อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี ค่ายพระสิริ”ร่วมพันธกิจ สู่นิมิตปี 2020″
สอน 5 1คร3:5-7 “พระเจ้าผู้ทำพันธกิจให้สำเร็จ”
พฤหัสเช้าที่ 4 เม.ษ. 2019 คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์ภาคใต้
อปอลโลคือใคร? เปาโลคือใคร? คือผู้ปรนนิบัติซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ ตามงานที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้แต่ละคน 6ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต 7เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ
กายดินที่พระเจ้าให้เรามานี้ ขอให้เราใช้ให้เป็นประโยชน์สำหรับชีวิต นิรันดร์ ไม่ใช่เพื่อความสุขชั่วคราวในโลกนี้
มารชักจูงให้เราทำสองอย่าง
สิ่งแรก คือ ให้เราละเลยพระคำของพระเจ้า ทำให้เราสงสัยแล้วเอวาก็ละเลยพระคำพระเจ้า
สิ่งที่สอง คือ ให้เราละเลยพระเจ้า โดยเริ่มจากการละเลยพระคำพระเจ้า คือบอกว่าพระเจ้าไม่ดี ไม่ได้หวังดีกับเรา บาปดีกว่าพระเจ้า พอมนุษย์เชื่อมาร เริ่มละเลยพระคำ มนุษย์ก็ไปทำบาป และก็รับผลบาป แต่พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อให้เรากลับมาที่พระคำพระเจ้า และกลับมาที่พระเจ้า
ทุกๆก้าวต่อจากนี้ขอให้ก้าวบนเส้นทางพระคำของพระเจ้า ขอให้ก้าวอยู่บนความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า เมื่อวิญญาณออกจากกายผุผังนี้ไปสู่กายใหม่ เราจะไปอย่างสง่างาม เราจะไม่ละเลยพระคำและละเลยพระเจ้า
ข้อ7 พระเจ้าเป็นคนสำคัญ คนรดน้ำคน ปลูกไม่ได้สำคัญ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ต้องมีคนปลูกหรือคนรดน้ำไม่มีก็ไม่ได้
เปาโลให้ความหมายบอกว่า เมื่อเทียบความสำคัญกับพระเจ้าแล้ว เป็นผู้ที่ทำให้เติบโตสำคัญมากกว่าคนปลูกและคนรดน้ำ
พระคัมภีร์ กำลังพูดถึง ข้อ5-6 แปลความว่า ร่วมพันธกิจ มีงานหลาย อย่างตามที่พระเจ้ากำหนดให้แต่ละคนร่วมพันธกิจ ทำให้ชีวิตเราแต่ละคนมีส่วนกับพันธกิจของคริสตจักร ซึ่งจะนำความเจริญเติบโตมาสู่คริสตจักร เราบางคนทำหน้าที่ปลูก รดน้ำ แต่พระเจ้าทำให้เติบโต แต่สมาชิกทุกคนต้องมีส่วนร่วม ถ้าคริสตจักรไม่เติบโตต้องไปถามพระเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ ถ้าเราเดินตามที่พระเจ้ากำหนดให้แต่ละคน พระเจ้าจะทำให้คริสตจักรเติบโต ขอให้เรากลับไปช่วยกัน ขอให้กลับไปร่วมกันทำพันธกิจให้
คริสตจักรพระเจ้าเติบโต
คริสตจักร ที่เติบโตขึ้นอยู่กับสมาชิกที่เติบโต ส่วนใหญ่สนใจแต่ปริมาณมากๆ แต่ไม่สนใจคุณภาพชีวิตของผู้เชื่อ วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ ของแต่ละคริสตจักรจะขึ้นอยู่กับความเติบโตกับพระเจ้า โดยเราแต่ละคนมีส่วนร่วมตามของประทาน ร่วมตามสถานการณ์ ร่วมตามภาระใจ ร่วมตาม พระมหาบัญชา ร่วมตามนิมิตที่พระเจ้าประทานให้
