อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี เทศนา เสาร์ที่ 19 ม.ค.2019
คริสตจักรพระวิญญาณบริสุทธิ์
สดด119:150
ผู้ข่มเหงที่มุ่งร้ายมาใกล้แล้วพวกเขาอยู่ห่างจากธรรมบัญญัติของพระองค์
คำนำ
หลายคนมีประสบการณ์ชัดเจนกับพระเจ้า เพราะเวลาที่เจอวิกฤติแล้วไม่หวั่นไหว จะได้เห็นความย่ิงใหญ่ของพระเจ้าจากวิกฤติที่เราเผชิญอยู่ วิกฤติเป็นโอกาสที่จะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์ไม่ให้เราเจอปัญหาลำพัง พระองค์รอที่จะช่วยเหลือเราอยู่แม้วิกฤตินั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ตาม พระองค์สามารถช่วยได้เมื่อเราเข้ามาพึ่งพาพระองค์
หลายคนไม่สนใจำเตือนของพระเจ้า เพราะไม่ตระหนักว่าเหตุการณ์ร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับตนเองได้ วันนี้เราจะมาดูคำเตือนที่มาจากพระเจ้า ให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต มีความเป็นไปได้ 3 ด้าน ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อเราได้มาเชื่อพระเจ้า
1.เราอาจถูกข่มเหง
2.เราเป็นผู้ข่มเหง เช่น กดดันคนอื่น พูดไม่ดีกับคนอื่น ทำร้ายคนอื่น
3.เราไม่ได้ข่มเหงใคร และเราหลีกเลี่ยงที่จะไม่ถูกคนอื่นข่มเหง
พระวจนะของพระเจ้ามาเตือนคนของพระเจ้าบอกว่า ผู้ข่มเหงจ้องจะเล่นงานเรา ดังนั้นเราอย่าประมาท ที่น่ากลัวเพราะเราประมาทคิดว่าไม่มีใครรอข่มเหงหรือรอทำร้ายเรา เราจึงอาจจะเจอการข่มเหงทั้งทางฝ่ายร่างกาย ฝ่ายจิตใจ และฝ่ายจิตวิญญาณได้
พระธรรมตอนนี้ชี้ให้เราเห็นหลายอย่าง โดยเฉพาะคำเตือนจากพระเจ้า พระองค์เตือนคนที่อยู่ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า “มาใกล้แล้ว” คือ การเตือนคนของพระเจ้าที่เดินทางในของพระเจ้า ว่าการข่มเหงไม่ได้อยู่ไกล แต่มาใกล้แล้ว เรามาดูข้อสังเกตจากพระธรรมตอนนี้ คือ ถ้าเราฝักใฝ่ในทางของพระเจ้า เราจะโดนข่มเหง นี่เป็นความจริง
พระคัมภีร์บอกว่ามีหลายคน “พวกเขา” จะคอยข่มเหงเรา เราต้องระมัดระวังชีวิตเมื่อเดินบนเส้นทางของพระเจ้า
ยน15:18-21 “ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกท่าน ก็จงรู้ว่าโลกเกลียดชังเราก่อน 19ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้ โลกจึงเกลียดชังท่าน 20จงระลึกถึงคำที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้วว่า ‘บ่าวไม่ได้เป็นใหญ่กว่านาย’ ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงพวกท่านด้วย ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา พวกเขาก็จะปฏิบัติตามคำของพวกท่านด้วย
