อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี เทศนาบ่าย อา 3 มี.ค.19
คริสตจักรอันติโอเกียสวนมะลิ
ไปจนสุดปลาย และเต็มแผ่นดิน
การเทศน์หัวข้อวันนี้เป็นเรื่องยาก เพราะจะให้คริสตจักรอยู่ที่สถานนมัสการเดิม หรือจะให้ย้ายไปซื้อที่ดินและสร้างใหม่ ก็จะมีฝ่ายที่ถูกใจและไม่ถูกใจ การเทศนาในวันนี้จึงเป็นเรื่องที่ยาก
ความจริงในการรับใช้พระเจ้า หากชีวิตติดอยู่กับความสะดวกสบาย ความคล่องตัว เวลาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เราไม่ค่อยชอบเพราะเราจะไม่สบายแต่ความจริงอีกด้าน คือ เรื่องอารมณ์ด้านที่เราคุ้นเคย ด้านเหตุผลเวลาจะย้ายไปเราก็ดูความคล่องตัว แต่ในส่วนของอารมณ์เป็นเรื่องที่อธิบายยาก
วันนี้ไม่ได้มาปลุกใจให้เราดำเนินชีวิตคริสเตียน ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่อยากให้เราระมัดระวังในการดำเนินชีวิต และในการรับใช้ โดยให้เราเรียนจากประวัติศาสตร์สองช่วงเวลาคือ ใน ลก24:44-49 กับในปฐมกาล
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “นี่เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราบอกไว้กับท่านทั้งหลายขณะที่เรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส ในหมวดผู้เผยพระวจนะ และในหมวดเพลงสดุดีที่กล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ” 45แล้วพระองค์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่างเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์ 46พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีถ้อยคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม 47และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม 48พวกท่านเองก็เป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ 49นี่แน่ะ เราจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญานั้นลงมาเหนือท่าน แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุง จนกว่าท่านจะสวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน
พวกยิวไม่เข้าใจพระคัมภีร์ ดังนั้นพระเจ้าต้องสำแดงให้เข้าใจ ให้เกิดความสว่างในใจ เพื่อพวกเขาจะดำเนินชีวิตตามพระวจนะได้ พระเยซูอธิบายเรื่องความรอดมาถึงมนุษย์ชาติ ผ่านการส้ินพระชนม์ของพระองค์
พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่แตกต่างจากโมเสส ยิวรับรู้โมเสสในฐานะวีรบุรุษพาบรรพบุรุษออกจากอียิปต์
แต่พระเยซูมาโดยการสิ้นพระชนม์พระองค์เพื่อคนบาป แต่เมื่อเราเข้าใจราชกิจของพระเยซูแล้ว เราต้องทำอะไร
ข้อ 48 พวกท่านเองก็เป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้
บอกให้เราออกไปเป็นพยาน
กจ1:8แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
บอกให้พวกสาวกรอรับฤทธิ์เดชเพื่อจะเป็นพยาน เพื่อออกไปรับใช้
กจ2:41คนทั้งหลายที่รับถ้อยคำของเปโตรก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน
มีคนเชื่อสามพันคน เปโตรไม่รู้จะวางแผนเลี้ยงดูติดตามผลยังไง เพราะไม่ได้มีแผนเตรียมพร้อมจะรองรับคนที่มาเชื่อ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีปัญหาเรื่องสถานที่ เพราะ พวกเขาไปนมัสการตามบ้าน อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขามากันเชื่อพระเจ้าเป็นครอบครัว