การเติบโตฝ่ายวิญญาณขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ของสมาชิก ถ้าสมาชิกไม่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาร แม้มีปริมาณคริสตจักรมีปริมาณคนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่สามารถเข้ามารับผิดชอบพันธกิจได้เพราะไม่เติบโต พระเจ้าเรียกร้องให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เพื่อเราจะรับผิดชอบงานได้
อฟ4:11-14 และพระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์ 14เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ ตามอุบายที่ฉลาดในการล่อลวง
เตรียมธรรมิกชนให้เป็นผู้ใหญ่ เมื่อเราพร้อมออกไปประกาศเรื่องราวของพระเจ้า เพื่อให้คนเข้ามา แล้วคริสตจักรเราสามารถรองรับผู้เชื่อใหม่ได้
สมาชิกต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ที่เกิดจากการเสริมสร้างกันและกันทำให้โตฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ตายฝ่ายวิญญาณ
ขอให้เราอวยพรกันและกัน ขาดเหลืออะไรก็ขอให้ช่วยๆกัน ไม่หยิ่ง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร เพราะทุกคนเป็นอวัยวะในพระกายของพระคริสต์ แม้แต่ผู้นำคริสตจักรก็เป็นอวัยวะไม่ใช่ศรีษะ
คริสตจักรของพระเยซูมีพระองค์เป็นศรีษะ พระเยซูไม่เคยขอเปลี่ยนหัวของคริสตจักร ผู้นำระวังคอขาด หากบอกว่าตนเองเป็นศรีษะของคริสตจักร
ขอให้เรามาศึกษาเรื่องของกษัตรย์ิซาอูล กับดาวิด เพื่อเราจะเรียนรู้ว่าพระเจ้าทำให้เกิดผลอย่างไร ซาอูลและดาวิดมีลักษณะชีวิตเป็นผู้รับใช้พระเจ้าอย่างชัดเจน เรามาศึกษาเพื่อเรียนรู้จากจุดอ่อนจุดแข็ง
ส่ิงที่เหมือนกันของซาอูล และดาวิด
1.ถูกเจิมให้มาทำพันธกิจของพระเจ้า โดยผู้เผยวจนะคนเดียวกัน
วันที่ซามูเอลมาเจิมซาอูลหนีไปเพราะไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ผู้นำ เขาไม่กล้าเขาหนี
1ซมอ10:20-22 แล้วซามูเอลก็นำเผ่าอิสราเอลทุกเผ่าเข้ามาใกล้ และจับฉลากได้เผ่าเบนยามิน 21ท่านก็นำเผ่าเบนยามินเข้ามาใกล้ตามตระกูล จับฉลากได้ตระกูลมัตรี และจับฉลากได้ซาอูลบุตรคีช แต่เมื่อพวกเขาหาซาอูลก็หาไม่พบ 22เขาจึงทูลถามพระยาห์เวห์ต่อไปว่า “ชายคนนั้นมาที่นี่หรือยัง?” และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “ดูสิ เขาซ่อนตัวอยู่ที่กองสัมภาระ”
ส่วนดาวิดพ่อซ่อนเขาไว้เพราะคิดว่าลูกคนอื่นดีกว่าดาวิด 1ซมอ16:8-13 แล้วเจสซีก็เรียกอาบีนาดับให้เดินผ่านหน้าซามูเอล ท่านกล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงเลือกผู้นี้เหมือนกัน” 9แล้วเจสซีให้ชัมมาห์เดินผ่านไป และท่านก็กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงเลือกผู้นี้เหมือนกัน” 10แล้วเจสซีให้บุตรทั้งเจ็ดคนเดินผ่านหน้าซามูเอล และซามูเอลบอกกับเจสซีว่า “พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงเลือกคนเหล่านี้” 11แล้วซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “พวกนี้เป็นบุตรชายทั้งหมดของท่านหรือ?” เจสซีตอบว่า “ยังมีคนสุดท้องเหลืออยู่ นี่แน่ะ เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่” และซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “จงใช้คนไปนำเขามา เพราะเราจะไม่ยอมนั่งจนกว่าเขาจะมาที่นี่” 12เจสซีก็ใช้คนไปนำเขามา เขาเป็นคนผิวแดงๆ มีหน้าตาดีและรูปร่างงาม และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้นเจิมเขาไว้ เพราะเป็นคนนี้” 13ซามูเอลจึงนำเขาสัตว์ที่มีน้ำมัน เจิมเขาไว้ท่ามกลางพวกพี่ชายของเขา และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ทรงสวมทับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปรามาห์
แต่หลังการเจิมดาวิดได้รับการพัฒนาอย่างมาก เขากลายเป็นคนของประชาชน เขาเรียนรู้อยู่ท่ามกลางประชาชนได้ 1ซมอ18:16แต่คนอิสราเอลและคนยูดาห์ทั้งสิ้นรักดาวิด เพราะดาวิดออกไปและกลับมาต่อหน้าพวกเขา
2.มีศัตรูกลุ่มเดียวกันคือ ฟิลิสเตีย
1ซมอ17:8-11เ ขายืนตะโกนทางแนวรบของอิสราเอลว่า “พวกเจ้าออกมาเพื่อเตรียมทำสงครามทำไมเล่า? ข้าเป็นคนฟีลิสเตียไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าก็เป็นข้ารับใช้ของซาอูลไม่ใช่หรือ? จงเลือกชายคนหนึ่งแทนพวกเจ้า ให้เขาลงมาหาข้า 9ถ้าเขาชนะในการต่อสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราจะเป็นข้ารับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะเขาและฆ่าเขาตาย แล้วพวกเจ้าจะเป็นข้ารับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา” 10และคนฟีลิสเตียนั้นกล่าวว่า “วันนี้ข้าเองขอท้ากองทัพอิสราเอล จงส่งชายคนหนึ่งมาต่อสู้กัน” 11เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ของคนฟีลิสเตียนั้น พวกเขาก็ตกใจและหวาดกลัวยิ่งนัก
ทั้งคู่เจอโกลิอัท ซาอูลกลัว แต่ดาวิดอาย เขาอายเพราะให้คนไม่เชื่อมาเหยียดหยามพระเจ้าได้อย่างไร เขาออกไปสู้ ข้อ 20-27ดาวิดจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด และทิ้งแกะไว้กับผู้ดูแล นำเสบียงอาหารไปตามที่เจสซีบัญชาเขา และเขาก็มาถึงเขตค่าย ขณะเมื่อกองทัพกำลังยกออกไปแนวรบ โห่ร้องเพื่อทำสงคราม 21อิสราเอลกับพวกฟีลิสเตียต่างก็ตั้งแนวรบเผชิญหน้ากัน 22ดาวิดก็ทิ้งสัมภาระไว้กับผู้ดูแลกองสัมภาระ และวิ่งไปที่แนวรบไปทักทายพวกพี่ชายของตน 23เมื่อเขากำลังพูดกับพวกพี่ชาย นี่แน่ะ ยอดทหารฟีลิสเตียชาวเมืองกัท ที่ชื่อโกลิอัทออกมาจากแนวรบ ฟีลิสเตียกล่าวถ้อยคำท้าอย่างแต่ก่อนและดาวิดก็ได้ยิน24เมื่อคนอิสราเอลทั้งปวงเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีเขาไป และหวาดกลัวเขามาก 25คนอิสราเอลพูดว่า “พวกเจ้าเคยเห็นชายที่ออกมานั้นหรือ เขาออกมาท้าทายอิสราเอล ชายที่ฆ่าเขาได้ พระราชาจะประทานทรัพย์ให้เขามากมาย และจะมอบราชธิดาให้เขาและทำให้ครอบครัวของบิดาของเขารับการยกเว้นภาษีในอิสราเอล” 26และดาวิดกล่าวแก่พวกทหารที่ยืนอยู่ข้างเขาว่า “เขาจะทำอย่างไรแก่คนที่ฆ่าคนฟีลิสเตียคนนี้ได้ และนำเอาความเหยียดหยามไปจากอิสราเอล? คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้คือใคร จึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่?” 27พวกทหารตอบเขาเหมือนกันว่า “ผู้ที่ฆ่าเขาได้ก็จะได้รับดังที่กล่าวมาแล้วนั้น”
