ส่ิงที่เรียนรู้จากพระธรรมวินิจฉัย คือ นมัสการพระเจ้า แสวงหาพระเจ้า ตามวิถีทางของพระองค์ ไม่ใช่ตามความคิดเห็นที่ดีของเรา
เมื่อท่านศึกษาเฝ้าเดี่ยวพระธรรมผู้วินิจฉัยแล้ว ท่านจะพบว่าความจริงใจในการแสวงหาพระเจ้า ในการนมัสการพระเจ้า ยังไม่สำคัญเท่ากับความถูกต้องที่พระเจ้ากำหนดไว้ในพระคัมภีร์ ให้เราทำตาม ในเรื่องการนมัสการ เพราะมีคนหลายๆศาสนาก็พยายามแสวงหาพระเจ้า ตามความคิดของเขา ตามพิธีกรรมของเขา แต่พระเจ้าไม่ได้ยอมรับ หรือกำหนดให้เขาทำแบบนั้น
เขาจะเข้าใจพระเจ้าอย่างถูกต้องเมื่อประชากรของพระเจ้านมัสการพระองค์อย่างถูกต้อง
มีคาห์กับคนเลวี
1มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเทือกเขาเอฟราอิม ชื่อมีคาห์ 2เขาพูดกับมารดาว่า “เงิน 1,100 แผ่นซึ่งมีคนลักไปจากแม่ และแม่ก็ได้แช่งสาป และพูดเข้าหูลูกนั้น นี่แน่ะ เงินนั้นอยู่ที่ลูก ลูกเอาไปเอง” มารดาจึงพูดว่า “ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรลูกเถิด” 3เขาจึงนำเงิน 1,100 แผ่นนั้นมาคืนมารดา และมารดาพูดว่า “เงินนี้แม่ขอถวายแด่พระยาห์เวห์เพื่อลูก ให้ทำเป็นรูปแกะสลักและรูปหล่อโลหะ บัดนี้แม่จะคืนมันให้เจ้า” 4เมื่อมีคาห์คืนเงินให้มารดาแล้ว มารดาก็นำเงิน 200 แผ่นมอบให้ช่างเงิน ทำเป็นรูปแกะสลักและรูปหล่อโลหะ รูปนั้นอยู่ในบ้านของมีคาห์ 5มีคาห์คนนี้มีสถานที่บูชาพระแห่งหนึ่ง เขาทำเอโฟด และรูปเคารพประจำบ้าน และแต่งตั้งบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นปุโรหิต 6ในสมัยนั้นไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล ทุกคนก็ทำตามที่ตนเองเห็นชอบ
7มีชายหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ จากดินแดนของเผ่ายูดาห์ เขาเป็นพวกเลวี อาศัยอยู่ที่นั่น 8ชายนั้นก็ออกจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ เที่ยวหาที่เพื่อพักอาศัย แล้วเขาก็มาถึงแดนเทือกเขาเอฟราอิมและเดินทางต่อไปยังบ้านของมีคาห์ 9มีคาห์จึงถามเขาว่า “ท่านมาจากไหน?” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นพวกเลวีจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ ข้าพเจ้าเที่ยวหาที่เพื่อพักอาศัย” 10มีคาห์จึงกล่าวกับเขาว่า “จงอยู่กับข้าพเจ้าเถิด และจงเป็นบิดาและปุโรหิตของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าเองจะให้เงินท่านปีละ 10 แผ่น ให้เสื้อผ้าสำรับหนึ่ง และอาหารด้วย” คนเลวีนั้นจึงเข้าไป 11คนเลวีนั้นก็พอใจที่จะอยู่กับมีคาห์ และคนเลวีก็เป็นเหมือนลูกคนหนึ่งของเขา 12มีคาห์ก็แต่งตั้งคนเลวี และชายหนุ่มนั้นก็เป็นปุโรหิตของเขา และอยู่ในบ้านของมีคาห์ 13มีคาห์กล่าวว่า “บัดนี้ข้าพเจ้าทราบแล้วว่าพระยาห์เวห์จะทรงดีต่อข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีเลวีคนหนึ่งเป็นปุโรหิต”
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย
A : Attitude
เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?
การนมัสการพระเจ้าตามที่เราเห็นว่าดี เพื่อต้องการรับพระพร ไม่สำคัญเท่ากับพระเจ้ากำหนดเรื่องการนมัสการพระเจ้าไว้อย่างไร ให้เราทำตาม
มีคาห์ต้องการพระพรผ่านการนมัสการพระเจ้า เขากลัวการถูกสาบแช่ง จึงต้องนมัสการพระเจ้าเพื่อให้พระองค์อวยพร เขาคิดว่าการได้ทำรูปเคารพถวาย การได้จัดสถานที่เพื่อการนมัสการ การได้ผู้รับใช้พระเจ้ามาดูแลเรื่องการนมัสการ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาจะได้รับการอวยพร
เขานมัสการพระเจ้าตามที่เขาเห็นว่าดี ไม่ใช่ตามที่พระเจ้ากำหนดให้ทำ
C : Christ in focus
เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?
พระเยซูสอนเรื่องการนมัสการ ด้วยจิตวิญญาณและความจริง ไม่ใช่นมัสการตามรูปแบบ ตามพิธีกรรม หรือตามประสบการณ์ของตนเอง
ยน4:23-24 แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อคนที่นมัสการอย่างแท้จริงจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นมานมัสการพระองค์ 24พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”
T : Transformation
เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง?
อย่านมัสการพระเจ้าเพื่อเห็นแก่พระพร
อย่านมัสการพระเจ้าอย่างไม่ถูกต้อง
อย่านมัสการพระเจ้าโดยทำตามใจตนเอง หรือตามส่ิงที่ตนเองคิดว่าดี แต่ไม่ได้ดูว่าการนมัสการอย่างไรที่พระเจ้าพอพระทัย
คิดว่าการนมัสการเป็นการมอบถวายสิ่งของ แต่จริงๆพระเจ้าต้องการความจริงใจของเราต่างหาก
สดด51:16-17 เพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชาถึงข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว พระองค์ก็มิได้พอพระทัย17เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงปรารถนาคือจิตใจที่แตกสลายใจที่แตกสลายและสำนึกผิดนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูถูก
S : Serve
เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?