เทศนา คริสตจักรที่สองสามย่าน 13 ก.พ. 2022
เทศนา คริสตจักรเตาปูนไมตรีจิต 24 ก.พ. 2022
เทศนา คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง(GLC:H.I.M.) 2 ก.พ. 2025
สดด.89:28 รักแท้(ของพระเจ้า)มีอยู่จริง
เราจะเก็บรักษาความรักมั่นคงของเราไว้ให้เขาเป็นนิตย์
และพันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่
1.ความรักแท้ที่เหนือคำสัญญา (เป็นพันธสัญญา)
2.ความรักแท้ที่เหนือกาลเวลา (เป็นรักนิรันดร์)
ตัวอย่าง1 “ผู้หญิงชอบคนดี รักคนเลว แต่งงานกับคนรวย
ผู้ชายชอบคนสวย รักคนรวย แต่งงานกับคนเอาใจ”
คิดอย่างไรกับความคิดนี้ เป็นความรักที่มีข้อตกลงไหมระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มีข้อตกลงในการแต่งงานไหม รักแท้มีอยู่จริงไหม
ผู้ประพันธ์ สดุดี 89 คือ เอธาน หัวหน้าชาวเลวีและอาจเป็นหัวหน้านักดนตรีในพระวิหาร (1พศด.15:17-19) หรือเป็นลูกหลานคนหนึ่งของเขา
สดุดีบทนี้เป็นคำอธิษฐานคร่ำครวญขอให้พระเจ้าทรงฟื้นฟูราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดขึ้นใหม่
ผู้เขียนบรรยายการปกครองอันรุ่งโรจน์ของดาวิด อ้างถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะทำให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกและให้วงศ์วานของเขาได้ครองบัลลังก์ตลอดกาล (89:3-4; 2ชมอ.7:8-16) แต่เมื่อเยรูชาเล็มถูกศัตรูทำลาย กำแพงเมืองถูกทลายลง (ข้อ 40) และไม่มีกษัตริย์ปกครองอีกต่อไป
ผู้อธิษฐาน (ผู้เขียน) รู้สึกตกใจมากที่พระเจ้าทรงทอดทิ้งราชวงศ์ดาวิด และให้ยูดาห์เป็นที่เยาะเย้ยของประชาชาติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ดูเหมือนว่า..พระเจ้าไม่ได้ทรงรักษาพันธสัญญาที่ให้ไว้แก่ดาวิด
(เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนตีกรุงเยรูซาเล็มครั้งแรกในปี 597 ก่อน ค.ศ. และจับกษัตริย์เยโฮยาคีนไปเป็นเชลย (2พกษ. 24:8-17) )
ดังนั้น คำอธิษฐานของผู้เขียนในตอนนี้จึงเป็นการพยากรณ์ถึงการปกครองในอนาคตของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิด (89:27) แสดงถึงความหวังในพระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับ ดาวิดว่าจะไม่มีวันสิ้นสุดลง และคำพยากรณ์นี้สำเร็จเป็นจริงเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาปกครองโลกตลอดไป (วว.22:5)
สดุดีบทนี้แบ่งเป็นสี่ตอนด้วยกัน คือ
ก) อารัมภบท (ข้อ 1-4)
ข) ความอัศจรรย์ ความรักและความสัตย์สุจริตของพระเจ้า (ข้อ 5-37)
ข้อคิด 1: พระเจ้ายิ่งใหญ่ มีอำนาจ สูงส่ง แต่ทรงรักเด็กเลี้ยงแกะ ตั้งเขาให้เป็นกษัตริย์ ไม่ได้เลือกจากหัวหน้าเผ่าคนสำคัญๆในเวลานั้น และความรักของพระเจ้านั้นมีต่อพงศ์พันธุ์ของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ข้อคิด 2: ประยุกต์ใช้ คนดัง คนมีชื่อเสียง คนรวย คนมีอำนาจ คนหล่อ คนสวย มีประโยชน์อะไรกับใคร ถ้าเขาไม่ได้รักเรา ไม่ได้รักคน
ค) ความยินดีเปลี่ยนเป็นการคร่ำครวญเพราะพระเจ้าทรงปฏิเสธผู้รับการเจิมของพระองค์ (ข้อ 38-45)
ง) การอ้อนวอนขอให้พระเจ้าทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่ทำกับดาวิดอีกครั้งหนึ่ง (ข้อ 46-52)
หัวข้อคำเทศนาในวันนี้คือ รักแท้(ของพระเจ้า) มีอยู่จริง 2 ประการ
1. ความรักที่เหนือคำสัญญา (เป็นพันธสัญญา)
