสิ่งสะดุดต่อหน้าพวกอิสราเอล คือให้พวกเขากินอาหารที่บูชารูปเคารพและล่วงประเวณี 15เช่นเดียวกันเจ้าก็มีคนที่ยึดถือคำสอนของพวกนิโคเลาส์ด้วย 16เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าโดยเร็ว และจะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา 17ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้มานาที่ซ่อนอยู่แก่คนที่ชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย และบนหินนั้นจะมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่ได้รับ”
1. ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และข้อมูลเพิ่มเติม
ขึ้นไปทางตอนเหนือของคริสตจักรเมืองเอเฟซัสและสเมอร์นาคือคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม คริสตจักรเมืองเปอร์กามัมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้นเอเชีย และอยู่ห่างชายฝั่งทะเลอีเจี้ยนเข้าไปราว 26 กิโลเมตร(หรือราว 15 ไมล์) ปัจจุบันคือคือเมืองเบอร์กามา (Bergama) ในประเทศตุรกี
เมืองเปอร์กามัมเป็นเมืองสำคัญของโรมในแคว้นเอเชียมาตั้งแต่ 133 ปีก่อน คศ. เป็นเมืองศูนย์กลางสำคัญของการนมัสการซีซาร์ และมีวิหารที่มอบถวายให้กับโรมและออกัสตัสมาตั้งแต่ 29 ปีก่อน คศ.
ในสมัยปลายคริสต์ศตวรรษแรกหรือในยุคสมัยที่เขียนพระธรรมวิวรณ์ เมืองเปอร์การ์มัมเป็นศูนย์กลางการบริหารงานของภูมิภาคและเป็นสถานที่พักอาศัยของสมุหเทศาภิบาลของโรมซึ่งมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้ แม้ว่าเปอร์กามัมจะไม่ได้เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่อะไรเนื่องจากอยู่ในดินแดนที่ห่างฝั่งทะเลอีเจี้ยนเข้ามา แต่เปอร์กามัมก็ถือว่าเป็นเมืองที่ร่ำรวยทางเศรษฐกิจ ทันสมัย และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองแห่งการศึกษาและวัฒนธรรม เปอร์กามัมมีมหาวิทยาลัยที่มีห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่ว่ากันว่าภายในบรรจุม้วนแผ่นหนังไว้มากกว่า 200,000 ม้วน นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางศาสนาที่มีวิหารบูชาเทพเจ้า 4 แห่ง คือ วิหารซีอุส ไดโอนีซุส อาเธนา และที่สำคัญคือวิหารบูชาเทพเจ้าแอสเคลปีอัสที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปงู ที่ว่ากันว่ามีอำนาจในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
อย่างไรก็ตาม ลัทธิที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ คือลัทธินมัสการจักรพรรดิ มีการบัญญัติกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นด้วยโดยระบุว่าใครก็ตามที่ไม่ยอมนมัสการจักรพรรดิให้ถือว่าเป็นพวกที่ทรยศและโทษของการละเมิดกฎหมายนี้ก็คือความตาย คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้จะถูกบังคับให้ปฏิญาณตนสวามิภักดิ์ต่อซีซาร์ พวกเขาถูกบังคับให้ประกาศว่า “ซีซาร์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” (Κυριος Καισάρος) แต่คริสเตียนกลับปฏิเสธและประกาศก้องว่า “พระคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” (Χριστος Κυριος) ช่วงเวลาเหล่านี้จึงเป็นเวลาที่ยากลำบากยิ่งสำหรับคริสเตียนที่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแต่องค์เดียว
2. เปิดเผยพระคริสต์ว่าอย่างไรและมีความหมายอะไร
