ส่ิงที่เรียนรู้จากพระธรรมดาเนียล คือ ยืนหยัดด้วยความเชื่อในพระเจ้า ทำในส่ิงที่ถูกต้อง วางใจในการช่วยกู้ของพระเจ้า
เมื่อท่านศึกษาเฝ้าเดี่ยวพระธรรมดาเนียลแล้ว ไม่ดำเนินชีวิตเรียกร้องการข่มเหง การทดสอบ ความทุกข์ยากลำบาก แต่รักษาชีวิตของตนให้ดี เติบโตขึ้นในความเชื่อ จนวันหนึ่งที่เจอการข่มเหง ขอให้ตัดสินใจตอบสนองอย่างถูกต้องต่อพระเจ้า
ปฏิมากรทองคำ
1กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างปฏิมากรรูปหนึ่งด้วยทองคำ สูง 27 เมตร กว้างเกือบ 3 เมตร ทรงตั้งไว้ ณ ที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน 2แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์รับสั่งให้ประชุมพวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของมณฑล ให้เข้ามาในงานฉลองปฏิมากรซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น 3แล้วพวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของมณฑลได้เข้ามาประชุมเพื่องานฉลองปฏิมากร ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น เมื่อเขาทั้งหลายมายืนอยู่หน้าปฏิมากร ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น 4โฆษกก็ประกาศเสียงดังว่า “พระราชามีพระราชโองการมายังชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา 5เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ให้ท่านกราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำ ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้ 6ผู้ใดไม่กราบนมัสการก็ให้โยนผู้นั้นเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที” 7เพราะฉะนั้นพอประชาชนได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาก็กราบนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้
8ในครั้งนั้นพวกเคลเดียบางคนมาเข้าเฝ้า และฟ้องพวกยิวโดยเจตนาร้าย 9เขาทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ 10ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททรงออกกฤษฎีกาแล้วว่า ทุกคนที่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด จะต้องกราบนมัสการปฏิมากรทองคำ 11ผู้ใดไม่กราบนมัสการก็จะถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ 12มีคนยิวบางคนที่ฝ่าพระบาทแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลนคือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ข้าแต่พระราชา คนเหล่านี้ไม่เชื่อฟังกฤษฎีกาของฝ่าพระบาท เขาไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้”
13แล้วเนบูคัดเนสซาร์กริ้วจัด มีรับสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโกเข้ามา แล้วมีผู้พาคนเหล่านี้เข้ามาเฝ้ากษัตริย์ 14เนบูคัดเนสซาร์ตรัสแก่เขาว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเอ๋ย เป็นความจริงหรือไม่ ที่เจ้าไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของเราหรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งเราได้ตั้งไว้? 15เอาเถอะ ถ้าเจ้าพร้อมใจแล้ว พอเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด เจ้าจงกราบนมัสการปฏิมากรซึ่งเราได้สร้างไว้ แต่ถ้าเจ้าไม่นมัสการ ก็จะต้องโยนเจ้าเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที แล้วพระองค์ไหนจะช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากมือของเราได้?”
16ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกทูลพระราชาว่า “ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระบาททั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องตอบฝ่าพระบาทในเรื่องนี้ 17ข้าแต่พระราชา ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัตินั้น พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท 18ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่า พวกข้าพระบาทจะไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งขึ้น”
เตาที่ไฟลุกอยู่
19แล้วเนบูคัดเนสซาร์ทรงเกรี้ยวกราดยิ่งนัก พระพักตร์ของพระองค์ก็แสดงความไม่พอพระทัยชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์มีรับสั่งให้ทำเตาไฟให้ร้อนกว่าปกติอีกเจ็ดเท่า 20และพระองค์มีรับสั่งให้บางคนที่มีกำลังมากในกองทัพมามัดชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก และให้โยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ 21แล้วคนเหล่านี้ก็ถูกมัดไว้ขณะที่ใส่เสื้อ กางเกง หมวก และเครื่องแต่งกายอื่นๆ และถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ 22เนื่องจากพระบัญชาของกษัตริย์นั้นเร่งด่วนมาก และเตาไฟก็ร้อนจัด เปลวไฟจึงได้ฆ่าคนที่อุ้มชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก 23และชายทั้งสามนี้คือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็ตกลงไปในเตาไฟที่ลุกอยู่ทั้งๆ ที่ยังถูกมัด
24ขณะนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประหลาดพระทัย ทรงลุกขึ้นโดยฉับพลัน พระองค์ตรัสกับบรรดาพระสหายของพระองค์ว่า “เรามัดสามคนโยนเข้าไปในไฟไม่ใช่หรือ?” เขาทูลตอบพระราชาว่า “ข้าแต่พระราชา จริง พ่ะย่ะค่ะ” 25พระองค์ตรัสตอบว่า “แต่เราเห็นสี่คนกำลังเดินอยู่กลางไฟ ไม่ถูกมัดและไม่เป็นอันตราย รูปร่างของคนที่สี่นั้นดูเหมือนองค์เทพบุตร”
26แล้วเนบูคัดเนสซาร์เสด็จมาใกล้ประตูเตาที่ไฟลุกอยู่นั้น ตรัสว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด จงออกมาเถิด จงมาที่นี่” แล้วชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็เดินออกมาจากไฟ 27พวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล และพระสหายของกษัตริย์ก็ห้อมล้อมเข้ามา เห็นว่าไฟไม่มีอำนาจอะไรเหนือร่างกายของคนเหล่านี้ ผมบนศีรษะของเขาก็ไม่งอ เสื้อก็ไม่เสียหาย ไม่มีกลิ่นไฟที่ตัวพวกเขาเลย 28เนบูคัดเนสซาร์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์ผู้ทรงใช้ทูตสวรรค์มาช่วยกู้ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ที่วางใจในพระองค์ ไม่ฟังคำบัญชาของกษัตริย์ และยอมพลีชีวิตของเขาเสียดีกว่าปรนนิบัติและนมัสการพระอื่น นอกจากพระเจ้าของพวกเขาเอง 29เพราะฉะนั้นเราจึงออกกฤษฎีกาว่า ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาคนใด ที่กล่าวลบหลู่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก จะถูกทึ้งแขนขาออกเสีย และบ้านเรือนของเขาจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย เพราะไม่มีพระอื่นใดที่สามารถช่วยกู้แบบนี้ได้” 30แล้วกษัตริย์ทรงเลื่อนยศชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ให้สูงขึ้นอีกในมณฑลบาบิโลน
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย
A : Attitude
เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?
การยืนหยัดเพื่อนมัสการพระเจ้า แม้ดูเหมือนจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากผ่านการทดสอบนี้ไปได้ จะเกิดผลดีในชีวิต
การมีความเชื่อ มีความมั่นใจในพระเจ้าที่เรานมัสการ เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราผ่านการทดสอบ การยากลำบาก การข่มเหงได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า เราร้องขอ หรือท้าทายการข่มเหงในชีวิต อย่างก้าวร้าว หรือต้องการทดสอบความเชื่อของเรา โดยหาเรื่องให้ตัวเองรับการข่มเหง
พระเจ้าให้เรามีสติปัญญาด้วยในการดำเนินชีวิต การรักษาชีวิตไว้ไม่ให้ตายก่อนถึงเวลาก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่หากต้องเสียสละชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อการยืนหยัด เพื่อการยึดมั่นความเชื่อในพระเจ้าถ้าเราตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระเจ้า เราก็จะมีประสบการณ์เหมือนดาเนียล คือ อาจจะรอดได้รับการช่วยเหลือ
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่โดนข่มเหงแล้วจะรอด เพราะประวัติศาสตร์บอกว่ามีผู้เชื่อมากมายตายเพราะความเชื่อ แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่เราต้องตระหนักว่า มนุษย์เราทุกคนต้องตายเพราะบาปของตนเช่นกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ผู้เชื่อที่มีความเข้าใจเรื่องการมีชีวิตกับพระคริสต์อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะไม่กลัวการถูกข่มเหง แต่ไม่เรียกร้องหาการข่มเหง
C : Christ in focus
เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?
พระเยซูคริสต์ถูกตรึงบนกางเขนอย่างทนทุกข์ทรมาน แต่ก่อนหน้านั้นพระองค์ทราบล่วงหน้าว่าพระองค์จะต้องทรงทนทุกข์ ทรมานเพื่อตายไถ่บาป แต่พระองค์ไม่ได้ปฎิเสธการทนทุกข์นี้ พระองค์ไม่หนี แต่พระองค์ไปกางเขนเพื่อรับโทษบาปแทนเรา
ทำให้พระเจ้าได้รับพระเกียรติเมื่อพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย มีชัยชนะเหนือบาป เหนือมารซาตาน และพระเยซูเป็นพระเจ้าที่ช่วยเหลือเราจากความตาย ความบาปได้ เราได้รับการยกโทษความบาปผิดได้ เมื่อเราเชื่อวางใจในพระนามของพระเยซูคริสต์ และเชื่อวางใจในพระราชกิจของพระองค์
T : Transformation
เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง?
มีชีวิตที่ดำเนินด้วยความเชื่อ ยืนหยัดเพื่อความเชื่อ ไม่ประณีประนอมกับเนื้อหนัง ตัณหา หรือความบาป แต่ให้ยืนหยัดด้วยความเชื่อมั่นในพระเจ้า ทำในส่ิงที่ถูกต้อง ไม่กลัวผู้ข่มเหง วางใจในการช่วยกู้ของพระเจ้า
S : Serve
เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?