3.ทำบาปเหมือนกัน
ซาอูลทำบาปโดยการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ก้าวก่ายงานซามูเอล ส่วนดาวิดทำบาปล่วงประเวณีกับภรรยาทหารที่ทุ่มเทให้ดาวิด
ความจำกัดของดาวิด
1ซมอ17:28 เอลีอับพี่ชายหัวปีได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับก็โกรธดาวิดกล่าวว่า “เจ้าลงมาทำไม? เจ้าทิ้งแกะไม่กี่ตัวที่ถิ่นทุรกันดารไว้กับใคร? ข้าเองรู้ถึงความอวดดีของเจ้า และความคิดชั่วของเจ้า เพราะเจ้าลงมาเพื่อจะมาดูสงคราม”
ดาวิดถูกจำกัดด้วยคนในครอบครัวตั้งแต่พ่อ และพี่ ให้ดาวิดเลี้ยงสัตว์แทนที่จะไปออกรบ ดาวิดอายมากที่ศัตรูมาท้าทาย เลยอาสาอยากออกไปสู้ พี่ชายก็เลยด่าว่าดาวิดอวดดี มีความคิดชั่ว พี่ชายพิพากษาดาวิดเลย ดูแคลนดาวิดด้วย
1ซมอ17:33 และซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต้านคนฟีลิสเตียนี้ เพื่อสู้รบกับเขา เพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และชายคนนี้ชำนาญศึกตั้งแต่หนุ่มๆ แล้ว”
ความจำกัดของดาวิดด้วยดุลพินิจของกษัตริย์ซาอูล พระองค์ไม่ไว้ใจดาวิด คิดว่าดาวิดไม่สามารถต้านทาน หรือต่อสู้คนฟิลิสเตียผู้ชำนาญศึกได้ เพราะดาวิดยังเด็กอ่อนประสบการณ์
ส่วนซาอูลมีความแตกต่างจากดาวิดอย่างมาก 1ซมอ9:1-2 มีชายเผ่าเบนยามินคนหนึ่งชื่อคีช บุตรของอาบีเอล ผู้เป็นบุตรของเศโรร์ บุตรของเบโครัท บุตรของอาฟียาห์ ชายเผ่าเบนยามิน เป็นคนมั่งมี 2ท่านมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อซาอูล เป็นหนุ่มใหญ่รูปงาม ไม่มีชายใดในหมู่คนอิสราเอลที่จะงามกว่าเขา เขาสูงกว่าประชาชนทั้งหมดตั้งแต่บ่าขึ้นไป
ซาอูลมาจากตระกูลคนรวย แต่ดาวิดมาจากคนไม่ร่ำรวย ดาวิดไม่ใช่คนสำคัญเป็นลูกคนสุดท้อง ดาวิดเป็นเด็กหนุ่มไม่มีประสบการณ์ในการรบ
วันนี้เราลองสำรวจชีวิตตนเองดูว่า เรามีความจำกัดอะไรบ้าง เราไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะเรามีความจำกัด ทำให้เราไม่กล้าเสนอตัวในการรับใช้ เราไม่กล้าไปร่วมกับคนอื่นในการทำพันธกิจ ดาวิดมีปมด้อยเยอะแต่ประสบความสำเร็จในการรับใช้พระเจ้า
ความจำกัดของซาอูล
1ซมอ10:21-22 มีความกลัว
1ซมอ13:8-14 ทำหน้าที่ของซามูเอล เพราะซาอูลเป็นคนใจร้อน เลยไปทำหน้าที่แทนซามูเอล เป็นการก้าวก่ายหน้าที่ เป็นการสบประมาทพระเจ้าด้วย ปมด้อยของซาอูล คือ เป็นคนใจร้อน ไม่มีความอดทน บางคนเป็นคนใจร้อนเหมือนซาอูล แต่ในบางเรื่อง ต้องระวังอย่าใจร้อน ความหุนหันพลันแล่น สรุปอะไรเร็วเกินไป ทำให้เกิดผลเสียต่อตนเอง และต่องานราชกิจ