ข้อความที่ไปถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมเปิดเผยพระคริสต์ว่า “พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบ” “ดาบ” ให้ความหมายถึง สิทธิอำนาจในการพิพากษาของพระคริสต์ “ดาบสองคม” ให้ความหมายถึง การวินิจฉัยที่เฉียบคมในการแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด แม้เมืองนี้จะเป็นเมืองที่อาศัยของผู้ปกครองหรือสมุเทศาภิบาลของโรมที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้ แต่ข้อความที่เปิดเผยนั้นเล็งให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตยสูงสุดของพระคริสต์ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่กว่าผู้ปกครองคนใดทั้งสิ้น
รม.13:3-4เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ประพฤติดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ประพฤติชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น 4เพราะว่าผู้ครอบครองนั้น เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำความชั่วก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ แต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะเป็นผู้ลงโทษแทนพระเจ้าแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว
3. คำชมเชย
พระคริสต์ทรงชมเชยคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมถึง “ความซื่อสัตย์” ที่พวกเขาต้องเผชิญกับความกดดันให้ปฏิเสธความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ดังที่กล่าวไปแล้วว่า คริสตจักรเมืองเปอร์กามัมอยู่ในที่ ๆ เป็นศูนย์กลางของลัทธิการนมัสการจักรพรรดิและโทษของการไม่ยอมปฏิญาณตนว่าซีซาร์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าคือต้องตาย พระคัมภีร์ตอนนี้จึงกล่าวถึงคริสตจักรเปอร์กามัมว่าพวกเขาอยู่ใน “ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน” แต่พวกเขายังตอบสนองต่อการถูกบีบคั้นด้วย
(1) ยึดมั่นในนามของพระองค์ และ
(2) ไม่ปฏิเสธความเชื่อในพระองค์
ข้อความตอนนี้กล่าวถึง “อันที่พาสพยานผู้ซื่อสัตย์” ต้องถูกฆ่าเพราะไม่ยอมปฏิเสธความเชื่อที่มีในพระเยซูคริสต์ คำว่า “พยาน” มาจากคำกรีกว่า “μάρτυς” และคำภาษาอังกฤษว่า มาเทอร์ “martyr” ที่แปลว่าพลีชีพ ภายหลังถูกใช้เพื่ออ้างถึงผู้ที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซู คำว่า “พยาน” นี้ใช้อีกครั้งในพระธรรมวิวรณ์ 17:6 กล่าวถึงบรรดาคนที่พลีชีพเพื่อเป็นพยานของพระเยซูด้วยเช่นเดียวกัน
และคำว่า “พยานผู้ซื่อสัตย์” เป็นคำเดียวกันที่กล่าวถึง “พระเยซูคริสต์พยานผู้ซื่อสัตย์” ใน วว.1:5 ที่ทรงซื่อสัตย์จนยอมสิ้นพระชนม์เช่นเดียวกัน
4. คำติเตียนและคำเตือน
คำติเตียน ไม่ใช่ว่าคริสเตียนในคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมจะมีความจงรักภักดีด้วยกันทุกคน มีคำติเตียนคือ มีบางคนในคริสตจักรยึดถือคำสอนเท็จ โดยพูดถึงลักษณะคำสอนเท็จ 2 แบบ คือ
(1) “คำสอนของบาลาอัม..คือให้พวกเขากินอาหารที่บูชารูปเคารพและล่วงประเวณี” (2:14) บาลาอัมเป็นต้นแบบของคนที่สนับสนุนให้เกิดการประนีประนอมกับคนนอกศาสนาโดยมีส่วนร่วมกับรูปเคารพและกระทำผิดศีลธรรม เป็นไปได้ว่ามีคริสเตียนบางคนในคริสตจักรเมืองเปอร์กามัมกำลังทำแบบเดียวกับที่บาลาอัมทำต่ออิสราเอล โดยแนะนำว่าการนมัสการจักรพรรดิเป็นหนทางที่ปลอดภัย พวกเขายังดำเนินชีวิตที่ไร้ศีลธรรมได้โดยบอกว่าเป็นหนทางไปสู่การเป็นมิตรกับพวกโรมันและรอดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง
ส่วนปัญหาเรื่องการกินอาหารที่บูชารูปเคารพไม่ได้หมายถึงความบังเอิญที่คริสเตียนไปกินสิ่งที่เขาเอาไปบูชาที่วิหารของคนนอกศาสนาแล้วเอามาเลี้ยง แต่เป็นการเจตนากินสิ่งที่เขานำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในวิหารของคนนอกศาสนาซึ่งเท่ากับเป็นการมีส่วนร่วมกับการถือรูปเคารพและการทำผิดประเวณี แม้ในพระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงการนมัสการรูปเคารพไว้หลายครั้งว่าเป็นการเล่นชู้หรือการแพศยาต่อพระเจ้า (อสค.16:31-33) แต่ในที่นี้มีความเป็นไปได้จริง ๆ ว่าพวกที่นมัสการในวิหารรูปเคารพจะมีพิธีกรรมบูชารูปเคารพและมีงานเลี้ยงที่มีการทำผิดศีลธรรมทางเพศควบคู่ไปด้วยกันจริง ๆ เพราะสำหรับชาวกรีกและชาวโรมันนั้นเห็นว่าการปล่อยปละละเลยเรื่องเพศนั้นไม่ได้ถือเป็นบาปอะไรนักหนาสำหรับพวกเขา
(2) คำสอนของพวกนิโคเลาส์ มีการกล่าวถึง “พวกนิโคเลาส์” ก่อนหน้านี้ในจดหมายถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัสใน 1:6 ว่าพระเยซูทรงเกลียดชังความประพฤติของพวกเขา ลักษณะคำสอนของพวกเขาคือสอนให้ใช้เสรีภาพในพระคุณพระเจ้าในทางที่ผิดและให้ประนีประนอมกับการทำตามเนื้อหนัง
มี 2 ทฤษฎีที่พยายามอธิบายเรื่องนี้คือ
(1) นิโคเลาส์คนนี้คือคนเดียวกับนิโคเลาส์ชาวเมืองอันทิโอกผู้เข้าจารีตศาสนายิวที่เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะมัคนายก 7 คนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้แจกจ่ายอาหาร (กจ.6:5 – เนื่องจากมีคนยิวที่พูดกรีกร้องเรียนไปว่าไม่ได้รับแจกจ่ายอาหารอย่างเพียงพอ และนิโคเลาส์คนนี้เป็นชาวต่างชาติที่มาเข้าจารีตยิวและพูดกรีก) เขามีพื้นเพเป็นคนต่างชาติที่กลับใจมาเข้าศาสนายิวและเป็นคริสเตียน เขาอาจตั้งลัทธินอกรีตขึ้นมาจากรากฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันที่หนักแน่นนัก
(2) เป็นไปได้ว่าพวกนิโคเลาส์คือกลุ่มลัทธินอกรีตที่เข้ามาในคริสตจักรแล้วก็ไปในช่วงแรกของการตั้งคริสตจักร อย่างไรก็ตาม ในจดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดมีการกล่าวถึงพวกสอนผิดแบบเดียวกันนี้ 3 ครั้ง (ที่สอนให้ล่วงประเวณีและกินอาหารที่บูชารูปเคารพ)
ในคำเตือนไปถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส (2:6), คำเตือนถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (2:14-16) และคำเตือนถึงคริสตจักรเมืองธิยาธิราเรื่องที่ทนฟังเยเซเบล (2:20) มีความเป็นไปได้อย่างมากที่คนสอนผิดเหล่านี้เป็นคนกลุ่มเดียวกันและอยู่ภายในคริสตจักรเอง ไม่ใช่คนภายนอกคริสตจักร พวกเขาอ้างเสรีภาพในทางที่ผิดและสนับสนุนให้คริสเตียนประนีประนอมกับการทำบาป
คำตักเตือน พระเยซูคริสต์เตือนว่า “จงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าโดยเร็ว และจะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา” พระองค์จะมาหาพวกเขาโดยเร็ว อาจจะไม่ได้หมายถึงการเสด็จมาครั้งที่สอง แต่น่าจะหมายถึงการพิพากษาที่พระองค์จะนำมาต่อสู้พวกเขาในไม่ช้าหากพวกเขายังไม่กลับใจ โดยจะทรงใช้ดาบในปากของพระองค์ซึ่งก็คือการทรงพิพากษาโทษพวกเขาตามมาตรฐานแห่งความชอบธรรมของพระวจนะของพระองค์นั่นเอง