ลก24:47 และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม
ให้ประกาศทั่วทุกประชาติ ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม
ข้อ 49 นี่แน่ะ เราจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญานั้นลงมาเหนือท่าน แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุง จนกว่าท่านจะสวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน
เป็นของกจ1:8 ลกบันทึกตามลำดับ เริ่มกรุงเยรูซาเล็ม
ลก1:1-4 เนื่องจากมีหลายคนอุตส่าห์เรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ซึ่งสำเร็จแล้วในท่ามกลางเรา 2ตามที่คนเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้ที่ได้เห็นกับตาเองตั้งแต่ต้นและเป็นผู้ประกาศพระวจนะนั้นแสดงให้เรารู้ 3เพราะเหตุนี้ หลังจากที่ข้าพเจ้าสืบเสาะเรื่องราวเหล่านี้อย่างละเอียดตั้งแต่แรก จึงเห็นดีด้วยที่จะเรียบเรียงเรื่องตามลำดับเพื่อท่านเธโอฟีลัสที่เคารพยิ่ง 4เพื่อให้ท่านรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้นที่เคยมีผู้แจ้งให้ท่านทราบ
นายแพทย์ลูกาเป็นผู้บันทึกพระธรรมกิจการ และพระธรรมลูกา
วันนี้เราจะมาดูบทเรียนจากประวัติศาสตร์ กจ2: มีคนเชื่อสามพันคนที่เยรูซาเล็ม
กจ2:43-47 เขาทั้งหลายมีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญมากมาย 44คนทั้งหมดที่เชื่อถือก็อยู่รวมกัน และนำทุกสิ่งมารวมเป็นของกลาง45และพวกเขาขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของมาแบ่งให้แก่กันตามความจำเป็น 46ทุกๆ วัน พวกเขาอุทิศตัวอยู่ด้วยกันในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้านของพวกเขา รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ 47ทั้งสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน
มีการรวมกันของผู้เชื่อ ร่วมถวายเป็นของกลาง มีคนมากลับใจใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน
กจ4:4 แต่คนจำนวนมากที่ฟังคำสอนนั้นก็เชื่อ จำนวนผู้ชายจึงเพิ่มขึ้นจนนับได้ประมาณห้าพันคน
ผู้ชายเท่านั้นเพิ่มขึ้น 5 พันคน ยังอยู่ในเยรูซาเล็ม
กจ5:14 และชายหญิงจำนวนมากก็เชื่อถือและเข้ามาเป็นสาวกของพระเจ้ามากกว่าก่อน
ชายหญิงเป็นอันมากมาเป็นสาวก
กจ6:7การประกาศพระวจนะของพระเจ้าก็เจริญขึ้น และจำนวนสาวกก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในกรุงเยรูซาเล็ม และพวกปุโรหิตจำนวนมากก็มาเชื่อถือ
พวกศิษย์ทวีขึ้น พวกปุโรหิตก็มาเชื่อ ในเยรูซาเล็ม
ถ้าเราสังเกตนำ้พระทัยพระเจ้า คือ ให้พวกยิวเขาไปเกิดผลต่อ ไม่ใช่ให้อยู่ที่เดิม คือ ที่เยรูซาเล็ม
พวกเขาอาจจะคิดว่าที่เดิมก็ดีแล้ว เพราะมีคนมาเชื่อพระเจ้าเยอะ ทำไมต้องไปที่อื่นต่อ ไม่มีเหตุผลสนับสนุน มนุษย์เรามีเหตุผลของเราตามตรรกะเจตนาที่ดี ภายใต้ความรับผิดชอบ เกี่ยวกับการประกาศ การเลี้ยงดู หลายครั้งงานของพระเจ้า ที่เราทำอยู่ทำให้เราไม่ได้ทำส่ิงที่พระเจ้ากำหนดให้เราทำจริงๆ
ถ้าดูสถานการณ์ตอนนี้พวกเขาคงไม่อยากไปไหน แต่พระเจ้าอยากให้เขาไปยูเดีย สะมาเรียน จนสุดปลายแผ่นดินโลก พระเยซูตรัสว่า บนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเรา เราได้มอบกุญแจสิทธิอำนาจให้กับคริสตจักร คริสตจักรเป็นสถาบันที่พระเจ้าตั้งไว้ เพื่อให้ความรอดของพระเยซูไปสู่มนุษย์ชาติ ตั้งแต่ที่เราอาศัยอยู่จนออกไปเรื่อยๆสุดปลายแผ่นดินโลก