1ซมอ13:11-12 ไม่มีบารมีพอที่จะควบคุมประชาชนอิสราเอลได้ ประชาชนรอคอยซามูเอลนาน เริ่มกระจัดกระจายไป บารมีไม่ได้มาจากการเจิม การแต่งตั้งเพียงอย่างเดียว แต่บารมีมาจากการทำบทบาทที่ดีด้วย
1ซมอ13:22 กองทัพขาดแคลนอาวุธ ทหารบ่นว่าพาพวกเขามาตาย ซาอูลไม่มีความสามารถในการจัดหาทรัพยากร
1ซมอ15:12 ซาอูลหลงตัวเอง หยิ่งยโส ทำรูปปั้นของตัวเอง อวดดี อวดตัวให้คนรู้จัก ทำให้คนอื่นๆมาร่วมทำพันธกิจไม่ได้
1ซมอ15:17-19 ไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าบอกให้ทำลายทุกอย่างถวายแด่พระเจ้าให้หมด แต่ซาอูลไม่ทำตามเลือกเก็บส่ิงของที่ตนเห็นว่าดีไว้ ถ้าเราไม่เชื่อฟังพระเจ้า เราจะทำลายทุกส่ิงทุกอย่างในพันธกิจที่จะทำร่วมกับพระเจ้า
1ซมอ18:8-9 อิจฉาริษยาดาวิด ซาอูลรับไม่ได้ที่คนสรรเสริญดาวิดมาก กว่าตนเอง เราต้องปรับระบบความคิดของเราใหม่ ความสำเร็จของคนอื่นคือ ความสุขของเรา เราจะทุกข์ถ้าคนอื่นไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเราคิดแบบนี้การอิจฉาไม่เกิด แต่ถ้ามีการแข่งขันกันในการทำงานรับใช้ให้ประสบสำเร็จการแข่งขันจะทำให้ความอิจฉาเกิดขึ้น
ซาอูลหาทางคอยกำจัดคนที่พระเจ้าเจิม ถ้าทำแบบนี้ก็มีแต่ล้มเหลวแน่นอน ซาอูลกลัวว่าดาวิดจะมาชิงบัลลังก์ของตน พอมีความกลัวก็สรุปดาวิดผิด แทนที่จะสนับสนุนดาวิด กลับตั้งตัวเป็นศัตรูกับดาวิด ระวังการเป็นศัตรูกับคนที่ดีกับเรา
1ซมอ18:10-11 พระเจ้าอนุญาตให้วิญญาณชั่วไปสิงซาอูล คนยิวเชื่อว่าพระเจ้า ควบคุมทุกอย่าง หากให้วิญญาณชั่วไปสิงแสดงว่าพระเจ้า อนุญาต พระเจ้ายังควบคุมมารซาตานอยู่ มันต้องขออนุญาตพระเจ้าเวลาที่จะทดลองใคร โยบ1:9-16 ไฟของพระเจ้าลงมา แสดงว่าพระเจ้า อนุญาตให้มารทำลายพระพรหรือสิ่งของภายนอกโยบ แต่ไม่ให้ทำลายชีวิตโยบ
ชีวิตส่วนตัวต้องของเราต้องพัฒนาทุกวันๆ เพื่อร่วมพันธกิจกับพระเจ้า เพราะเราอาจจะเจอข้อจำกัดในชีวิตเหมือนซาอูล หรือดาวิดก็ได้ แต่เราต้องระมัดระวังชีวิต ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถทำพันธกิจได้
ความจำกัดเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างที่เรากำลังทำพันธกิจ ถ้าเรากำลังมีปมปัญหาเหล่านี้อยู่ ให้เรากลับใจใหม่ หยุดเลยจากการงานของเนื้อหนัง เช่น ขอลาออก ไม่ใช่เลิก แต่ขอให้อดอาหารอธิษฐาน อยู่กับพระเจ้า ขอการ สำแดงจากพระเจ้า ให้ใจแตกสลายกับพระเจ้า กลับใจใหม่จริงๆ แล้วกลับมาในที่เดิมร่วมพันธกิจ
ถ้าเรามีบาปรบกวนจิตใจ ให้หยุดอยู่กับพระเจ้า ไปอธิษฐาน ไม่ต้องไปสารภาพบาปกับใคร สารภาพกลับพระเจ้า อย่าฟังขยะ อย่าไปฟังเรื่องชาวบ้านให้ขยะขึ้นสมองเพราะจะทำให้เราอยากไปทำบ้าง ขอให้เราเก็บหูสะอาดๆไว้ฟังข่าวประเสริฐ
เราทุกคนมีโอกาสพลาดได้ เพราะเราเป็นคน แต่พลาดแล้วต้องลุกขึ้น เห็นคนล้มต้องช่วยประคองเขาขึ้นมา ให้เขามั่นใจการยกโทษของพระเจ้า