5. คำสัญญาจะได้รางวัลอะไร
พระองค์สัญญาว่าคนที่ชนะ พระองค์จะประทาน “มานาที่ซ่อนอยู่” และ “หินขาว” ที่บนหินนั้นจะมีชื่อใหม่ จารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่ได้รับ
มานา คือ อาหารที่พระเจ้าทรงประทานให้เพื่อเลี้ยงดูอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร 40 ปี ในธรรมเนียมเรื่องเล่าของชาวยิวมีการบันทึกถึงมานาไหหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหีบพันธสัญญา (อพย.16:33-35; ฮบ.9:4 ห้องนั้นมีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบพันธสัญญาหุ้มด้วยทองคำทุกด้าน ภายในนั้น มีโถทองคำบรรจุมานา มีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญา ) ก่อนที่พระวิหารจะถูกทำลาย เยเรมีย์หรือทูตสวรรค์ได้ทำการซ่อนหีบพันธสัญญาเอาไว้ และหีบนี้ถูกเก็บรักษาไว้จนถึงยุคของพระเมสสิยาห์
เมื่อถึงยุคที่ว่านี้ มานาจะถูกนำมาเป็นอาหารสำหรับประชากรของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ยอห์นอาจจะใช้ “มานาที่ซ่อนอยู่” เป็นคำเปรียบเปรยหมายถึงอาหารสำหรับประชากรของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่งในการเข้าร่วมงานเลี้ยงของพระเมษโปดก
หินขาว เป็นผลผลิตทางการค้าในโลกโบราณที่ขุดได้ในเมืองเปอร์กามัม มีการนำมาใช้หลายรูปแบบ เช่น
(1) ใช้ในศาลไต่สวนเพื่อนำมามอบให้คนที่ถูกไถ่สวนอย่างยุติธรรมและระบุว่าคนนั้นพ้นข้อกล่าวหาแล้ว
(2) ใช้มอบให้กับคนที่ได้รับอิสรภาพจากการเป็นทาส
(3) ใช้มอบให้แก่ผู้ชนะการแข่งขัน หรือ
(4) มอบให้แก่นักรบที่ได้รับชัยชนะ
ความหมายของหินขาวในตอนนี้จึงน่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงชัยชนะในบั้นปลายที่ผู้นั้นได้รับสิทธิ์ในการเข้าสู่สวรรค์ และคำจารึกชื่อใหม่ในหินนั้นน่าจะหมายถึงว่า คนนั้นเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า
6. สัญลักษณ์และความหมายต่าง ๆ
บัลลังก์ของซาตาน – ที่แห่งการปฏิเสธพระเจ้า และนมัสการมนุษย์หรือสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า
ดาบสองคมที่คมกริบ – สิทธิอำนาจในการพิพากษาของพระเจ้า
คำสอนของบาลาอัม – คำสอนที่วางสิ่งสะดุดเพื่อล่อลวงให้อิสราเอลทำบาปเรื่องล่วงประเวณีและนับถือรูปเคารพ
พวกนิโคเลาส์ – พวกที่สอนให้ใช้เสรีภาพในทางที่ผิดและให้ประนีประนอมกับการทำตามเนื้อหนัง
มานาที่ซ่อนอยู่ – อาหารสวรรค์เตรียมไว้สำหรับผู้ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของพระเมษโปดก
หินขาว – สัญลักษณ์ของชัยชนะและการเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า
7. สรุปคำสอนและนำมาใช้สำหรับคริสตจักรปัจจุบัน
คริสตจักรเมืองเปอร์กามัมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร่ำรวย ทันสมัย เป็นศูนย์กลางการศึกษาและศาสนา มีวิหารรูปเคารพมากมาย และอยู่ในที่แห่งการบีบคั้นความเชื่ออย่างรุนแรงให้พวกเขาปฏิเสธพระเจ้าและถูกบังคับให้นมัสการผู้ปกครอง(หรือซีซาร์)เป็นพระเจ้า บรรยากาศต่าง ๆ เหล่านี้ไม่เอื้อต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนมากนัก
แต่ “อันทีพาส” เป็นคนที่เป็นแบบอย่างแก่เราที่ยอมพลีชีพด้วยความเชื่อไม่ยอมปฏิเสธพระเจ้า เขาเป็นบุคคลที่พระเยซูคริสต์ชมเชยว่าเป็น “พยานที่ซื่อสัตย์” ซึ่งเราควรจะยืนหยัดในความเชื่อไว้ตามแบบอย่างของเขาแม้จะต้องสูญเสียสิ่งใด ๆ หรือแม้กระทั่งยอมพลีชีพก็ตาม
ในขณะเดียวกัน มีบางคนในคริสตจักรที่ประนีประนอมกับการทำผิดศีลธรรมหันไปเชื่อฟังคำสอนเท็จแบบเดียวกับที่บาลาอัมที่ล่อลวงให้อิสราเอลทำบาป โดยชักชวนให้คนเหล่านั้นเข้าร่วมงานเลี้ยงในวิหารของรูปเคารพและทำบาปล่วงประเวณีตามแบบอย่างของคนไม่เชื่อ นอกจากนี้ยังมีบางคนก็หันไปเชื่อฟังคำสอนเท็จที่บอกว่าเราประนีประนอมกับบาปและทำผิดศีลธรรมได้ได้โดยอ้างเสรีภาพในพระเยซูคริสต์แบบผิด ๆ
ในท่ามกลางสภาพสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบัน คริสตจักรกำลังเผชิญหน้ากับการท้าทายความเชื่อแบบใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจแข่งขันแบบทุนนิยมเสรี การใช้เงินทุนเป็นหลักเพื่อขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการให้คุณค่าทางสังคมที่เปลี่ยนไปจากมุมมองของพระเจ้า
การให้คุณค่าความเป็นมนุษย์และความสัมพันธ์ระหว่างกันถูกขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ สังคมโลกยุคใหม่กำลังหยิบยื่นความสะดวกสบาย รวดเร็วทันใจ นำเสนอบริการที่ตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของคนให้มากที่สุดให้กับเรา
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่ที่การนมัสการพระเจ้า แต่มีศูนย์กลางอยู่ที่ความพึงพอใจของมนุษย์ เราเองอาจต้องกลับมาฉุกคิดว่า “บัลลังก์ของซาตาน” ในยุคของเราอยู่ที่ไหน อาจเป็นความพึงพอใจในการตอบสนองความต้องการของตัวเราเองที่ไม่ได้นมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่ อาจเป็นการเชิญชวนให้เราประนีประนอมกับบาปและทำผิดศีลธรรมตามอย่างคนในโลกที่ไม่มีพระเจ้าหรือไม่
โลกนี้ให้คุณค่ากับผลประโยชน์ตอบแทน ความสุขและความพึงพอใจของตนเองมากกว่าสิ่งใด ๆ โดยบอกว่า ไม่เป็นไร เรามีเสรีภาพ ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็ทำได้
แต่แท้ที่จริงแล้ว พระเจ้าเกลียดชังความประพฤติผิดศีลธรรม และการประนีประนอมกับบาป (2:6) คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
1คร.6:9-10ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าหลงผิดเลย พวกที่ล่วงประเวณี พวกไหว้รูปเคารพ พวกผิดผัวผิดเมีย พวกโสเภณีชาย พวกรักร่วมเพศ 10พวกขโมย พวกที่โลภ พวกขี้เมา พวกชอบกล่าวร้าย พวกฉ้อโกง จะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
คริสเตียนจำเป็นต้องดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมมีมาตรฐานความถูกต้องที่แตกต่างกับคนในโลก จำเป็นต้องสวนทางกับความบาป จะประนีประนอมกับบาปตามอย่างคนในโลกที่ไม่รู้จักพระเจ้าไม่ได้
เราควรรู้จักวินิจฉัยและแยกแยะว่าสิ่งใดเป็นความบาปและสิ่งใดเป็นความชอบธรรมโดยเผชิญหน้ากับพระวจนะของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระเยซูคริสต์ที่ถือดาบสองคม ตั้งใจฟังคำเตือนของพระเจ้าที่มาถึงเรา สำรวจตัวเองและกลับใจจากการประพฤติใด ๆ ที่เป็นการประนีประนอมกับบาป
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com