อะไรก็ตามที่ทำให้คริสตจักร ขับเคลื่อนออกไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า การอยู่กับที่ไม่สอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า
การข่มเหงเกิดขึ้น มีผลกระทบจนสเตเฟนถูกฆ่าตาย กจ8:1และเซาโลก็เห็นชอบด้วยกับการฆ่าสเทเฟน
เกิดการข่มเหงใหญ่ พวกศิษย์กระจัดกระจายไปยูเดีย สะมาเรีย แต่พวกอัครฑูตก็ยังไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น ทั้งๆที่ได้ยินตั้งแต่ กจ1:8 แต่พวกเขาก็ไม่ไปไหน เพราะคิดว่าต้องอยู่แก้ไขปัญหาเพราะกำลังมีปัญหา จะหนีไปได้อย่างไร
การประกาศเกิดขึ้นที่ยูเดีย สะมาเรีย การประกาศเกิดขึ้นตามที่พวกเขากระจัดกระจายไป การให้คริสตจักรมั่นคงแล้วค่อยขับเคลื่อนออกไป เพื่อให้ข่าวประเสริฐมีอิทธิพลตามชุมชนที่อยู่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า อาจเป็นกับดัก
กับดักของคริสตจักรที่มีอาคารห้องประชุม สำนักงานมั่นคงดีแล้ว คือ พวกเขาจะไม่ออกไปไหน ไม่เคลื่อนไหว
เพราะถ้าออกไปแล้วไปสร้างกับดักใหม่ จะออกไปทำไม หากจะออกไปตั้งคริสตจักรใหม่ ต้องไปเพื่อให้แผนการความรอดของพระเจ้า ไปถึงชุมชน ไปถึงผู้คน แม้ว่าไม่สะดวก ไม่สบาย ไม่คล่องตัว ก็ต้องไป
กจ 8-10 สาวกระดับสมาชิกโดนข่มเหงกระจัดกระจายไปหมดแล้ว แต่พวกอัครฑูตยังไม่ออกไปไปจากเยรูซาเล็ม จนพระเจ้าต้องสำแดงกับเปโตรให้เขาไปหาคนต่างชาติ เมื่อเขากลับมาเขาต้องชี้แจงกับผู้นำในเยรูซาเล็มว่า พระเจ้าให้เขาออกไป ขอให้เราระมัดระวังความเป็นคนที่มีเหตุผลจอมปลอม ดูดีแต่ไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า
การย้ายคริสตจักรในแต่ละครั้งจะมีสมาชิกส่วนหนึ่งไม่ไปด้วย แต่เราต้องช่วยสมาชิกเหล่านั้นให้มีที่สามัคคีธรรม
ห้ามโกรธกัน หากจะไปก็ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องสถานที่ หรือกิจกรรมที่ต่างกัน
เราต้องระวังเรื่องไม่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ทั้งๆที่พระเจ้าทรงนำให้เราขับเคลื่อนให้ออกไป
ปฐก1:28 พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขาตรัสกับพวกเขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด”
จงมีลูกดกทวีคูณ แต่ทุกวันนี้เราคุมกำเนิดกันใหญ่ ซึ่งเราคิดว่ามันชอบด้วยเหตุผล แต่ไม่ใช่ความจริงตามสัจธรรมพระคัมภีร์
น้ำพระทัยพระเจ้า พระเจ้าอวยพรให้มีลูกเต็มแผ่นดิน
ปฐก6:1-4อยู่มามนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง 2บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดีก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา 3พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “วิญญาณของเราจะไม่ต่อสู้กับมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง วันเวลาของเขาคือ 120 ปี” 4เวลานั้นมีคนเนฟิลอยู่บนแผ่นดิน ภายหลังที่บุตรชายของพระเจ้าเข้าหาบุตรหญิงของมนุษย์และมีบุตร คือ พวกที่เป็นเหล่านักรบในโบราณกาล เป็นพวกที่มีชื่อเสียง
มนุษย์มากขึ้นเต็มแผ่นดิน แต่ชั่วร้าย ความชั่วร้ายถูกล้างจากแผ่นดินแต่ไม่ได้ล้างจากมนุษย์ เหลือครอบครัวโนอาห์
