กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันพุธที่ 14 พ.ย.18
ดูคล้ายแต่ไม่เหมือนกัน คือ หัวข้อที่ผมต้องการนำเสนอ คือ เรื่องชีวิตคริสเตียนที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก หมายความว่า
คริสเตียนตัดสินใจจะทำหรือจะไม่ทำอะไร ต้องมีพื้นฐานจากพระคัมภีร์ พระเจ้าสอนว่าอย่างไร
เช่น จะแต่งงานกับใคร , จะไปลงทุนกับคนไม่เชื่อพระเจ้าได้ไหม , จะทำงานต่างประเทศหรือในประเทศ , จะเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนดี เป็นต้น
ดังนั้นคริสเตียนจำเป็นต้องรู้จักพระทัยของพระเจ้าผ่านพระคัมภีร์ แต่ปัญหาคือ คริสเตียนเป็นจำนวนมากไม่เข้าใจเรื่องที่ตนเองต้องสัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ให้ถูกต้องได้อย่างไร
วันนี้ผมจึงขอนำเสนอวัตถุประสงค์ของแต่ละกิจกรรมที่พระคัมภีร์มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตคริสเตียน ซึ่งดูคล้าย แต่ไม่เหมือนกัน ที่ผ่านมาจากประสบการณ์ของตนเองที่ได้ทำมาทุกขั้นตอนแล้ว ดังนี้ครับ
1.การอ่านพระคัมภีร์
มีวัตถุประสงค์พื้นฐานให้เราได้เนื้อหาจากพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้น หรือข้อมูลปฐมภูมิ จากพระคัมภีร์ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนแรกของการศึกษาพระคัมภีร์ ถ้าไม่มีขั้นตอนการอ่านนี้ ขั้นตอนอื่นก็ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้
พระคัมภีร์มี 66 เล่ม ต้องอ่านให้หมด ไม่ต้องกังวลเรื่องอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ขอให้อ่านไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นวิวรณ์ หรือเลวีนิติ และไม่ใช่อ่านเพียงรอบเดียวทั้งชีวิต แต่ต้องอ่านไปเรื่อยๆตลอดชีวิต ส่วนจะบันทึกหรือไม่บันทึกก็ได้ แต่ต้องอ่านให้หมด แล้วเราจะมีประสบการณ์เข้าใจแบบพระเจ้าทำให้เราเข้าใจผ่านการอ่านพระคัมภีร์
2.การเฝ้าเดี่ยว
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เราใช้เวลาส่วนตัว สร้างความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน ผ่านการนมัสการ ผ่านการนิ่งใคร่ครวญ และการอ่านพระคัมภีร์ เพื่อจะได้รับพระดำริ หรือพระทัยของพระเจ้า จดบันทึกไว้เพื่อรอพระเจ้าตอบคำอธิษฐาน
ถ้าเราทำเป็นประจำ เราจะเห็นส่ิงที่พระเจ้าตรัสจะเกิดขึ้นเป็นจริง และเราจะใกล้ชิดกับพระเจ้า มากขึ้นจนเราเองเห็นความเปลี่ยนแปลงความคิด จิตใจ นิสัยใจคอ คำพูด การกระทำเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า มากขึ้น
ผมได้จัดทำเวบไซต์ https://www.actsdaily.com (ปรึกษาอ.ประยูรตามภาพในการเก็บคำสอน เฝ้าเดี่ยวในเวบไซต์)เพราะต้องการจะนำการเฝ้าเดี่ยวของตนเองมาเป็นแนวทางให้คนที่เฝ้าเดี่ยวไม่เป็น หรือคนที่ไม่เฝ้าเดี่ยว หรือคนที่ยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญ ลองมาศึกษาดู ซึ่งผมเห็นว่ามีผลดีต่อจิตวิญญาณของตัวเองทุกด้านครับ แรงบันดาลใจเกิดขึ้นเมื่อเรียนพระคัมภีร์กับอ.ประยูร ท่านให้ส่งเฝ้าเดี่ยวทุกครั้งที่มีการเรียนกับท่าน จึงทำให้เฝ้าเดี่ยวเป็นชีวิตเลยครับ
3.การศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัว
มีวัตถุประสงค์ให้เราสามารถแสวงหาคำตอบจากพระเจ้าเป็นการส่วนตัวได้ เมื่อพระเจ้าให้เรามีความสนใจ ให้มีภาระใจ หรือเราต้องการการตัดสินใจสำคัญบางอย่าง จะทำให้เรามั่นใจพระเจ้ามากขึ้นถ้าเราศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัวเป็น เช่น เราจะแต่งงานกับใคร , จะมีลูกดีหรือไม่ดี จะมีกี่คนดี, จะไปลงทุนกับคนไม่เชื่อพระเจ้าได้ไหม , จะทำงานต่างประเทศหรือในประเทศ , จะเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนดี เป็นต้น