ดังนั้นโลกเกลียดชังคนของพระเจ้า เพราะท่านไม่ใช่คนของโลกนี้ ถ้าอยากให้โลกรักก็ต้องเดินตามฝ่ายโลก แต่คนที่เดินในทางของพระเจ้าจะมีคนคอยข่มเหง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เลย
1 มีจำนวนมาก (“พวกเขา” )
แสดงว่ามีจำนวนมากกว่าหนึ่ง ฟังดูเหมือนน่ากลัว เบื้องหลังคือ วิญญาณชั่วทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังการข่มเหง
หลายๆคริสตจักรเริ่มต้นจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน แต่หลายครั้งก็มีเหตุการณ์ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ทำให้เกิดความแตกแยก ทำให้มีความรู้สึกไม่ดีทั้งต่อตนเอง หรือต่อพี่น้อง หรือต่อคริสตจักร
บางคนคิดว่าเสียสละไปเป็นคนเลวต่อไปดีกว่า เพื่อไม่ทำให้คริสตจักรเดือดร้อนเพราะความบาปของตนเองมีมากเหลือเกิน สร้างปัญหามากเหลือเกิน ถูกหลอกทางความคิดเพราะคิดว่าตนเองเป็นคนบาปไม่อยากทำร้ายคนดี คนของพระเจ้า รวมถึงคนอื่นๆด้วย นี่เป็นความคิดไม่ถูกต้อง โดนมารหลอกแล้ว ต้องกลับใจใหม่ต่างหาก
2 น่ากลัว (เพราะพวกเขาอยู่ห่างจากธรรมบัญญัติของพระองค์)
ความน่ากลัวคือ พวกเขามุ่งร้าย ไม่ปราณีเรา เขาตั้งใจจะฆ่าเราให้ตายอย่างเดียว ไม่อะลุ้มอะล่วยแก่เรา ไม่ประนีประนอมกับเรา เป้าหมายของคนข่มเหงเหล่านี้ คือ เพื่อให้ผู้เชื่ออยู่ห่างจากทางของพระเจ้า
ยน10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ขโมยมาเพื่อลักฆ่า ทำลาย แต่พระเยซูมาเพื่อให้ชีวิตของพระองค์แก่เรา แต่ขโมยจะลักลอบเข้ามา เอาความรู้สึกดีๆของเราต่อพระเจ้าไป เอาความรักต่อพี่น้องไป เอาความรักต่อคริสตจักรไป เพราะมารมาเพื่อจะลัก ฆ่า ทำลาย
เหตุการณ์นี้เหมือนเช่นกันกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มนุษย์คู่แรกถูกสร้าง พระเจ้าบอกว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ ถ้าเจ้ากินวันใดเดี๊ยวพวกเจ้าจะตาย มีคำเตือนแค่ประโยคเดียวเองสำหรับมนุษย์ในเวลานั้น แต่สำหรับในปัจจุบันนี้จำเป็นต้องมีพระธรรมเป็นเล่ม หนาๆ เพราะผู้ข่มเหงมีวิธีการมากมายในการล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป กับพระเจ้า พระเจ้าจึงต้องให้บันทึกไว้เพื่อเราจะรู้และเอาชนะได้
พระเจ้ายิ่งใหญ่มาก ถ้าเราไม่มีพระเจ้าเราก็กลายเป็นคนกระจอกมาก พระเจ้าบวกกับเรา เราจะไม่กระจอก
ระมัดระวังอย่าเดินไกลห่างจากพระเจ้า ต้องใกล้ชิด ต้องติดสนิทกับพระเจ้า
อฟ6:12 ไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนัง แต่สู้กับวิญญาณชั่ว