สดด.89:28 เราจะเก็บรักษาความรักมั่นคงของเราไว้ให้เขาเป็นนิตย์ และพันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่
พระเจ้าทรงมีพระคุณยิ่งใหญ่ท่ามกลางความไม่เชื่อฟังของมนุษย์ มนุษย์อาจบกพร่องและล้มเหลวในคำสัญญา แต่พระเจ้ายังทรงซื่อสัตย์ พระลักษณะสำคัญของพระเจ้าที่ผู้เขียนชี้ให้เห็นในพระธรรมตอนนี้คือ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์
คำว่า “ความรักมั่นคง” (ข้อ 28ก) มาจากคำฮีบรูว่า Chesed หมายถึง ใจดี ซื่อสัตย์ จงรักภักดี พระคัมภีร์ภาษาไทยของสมาคมฯ 2011 บางตอนแปลว่า คำนี้ว่า “ซื่อสัตย์”
สดุดี 18:25 พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ตำหนิต่อผู้ที่ไร้ตำหนิ
จอห์น ดับบลิว รีด อธิบายความหมายคำว่า Chesed ไว้ว่า เป็นความจงรักภักดีซึ่งเกิดจากความรักและความปรารถนาดีต่อผู้ซึ่งตนรับผิดชอบ
พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่ทำไว้ต่อดาวิด โดยสำเร็จเป็นจริงในพระเยซูคริสต์ เพราะก่อนหน้านั้นในพระธรรมสดุดี 89:3,4,29 สดด89:3-4 3พระองค์ตรัสว่า “เราได้ทำพันธสัญญากับผู้ที่เราเลือกเราได้ปฏิญาณกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า 4’เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเจ้าไว้เป็นนิตย์ และจะสร้างบัลลังก์ของเจ้าไว้ทุกชั่วชาติพันธุ์’ ”29เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเขาไว้เป็นนิตย์ ทั้งให้บัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ตราบเท่าที่ฟ้าสวรรค์ดำรงอยู่
2ซมอ.7:16 ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะตั้งมั่นอยู่ต่อ หน้าเจ้านิรันดร และบัลลังก์ของเจ้าจะมั่นคงนิรันดร”
ลก.1:32-33 32 บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน 33 และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พันธสัญญา หมายถึง คำสัญญาระหว่างสองฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยเงื่อนไขเกี่ยวกับข้อผูกมัดและการให้พร เวลาสองฝ่ายเข้าทำพันธสัญญากัน มีพิธีประทับตราหรืออ้างพยานตามธรรมเนียมต่างๆ เพื่อให้เป็นหลักฐานที่แน่นอน (ปฐก.21:22-32, 1ซมอ.18:3-4, มลค.2:14)
พันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ไม่เหมือนสัญญาระหว่างมนุษย์กับมนุษย์กัน เพราะสองฝ่ายไม่เท่าเทียมกัน การกระทำพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ มนุษย์เป็นเพียงผู้รับทุกครั้ง พระองค์ทำตามพันธสัญญาด้วยพระมหากรุณาธิคุณ และพระองค์เป็นผู้รับรองพันธสัญญาแต่เพียงฝ่ายเดียว
พระเจ้าประทานพันธสัญญาแห่งการไถ่ของพระองค์ให้กับมนุษย์ด้วยความรักมั่นคง พระองค์ส่งพระบุตรองค์เดียวคือพระเยซูคริสต์มาตายไถ่บาปเพราะความรักที่มีต่อมนุษย์ พระองค์ทำตามที่ทรงสัญญาไว้อย่างซื่อสัตย์ ไม่ว่ามนุษย์ที่พระองค์ทรงรักจะเป็นอย่างไร
คริสตจักรของพระเจ้าจึงเกิดขึ้นเพื่อให้ความรักมั่นคงของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ทำให้มนุษย์ สัมผัสได้จับต้องได้ คริสตจักรเติบโตขึ้นด้วยความรักของพระเจ้า
อฟ.4:16 เนื่องจากพระองค์นี้เอง ร่างกายทั้งหมดจึงได้รับการเชื่อมและประสานเข้าด้วยกันโดยทุกๆ ข้อต่อที่ประทานมานั้น และเมื่อแต่ละส่วนทำงานตามหน้าที่แล้ว ก็ทำให้ร่างกายเจริญและเสริมสร้างตนเองขึ้นด้วยความรัก