แต่ถ้าเราศึกษาพระคัมภีร์ ส่วนตัวไม่เป็น เราก็ได้แต่รอคำตอบจากสถานการณ์โดยต้องสังเกตเอาเอง หรือไม่เราก็ต้องไปสอบถามจากคนอื่นๆ ที่รู้พระคัมภีร์ หรือเราต้องไปเดาเอาเองว่าพระเจ้าหมายความว่าอย่างไร ให้เราตอบสนองอย่างไร ผ่านการลองทำไปเลย ซึ่งมีความเสี่ยงผิดพลาด
แต่จะเป็นประโยชน์มากถ้าเรารู้จักการศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัว โดยมีพื้นฐานอย่างง่ายๆ ก่อน เช่น เรารู้ว่าพระธรรมแต่ละเล่มมีวัตถุประสงค์อย่างไร เขียนขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เรารู้จักโครงร่าง หรือบริบทที่เขียนพระธรรมแต่ละเล่ม หรือรู้ข้อมูลพื้นฐานพระคัมภีร์บ้างว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ในพระธรรมแต่ละตอน แต่ละเล่ม
เรื่องพื้นฐานต่อมาหากเรารู้ว่ามีเครื่องมืออะไรบ้างที่เราสามารถใช้ในการศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัวได้บ้าง และมีหนังสืออ้างอิงอะไรบ้างที่น่าเชื่อถือที่ค้นคว้าได้ด้วยตนเองได้
หรือการศึกษาพระคัมภีร์มีวิธีการง่ายๆขั้นต้นอะไรบ้าง ที่ทำให้เราศึกษาพระคัมภีร์ด้วยตนเองได้ เมื่อเราเข้าใจพื้นฐานการศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัวบ้างแล้วและหัดทำไปเรื่อยๆ มีการจดบันทึกไว้ คอยสังเกตการตอบคำอธิษฐานของพระเจ้า จดบันทึกไว้ ในที่สุดเราก็จะมีความชำนาญมากขึ้นๆ
4.การศึกษาพระคัมภีร์ในระบบ
มีวัตถุประสงค์ในการสร้างชีวิตเราให้เป็นคนมีวินัยฝ่ายวิญญาณ เติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณ เพื่อให้มีความรับผิดชอบ ทำให้เราสามารถเข้าใจการศึกษาพระคัมภีร์ได้เป็นระบบ สามารถเตรียมชีวิตในการรับใช้พระเจ้าได้ มีการฝึกวินัยชีวิตในการเรียน ในการทำการบ้าน ในความรับผิดชอบ ได้ทำกิจกรรมกลุ่ม ได้เพื่อนที่ในอนาคตอาจจะได้รับใช้พระเจ้าร่วมกัน
ได้แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับชีวิตของเราหลังจากจบการศึกษาพระเจ้าจะใช้เราไปทำอะไรให้เกิดผล ผ่านการค้นพบตนเองเมื่อได้ศึกษาพระคัมภีร์อย่างเป็นระบบในโรงเรียนพระคัมภีร์
บางครั้งบางโอกาสเราอาจได้พบเจอผู้รับใช้พระเจ้า อาจารย์สอน ที่อาจจะเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ ให้คำปรึกษา แนะนำ หรือเปิดโอกาสให้เราในการรับใช้ และพัฒนาตนเองในการรับใช้ได้มากขึ้น
ซึ่งผมได้พบอ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณีผ่านการเรียน 3 วิชา ที่โรงเรียนคริสต์ศาสนศาสตร์(สวนพลู) และได้ติดตามไปเรียนรู้นอกห้องเรียนกับอาจารย์ผ่านการไปเทศนาฟื้นฟู ผ่านการไปอบรมของอาจารย์ ผ่านการเทศนาตามคริสตจักรต่างๆ ซึ่งเป็นการเรียนภาคปฎิบัติที่ดีมาก
5.การศึกษาพระคัมภีร์เพื่อการรับใช้
มีวัตถุประสงค์เพื่อจะไปสอน หรือไปเทศน์ หรือทำบทเรียน หรือให้คำแนะนำ หรือตรวจสอบคำสอนที่ผิด หรือไม่สมดุล หรือผิดไปจากศาสนศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ หรือทำหลักสูตรการอบรมต่างๆ
ขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างมากที่ต้องมีความชำนาญในการศึกษาพระคัมภีร์แบบมืออาชีพ ไม่ใช่มือสมัครเล่น เนื่องจากจะมีผลต่อคนที่ฟังคำสอน หรือนำไปใช้ค่อนข้าง ทั้งทางดีและทางร้าย
หากสัมพันธ์กับพระคัมภีร์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่อ่านพระคัมภีร์ เฝ้าเดี่ยวด้วยพระคัมภีร์ (ไม่ใช่คู่มือ) ศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัว และไปเรียนพระคัมภีร์อย่างเป็นระบบที่โรงเรียนพระคัมภีร์ (ไม่ใช่เรียน on line ) สิ่งเหล่านี้จะทำให้สามารถทำขั้นตอนที่ 5 คือ การศึกษาพระคัมภีร์เพื่อการรับใช้จะเป็นประโยชน์มาก ยิ่งถ้าได้ติดตามผลว่าส่ิงที่เทศน์ สอน หรือทำบทเรียนไปแล้วมีผลดี ผลเสียอย่างไร ก็จะยิ่งทำให้พัฒนาการศึกษาพระคัมภีร์ ได้ดีมากขึ้น
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