ปฐก9:1พระเจ้าทรงอวยพรโนอาห์และบุตรทั้งหลายของเขา ตรัสแก่พวกเขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน
พระเจ้าอวยพรให้มีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน พระเจ้าอวยพรอีกครั้งเหมือนคำอวยพรตั้งแต่ปฐมกาล หลังจากจัดการความบาปทั้งแผ่นดินโลกแล้ว
ปฐก11:1-4ในเวลานั้นคนทั่วโลกพูดภาษาเดียวกัน และมีศัพท์สำเนียงเดียวกัน 2เมื่อย้ายไปทางทิศตะวันออก ก็พบทุ่งราบในดินแดนชินาร์ จึงตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นั่น 3แล้วพวกเขาก็พูดกันว่า “มาเถิด เราจงทำอิฐ และเผาให้สุกแข็ง” เขาจึงใช้อิฐต่างหิน และใช้ยางมะตอยต่างปูน 4พวกเขาจึงว่า “มาเถิด ให้เราสร้างเมืองขึ้นสำหรับเราและสร้างหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้ เพื่อเราจะไม่ถูกทำให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินโลก”
พวกเขาไม่อยากกระจายไป พวกเขาอยากอยู่ในที่แห่งเดียว แต่พระเจ้าอยากให้พวกเขากระจายไป
ดังนั้นพระเจ้าจึงเข้ามาแทรกแซงอย่าให้พวกเขาเข้าใจกันได้ พระเจ้าทำให้เขากระจัดกระจาย (8) พระยาห์เวห์จึงทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดิน คนเหล่านั้นก็เลิกสร้างเมืองนั้น
จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทั้งสองเหตุการณ์นี้
ทำให้เห็นว่าคริสตจักรเป็นสถาบันเดียวที่พระเจ้าใช้เพื่อให้ความรอดมาถึงมนุษย์ชาติ โดยพระเยซูเป็นศรีษะของคริสตจักร และแผนการความรอดมาทางพระเยซู
ขอให้การออกไปตั้งคริสตจักร มาจากความตั้งใจในการตั้งคริสตจักรใหม่ ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความแตกแยก ขอให้รักษาท่าทีต้องระวัง พระเจ้าจะไม่แทรกแทรงกิจการของคริสตจักรจนกว่าเราจะขัดน้ำพระทัยพระเจ้า คริสตจักรเป็นหลักและรากแห่งความจริงของสังคม เราต้องนำคริสตจักรให้ชุมชนได้สัมผัสความรักความรอดทางพระเยซู ไม่ใช่เอาเหตุผลความสะดวกมาเป็นหลักในการตัดสินใจจะตั้งคริสตจักร หรือไม่ตั้งคริสตจักร แต่ขอให้เห็นแก่พลังในการขับเคลื่อนของคริสตจักรในการพลิกฟื้นชุมชนจริงๆ เป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อผมเริ่มรับใช้กับคริสตจักรที่ตรอกถั่วงอก เวลาที่ออกจากตรอกถั่วงอกไปสุขุมวิทเพราะย่านสุขุมวิทเป็นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ แต่คนไม่สนใจข่าวประเสริฐ เราเร่ิม คริสตจักรโดยไม่มีเงิน แต่ก็ได้ไปตั้งคริสตจักรเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า คริสตจักรพระเจ้าทรงเรียก ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กๆ ตรงสุขุมวิท 6 ปัจจุบันเป็นคริสตจักรใจสมาน มีคริสตจักรลูกเกิดขึ้นสามสิบกว่าคริสตจักรแล้ว ขอหนุนใจให้กล้าที่จะก้าวออกไป
ทุกๆการพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่ทุกๆการเปลี่ยนแปลงจะนำการพัฒนา เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ผิดพลาดไม่ได้นำไปสู่การพัฒนาแต่นำไปสู่ความหายนะ
ขอให้เราตระหนักว่าการขับเคลื่อนคริสตจักร เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า คริสตจักร จะเกิดผล ไม่ใช่เกิดผลมากแล้วหยุด หรือรอ หรืออยู่กับที่ ระวังเหตุผลจอมปลอม ที่ขัดขวางน้ำพระทัยพระเจ้า
ทุกๆ คริสตจักรจะมีการเปลี่ยนแปลงฤดูใหม่ มีการเปลี่ยนวาระใหม่ มีการเปลี่ยนฤดูกาลใหม่แห่งการเก็บเกี่ยว