1ยน2:1-2 ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น 2และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา และไม่ใช่แค่บาปของเราเท่านั้น แต่ของทั้งโลกด้วย
ขอให้เราเป็นภาชนะที่สะอาดไม่ว่าจะมาจากวัสดุอะไร พระเจ้าใช้ได้ ทำบาปแล้วกลับใจใหม่มาหาพระเยซู พระองค์เช่ียวชาญในการยกโทษบาป
ผมเคยให้คนมาเล่าความบาป พอเขาเล่าบาปแล้ว เขาร้องไห้นานมาก เขาซึมไปเลย คงคิดในใจว่ากูไม่น่าเล่าให้เขาฟังเลย ทำให้เขาผวาตลอด หลายครั้งเราฟังความบาปคนอื่นแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้จริงๆ
ทุกคนมีดี แต่ไม่ต้องอวด เอาความดีไปไว้ใช้เป็นพรกับคนอื่น อย่าหยิ่ง
ขีดความสามารถที่สูงส่งของดาวิด
1ซมอ17:31-37เมื่อพวกเขาได้ยินถ้อยคำที่ดาวิดพูด พวกเขาก็ทูลให้ซาอูลทรงทราบ ซาอูลจึงทรงให้นำดาวิดมา 32ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า “อย่าให้จิตใจของใครฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้” 33และซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต้านคนฟีลิสเตียนี้ เพื่อสู้รบกับเขา เพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และชายคนนี้ชำนาญศึกตั้งแต่หนุ่มๆ แล้ว” 34แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยเลี้ยงฝูงแกะของบิดา และเมื่อมีสิงโตหรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง 35ข้าพระบาทก็ตามไปฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับคางของมัน และทุบตีมันจนตาย 36ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงโตและหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” 37และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากอุ้งเท้าของสิงโต และจากอุ้งเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียนี้” และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จงไปเถอะ และพระยาห์เวห์จะสถิตอยู่กับเจ้า”
หนึ่ง รักษาชีวิตที่มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับพระเจ้า
ดาวิดให้กำลังใจซาอูล ดาวิดพูดถึงเรื่องในอดีตว่าเขามีประสบการณ์กับพระเจ้าแบบปัญหาที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ วันนี้ดาวิดเจอปัญหาแบบเดียว กัน ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าจะช่วยเขาอีกครั้งเหมือนในอดีต เราต้องไม่ลืมประสบการณ์ของเรากับพระเจ้าในอดีต
เปาโลบอกให้ลืมอดีตที่ไม่ดีสิ่งที่ผ่านพ้นไปแต่ก้าวไปข้างหน้า เพื่อจะไปต่อได้ ซาอูลตอนพระเจ้าเจิม พระเจ้าอยู่ด้วย ซาอูลไปรบที่ไหนก็ชนะ แต่ซาอูลตอนนี้กลับมีความกลัว ซาอูลไม่สามารถนำประสบการณ์ในอดีตที่มีกับพระเจ้ากลับมาใช้ได้