คริสเตียนต้องระวังการโจมตี ทั้งทางด้านจิตใจ เพราะส่งผลทำให้หมดกำลังใจ ต่อให้ความเชื่อเราเข้มแข็งแค่ไหน แข็งแรงแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเราหมดใจ เราก็จะกลายเป็นหุ่น กลายเป็นซากทำอะไรไม่ได้ ต่อให้พระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้าเราหมดใจเราก็แป๊ก เพราะพระเจ้า ไม่สามารถเคลื่อนไหวผ่านชีวิตของเราได้ ดังนั้นคริสเตียนต้องระมัดระวัง การดำเนินชีวิตให้ดี
3 อยู่ใกล้ตัวแต่เราไม่รู้ (มาใกล้แล้ว)
แสดงว่า ปัญหา หรืออันตรายนี้ อยู่ใกล้ตัวเรามาก แต่คำถามคือว่า เราเห็นปัญหานี้หรือไม่ เราเห็นมันหรือไม่ มารซาตานมันเป็นวิญญาณชั่วร้าย แต่คริสเตียนเราไม่รู้ว่ามันอันตรายถึงชีวิตมาก คริสเตียนเราไม่เห็นอันตรายของฝ่ายวิญญาณ เพราะถ้าเรารู้ความจริงเรื่องนี้ พระเจ้าไม่ต้องมาเตือนเรา แต่เพราะคริสเตียนไม่รู้ พระเจ้าจึงต้องให้มีการเตือน
ผู้ข่มเหงมาทุกรูปแบบทั้งมาดี และมาแบบไม่ดี มีทั้งแฝงตัวมาทำให้เราไม่รู้ตัว ทำให้เราเข้าใจผิด และคิดว่ามารเป็นมิตร พระเจ้าจึงต้องเตือนเราให้ดังขึ้นๆ
1ปต5:8 จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้
พระคัมภีร์บอกว่ามารมันเดินวนเวียนรอบตัวเรา หาโอกาสกัดกินเรา ทำลายเรา มันพยายามทำให้เรารู้สึกดีเมื่อเราอยู่ใกล้มาร หรือให้เรารู้สึกดีเมื่อเรารักโลก
ระวังอย่าออกจากเส้นทางของพระเจ้า ทางของพระเจ้าบางครั้งมันแคบ บางครั้งอาจจะสูง แต่ไม่มีอันตรายแน่นอน เพราะพระเจ้าอยู่ด้วย ทางของมารอาจจะสบาย อาจจะกว้างแต่ปลายทางตายฝ่ายวิญญาณได้ อย่าออกนอกจากทางของพระเจ้า มารทำให้เราไม่รู้สึกลัวมาร กลัวบาป เช่น ทำให้บันเทิง สนุก มันหลอกให้เราเข้าไปในทางของมาร ดูเหมือนให้พระพรกับเรา ให้เราร่ำรวยจาก การทำผิดกฎหมาย จากการโกง ส่ิงเหล่านี้เป็นพิษภัยไม่ใช่พร
ความมั่งคั่งมั่งมี หรือมีมั่ง ถ้าไม่ได้มาจากพระเจ้า ให้เรารู้จักปฎิเสธ พรของพระเจ้าต้องถวายเกียรติพระเจ้า ความน่ากลัวของสัตว์ร้ายเพิ่มขึ้นเพราะคนเอาสัตว์มาเลี้ยง เช่น ทำเสือให้เชื่อง เพื่อให้คนไปอยู่ใกล้ๆถ่ายรูป ฝรั่งคนนึงโดนเสือกัด
เสือคือเสือ มารคือมาร อย่าไปรู้สึกดีกับมาร
1ยน2:15-17 อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น 16เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก 17และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
มารจะทำให้เราหลงรักโลก โลกจะรักเรา เพื่อให้เรารักโลก แต่เราจะสูญเสียความรักต่อพระเจ้า พรของพระเจ้าไม่เกี่ยวกับเนื้อหนัง ของตา ความโลภ กิเลส ความอยากเป็นใหญ่ แต่ขอให้เป็นพรที่มาจากพระเจ้า
ยก4:7เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป
ถ้าอยากระวังตัวให้ดี จงนอบน้อมต่อพระเจ้า ต่อสู้กับมาร แปลว่าถ้าเรายินยอมถ่อมใจกับพระเจ้า เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระเจ้า ดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระเจ้า แล้วต่อสู้กับมาร มันจะหนีท่านไป