สัญญาของมนุษย์ เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา มีการบังคับใช้ มีการตกลงของผู้ให้สัญญา ผู้รับสัญญา มีเวลาสิ้นสุด แตกต่างจากพันธสัญญาของพระเจ้า
คำสัญญาที่ปราศจากความรัก เป็นสัญญาที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย
2. ความรักที่เหนือกาลเวลา (เป็นรักนิรันดร์)
สดด.89:28 เราจะเก็บรักษาความรักมั่นคงของเราไว้ให้เขาเป็นนิตย์ และพันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่
“เป็นนิตย์” จากสดด89:29,36,37 เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเขาไว้เป็นนิตย์ ทั้งให้บัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ตราบเท่าที่ฟ้าสวรรค์ดำรงอยู่ 36พงศ์พันธุ์ของเขาจะดำรงอยู่เป็นนิตย์ บัลลังก์ของเขาจะยืนนานอย่างดวงอาทิตย์ต่อหน้าเรา37บัลลังก์จะตั้งอยู่เป็นนิตย์อย่างดวงจันทร์ และสักขีพยานบนท้องฟ้าก็แน่นอน”
ภาษาเดิม บอกว่า ยาวนานมาก นานตั้งแต่โบราณกาล จนถึงอนาคตกาล
เปรียบเทียบหากเป็นการเขียนแบบกวี ก็ทำให้เห็นว่ายาวนานมาก นิรันดร์ เหนือกาลเวลาของมนุษย์ เพราะคนตายไปแล้วแต่ความรักของพระเจ้ายังอยู่ หรือ พระเจ้ารักเราตั้งแต่แรก และในอนาคตที่เราจะได้พบกับพระเจ้าอีกครั้งหลังความตาย พระเจ้าก็ยังรักเรา
ประยุกต์ใช้ คู่สมรสแต่งงานกัน คาดหวังว่าจะเป็นความรักนิรันดร์ ไม่ใช่แค่คืนเดียว ความรักที่มีต่อเพื่อนเราก็คาดหวังว่าเป็นความรักนิรันดร์ หนุนใจพี่น้องคริสเตียนที่ความรักในครอบครัว สามีภรรยา พี่ๆน้องๆ ขอพระเจ้าเพิ่มพูนความรักให้ท่าน จนท่านสามารถมีความรักนิรันดร์ต่อคนใกล้ชิดได้ โดยเฉพาะสามีภรรยาที่เป็นคนของพระเจ้า
ในเวลาที่ประสบปัญหาหนักถึงกับเสียชีวิต
การทบทวนถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราไม่มีสิ้นสุด ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราเป็นรักนิรันดร์เท่ากับชีวิตของพระองค์ พระองค์ไม่มีวันตาย ความรักของพระเจ้าจึงเป็นนิรันดร์ ทำให้เรามีความหวังในการรอคอยความช่วยเหลือของพระเจ้า แม้จะมีความหวั่นไหวในความรัก คำสัญญาของพระเจ้าอยู่บ้าง
สดด.107:43 ผู้ใดมีปัญญาก็ให้เขาฟังสิ่งเหล่านี้ ให้เขาพิจารณาถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
คนที่มีความรักต่อผู้คน เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ตลอดไป พระเจ้าจึงยิ่งใหญ่เพราะพระเจ้ารักโลก รักมนุษย์ทุกคน
ยน3:16 พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิต นิรันดร์
ตัวอย่าง 2 ในปีค.ศ.2019 กลุ่มลูกของเดลทั้งหมดรวมตัวกันที่โบสถ์แห่งหนึ่งพวกเขาพาครอบครัวของเขามาพบปะสังสรรค์กัน ในนั้นยังมีของใช้และภาพของเดล ชโรเดอร์ พวกเขาต่างเล่าให้ลูกๆ และครอบครัวของเขาได้รับฟัง ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ผู้ซึ่งพวกเขาไม่เคยเจอหน้ามาก่อน ไม่เคยรู้จักมาก่อน กลับทิ้งสิ่งที่มิอาจประเมินค่าได้เอาไว้
เดล ชโรเดอร์ เป็นชายผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายเขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาไม่มีโอกาสได้เรียนสูง ๆ เดลใช้ชีวิตอยู่แต่ในรัฐไอโอวาทำงานเป็นช่างไม้ที่บริษัทแห่งหนึ่งกว่า 67 ปี เขาไม่เคยแม้แต่จะเปลี่ยนบริษัท เดลเป็นคนสมถะ เขาประหยัดกับทุกสิ่งตลอดชีวิตเดลมีกางเกงยีนส์เพียงสองตัวนั่นคือกางเกงยีนส์ใส่ไปโบสถ์กับกางเกงยีนส์ใส่ไปทำงาน
เดลไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีลูกใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอด
สิ่งเดียวที่เขาทุ่มเทก็คืองาน
เพื่อนของเดลบอกว่าเขาทำงานหนักมาตลอด
ชีวิตเขามีแต่งาน อีกทั้งเดลยังรับงานช่างไม้นอกเวลา
ทุกคนต่างสงสัยว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม เพราะชีวิตที่เขาใช้อยู่มันช่างเรียบง่ายมากจนไม่จำเป็นต้องหาเงินเพิ่มด้วยการทำงานเสริมด้วยซ้ำ
เดลเสียชีวิตในปีค.ศ.2005 ไม่มีใครรู้ว่าเดลทิ้งอะไรไว้
สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนบนโลก ไม่มีใครรู้นอกเสียจากทนายของเขา และ สตีฟ เนลสัน เพื่อนสนิทของเดล
———————————
ก่อนเดลเสียชีวิตไม่กี่ปี เขาได้ทำพินัยกรรมไว้กับทนาย
เขาต้องการให้เงินเก็บของเขาทั้งหมดที่เก็บมาตลอดชีวิต ได้ไปอยู่ในมือของเด็กผู้ต้องการโอกาสทางการศึกษา
เขาต้องการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กๆ ให้เรียนจนจบ เด็กที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้ชื่อ“ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เรียนจบวิทยาลัย ดังนั้นฉันจึงอยากช่วยเด็กคนอื่นๆ ให้ได้เรียนจนจบ” เดลกล่าวกับสตีฟ เนลสัน เดลยังกล่าวอีกว่าเขาน่าจะส่งเด็กๆ จนจบได้หลายสิบคน
“นี่คุณกำลังพูดถึงเงินจำนวนเท่าไหร่กันแน่?” สตีฟ เริ่มสงสัยในจำนวนเงินที่เดลเก็บไว้ “โอ้…ไม่น่าจะถึง 3 ล้านดอลลาร์หรอก” เดลกล่าวอย่างเรียบง่าย สตีฟแทบล้มจากเก้าอี้ ตลอดชีวิตของเดลเขาเก็บเงินไว้กว่า 90 ล้านบาทโดยที่เขาแทบไม่ได้นำมันมาปรนเปรอตนเองเลย
———————————
หลังจากเดลเสียชีวิต ทุนการศึกษาก็เริ่มถูกส่งมอบไปสู่เด็กๆ ที่ยากจน เด็กๆ จะถูกคัดเลือกตามเงื่อนไขที่เดลกำหนดไว้ในพินัยกรรม
คิร่า โคนาร์ด เป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือก คิร่าเป็นเด็กขยันและเรียนเก่ง ตอนเธอศึกษาอยู่ชั้นมัธยม เธอมีผลการเรียนดีพอที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัย แต่ครอบครัวเธอไม่มีเงินส่งต่อ
“ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่มีแม่เลี้ยงเดี่ยวและมีพี่สาวสามคน ดังนั้นการจ่ายเงินให้พวกเราทั้งสี่คนเรียนจนจบจึงเป็นไปไม่ได้”
คิร่ากล่าว คิร่าอยากเป็นนักบำบัด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่แม่ของเธอจะมีเงินจ่ายค่าเรียน
“มันทำให้ฉันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ฉันต้องการทำสิ่งนี้ ฉันมีเป้าหมายนี้
แต่ฉันไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้เพียงเพราะเรื่องเงิน” คิร่าเสียใจอยู่หลายสัปดาห์ จนกระทั่งโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
ชายที่อยู่ปลายสายบอกเธอว่าจะส่งเธอเรียนจนจบคิร่าน้ำตาไหลทันที ชายคนนั้นยังเล่าถึงเดล เขาบอกว่าเดลเป็นคนมอบเงินให้เธอพร้อมเงื่อนไขเพียงสิ่งเดียวในพินัยกรรมที่เดลเขียนไว้
“Pay it forward” อย่าลืมส่งต่อความดีนี้ให้กับคนอื่น
———————————
ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา มีคนได้รับทุนการศึกษานี้ถึง 33 คน บางคนเรียนจบแพทย์ บางคนกลายเป็นทนายความ อาจารย์ นักกฎหมาย และรวมถึงคิร่า ที่ได้เป็นนักบำบัด ทั้งหมดกลายเป็นเพื่อนกัน และเรียกตนเองว่าเป็น “กลุ่มลูกของเดล”
“Pay it forward” พวกเขาจะไม่ลืม พวกเขาจะส่งต่อมันเอง
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
อ้างอิง