เหตุผลเพราะ หากเราย้อนกลับไปดู 1ซมอ13:13-14และซามูเอลทูลซาอูลว่า “ท่านได้ทำการที่โง่เขลา ท่านไม่ได้รักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระยาห์เวห์จะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่านเหนืออิสราเอลตลอดไป 14แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระยาห์เวห์ทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัยพระองค์แล้ว และพระยาห์เวห์ทรงแต่งตั้งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือชนชาติของพระองค์ เพราะท่านไม่ได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้”
ซาอูลรู้ว่าพระเจ้า ปลดเขาออกจากการเป็นกษัตริย์แล้ว ทำให้ซาอูลกลัวว่าดาวิดจะมาเป็นกษัตริย์แทนตนเอง การรักษาชีวิตที่มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับพระเจ้า รักษาประสบการณ์ที่ดีระหว่างเรากับพระเจ้า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก
แต่ถ้าเราทำบาปผิดให้เรากลับใจใหม่ อย่าเก็บบาปไว้นาน ในการต่อสู้กับบาปอย่าไปเผชิญหน้ากับบาป แต่หันหลังให้บาป ให้วิ่งหนีบาปไป แต่สำหรับอดีตที่ดีงามกับพระเจ้า ที่ไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้เพราะไม่รักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้า
สอง พันธกิจที่ดาวิดทำนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่กองทัพของพระเจ้า
1ซมอ17:51-53ดาวิดจึงวิ่งไปยืนอยู่เหนือคนฟีลิสเตียคนนั้น หยิบดาบของเขาชักออกจากฝักฆ่าเขาเสีย และตัดศีรษะของเขาออกเสียด้วยดาบ เมื่อพวกฟีลิสเตียเห็นว่ายอดทหารของเขาตายเสียแล้วก็พากันหนีไป 52คนอิสราเอลกับคนยูดาห์ก็ลุกขึ้นโห่ร้องไล่ตามพวกฟีลิสเตีย ไกลไปจนถึงหุบเขาและถึงประตูเมืองเอโครน ทหารฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางจากชาอาราอิม ไกลไปจนถึงเมืองกัทและเมืองเอโครน 53และคนอิสราเอลก็กลับมาจากการไล่ล่าติดตามพวกฟีลิสเตีย และปล้นค่ายของพวกเขา
ดาวิดตัดศรีษะโกลิอัท หลังจากนั้นทหารที่เคยขาดกลัวก็ลุกขึ้นโห่ร้องไล่ตาม เปรียบเทียบจากข้อ11 จากหวาดกลัวตกใจยิ่งนัก ข้อ23-24 วิ่งหนีเขาไป ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นจากเด็กคนเดียว เด็กคนนี้ปมด้อยเต็มไปหมด ถูกขัดขวาง ไม่มีใครไว้ใจ แต่เข้าไปกู้สถานการณ์ได้ โดยการเข้าไปร่วมพันธกิจช่วยคนทั้งประเทศอิสราเอล นี่คือ ดาวิด
ไม่ได้เป็นกษัตริย์ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีอาวุธ วันนี้ขอให้เราเข้าใจชีวิตที่สะอาด บริสุทธิ์ จริงใจ มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ทำไมคริสตจักรจึงอยู่กับที่นานแล้ว ดาวิดอาย ซาอูลทำไม่ได้ ความบาปเต็มไปหมด ความอิจฉา ความเย่อหยิ่ง การเจิมของซามูเอลไม่ได้ทำให้ซาอูลสู้โกลิอัทได้ เพราะความบาปที่ซาอูลทำ บาปทำลายพันธกิจ แต่พันธกิจที่สำเร็จเกิดขึ้นภายใต้ลักษณะชีวิตที่บริสุทธิ์กับพระเจ้า
1ซมอ17:41-46 ดาวิดมาหาโกลิอัทเพื่อให้โลกรู้ว่ามีพระเจ้า โกลิอัทบอกว่าข้าแน่ แต่ดาวิดบอกว่าพระเจ้าของเขาแน่ ดาวิดจะตัดศรีษะโกลิอัทโดยไม่มีดาบ เขาจะทำได้อย่างไร
เวลาเราร่วมกับคนอื่นในการทำพันธกิจ เราไปร่วมพันธกิจไม่ใช่เพื่อให้คนรู้จักฝีมือของเรา ความเก่งของเรา ความดีของเรา แต่ให้พวกเขารู้จักพระเจ้าของเราที่เรารับใช้อยู่ เมื่อไปร่วมพันธกิจ อย่ารู้สึกน้อยใจเวลาที่ไม่มีคนขอบคุณเรา หรือเห็นคุณค่าเรา สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนเลิกทำพันธกิจ อย่าให้ใคร หรืออะไรบังอาจหยุดเราในการร่วมพันธกิจของพระเจ้า โดยเด็ดขาด
แรงจูงใจที่ทำให้ดาวิดสู้โกลิอัทได้ 1ซมอ17:34-37 ดาวิดบอกว่าเขาเคยฆ่าหมีสิงห์โต คนไม่เข้าสุหนัตก็เหมือนสัตว์ตัวหนึ่ง เพราะไม่มีพระเจ้าอยู่ด้วย เราเป็นคนของพระเจ้า พระเจ้าอยู่กับเรา ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเรา ต้องถามตัวเองว่าเราอยู่ในพระคริสต์ไหม เราเป็นของพระคริสต์ ไหม เรากำลังทำพันธกิจที่มีชัยชนะ อย่าให้ปมด้อยในอดีต หรืออุปสรรคต่างๆ มาขัดขวางเรา ตราบใดที่พระเจ้าสถิตย์อยู่ด้วยเราชนะได้
แต่ถ้ามีเนื้อหนังมาเกี่ยวข้องพระเจ้าจะไม่อยู่ด้วย แต่ถ้าเราร่วมพันธกิจ เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า เพื่อให้โลกรู้ว่ามีพระเจ้า ต่อให้เราด้อยความสามารถขนาดไหน ความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้ พันธกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้เรามีส่วนร่วมเป็นพันธกิจที่ใหญ่กว่า มากกว่า หนักกว่า ที่เราคิดมากนัก แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นทุกครั้ง ถ้ามีการทรงสถิตย์ของพระเจ้าอยู่ด้วย
ถ้าบาปอยู่ในเรา พระเจ้าอยู่ด้วยไม่ได้ เราเป็นพระวิหารของพระเจ้า ที่พระเจ้าอยู่ในเรา แต่ทำบาปพระเจ้าอยู่ด้วยไม่ได้ ทำบาปอย่าคิดว่าไม่มีคนรู้
อฟ3:9-10 และทรงให้ทุกคนเห็นว่าอะไรคือแผนงานของความล้ำลึกที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทรงปิดบังไว้ตลอดหลายยุคที่ผ่านมา 10เพื่อว่าพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจในสวรรคสถาน จะได้รู้จักพระปัญญาอันมากล้นหลายด้านของพระเจ้าโดยทางคริสตจักรในเวลานี้
พระเจ้าใช้คริสตจักรเป็นที่เปิดเผยปัญญาของพระเจ้า รู้ได้ตอนมีปัญหาคริสตจักรแก้ปัญหาได้ไหม โลกมีปัญหาซับซ้อน ไม่มีพรรคการเมือง ไม่มีใครแก้ได้ ไม่มีวิทยาการก้าวหน้าขนาดไหนแก้ปัญหาได้
แต่พระเจ้าแก้ผ่านทางคริสตจักร ถ้าเราไม่ร่วมพันธกิจจะแก้ปัญหาไม่ได้ เราไม่ต้องรู้ว่าจะทำยังไงพระเจ้าทำได้ แค่รักษาชีวิตให้สะอาด เพราะเราเป็นเครื่องมือของพระเจ้า ในการแก้ไขปัญหา เรายังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแต่พระเจ้าทำผ่านเราได้
ไม่มีทางที่เราจะทำพันธกิจของพระเจ้าให้สำเร็จ อย่างต่อเนื่องได้ โดยลำพังไม่มีทาง เราต้องรับผิดชอบตนเองตามลำพังเรื่องชีวิตบริสุทธิ์ แต่พันธกิจต้องร่วมมือกัน ทุกคน
อย่าเชื่อว่าทำบาปแล้วจะทำงานพันธกิจ สำเร็จได้