“ต่อสู้” แปลว่า อะไรที่มารมันยื่นให้เรา เราปฎิเสธ เราไม่ตอบสนองสิ่งที่มาร มันหยิบยื่นให้ แต่เราไม่ต้องไปท้าทายมาร เช่น ตาแทนตา ฟันแทนฟัน เราไม่ต้องตอบสนองตามเนื้อหนัง แต่ให้เราต่อสู้กับมารตามวิถีของพระเจ้า บางครั้งมาร มันรู้จักใช้เหตุผลจอมปลอมจากพระคัมภีร์
มีนายพรานไปล่าสัตว์อยากได้หนังหมีเพราะมีราคาสูง อบอุ่น พอเจอหมีคนอื่นๆวิ่งหนีหมด นายพรานสู้ไม่ได้จึงหาทางเจรจา นายพรานอยากได้หนัง หมีอยากได้อาหาร สุดท้ายนายพรานอยู่ในท้องหมี
อย่ารักโลกไม่พอ แต่ต้องต่อสู้ด้วย มารจะหนี เพราะเรานอบน้อมกับพระเจ้า ไม่แข็งกระด้างกับพระเจ้า ไม่ใช่แข็งกระด้างกับพระเจ้าแต่นบนอบมาร อย่าประนีประนอมกับค่านิยมของโลก หรืออลุ้มอล่วย เช่น ซื้อหวยรัฐบาล คริสเตียนถูกหวยยังไม่กล้ามาเป็นพยานเลย การถูกหวยไม่ใช่พร มันเป็นพิษ คริสเตียนโกงแล้วรวยก็ไม่กล้าเป็นพยาน มารล่อเหยื่อเอาไว้ถ้าเราไปหุบไว้ เราจะตายอย่างเดียว มารมันไม่ปรานีชีวิตเราแน่นอน
พระเจ้าบอกมารให้ดูโยบเป็นตัวอย่าง มารบอกว่าเพราะพระเจ้าอวยพรโยบต่างหากโยบจึงรักพระเจ้า พระเจ้าจึงอนุญาตให้มารจัดการกับพระพรของพระเจ้าที่ให้กับโยบได้ แต่ห้ามแตะต้องชีวิตโยบ มารไม่ปราณีแม้ว่าเว้นชีวิตคนใช้ของโยบไว้ ก็เพื่อให้ไปบอกข่าวร้ายกับโยบ เพื่อทำให้โยบทำผิดบาปกับพระเจ้า แต่โยบไม่กล่าวโทษพระเจ้าแม้แต่คำเดียว โยบทำให้มารเข้าใจโยบผิดว่ารักพระเจ้าเพราะพรพร ในที่สุดมารรู้ว่าโยบรักพระเจ้าเพราะความเป็นพระเจ้าที่โยบรู้จักไม่ใช่รักพระเจ้าเพราะพระพร ตอนจบของเรื่องพระเจ้าคืนพระพรทุกอย่างให้โยบ
สดด1:1 บุคคลผู้เป็นสุขคือผู้ไม่เดินตามคำแนะนำของคนอธรรมไม่ยืนอยู่ในทางของคนบาปไม่นั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย
หลีกเลี่ยงการไปปรึกษาคนไม่เชื่อพระเจ้า เอวาพลาดเพราะฟังมาร กินแล้วจะเหมือนพระเจ้า
ไม่เดิน ไม่ยืน ไม่นั่ง ในทางคนอธรรม เลิกเด็ดขาดเลย พระเจ้าอวยพรให้เราถวายเกียรติพระเจ้า ไม่ต้องไปบนพระเจ้า หรือไม่ต้องทำให้คนเข้าใจพระเจ้าผิด อย่าไปปรึกษาเรื่องสำคัญๆของชีวิตกับคนไม่เชื่อ เพราะคำแนะนำที่เราทำตาม นั้นจะทำให้เรารับผลร้ายของปัญหามากกว่าที่เราคิด
4 เราจะต้องไม่ห่างจากธรรมบัญญัติของพระองค์
คำว่าห่างเกี่ยวกับระยะทาง แปลความว่า เราอย่าห่าง(ไกล)พระวจนะของพระเจ้า หรือ“ระยะ คือ ห่างไกล” คือ
หากคุณก้าวออกจากธรรมบัญญัติเพียงก้าวเดียว ก็เท่ากับคุณห่างไกลจากธรรมบัญญัติแล้ว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะห่างไกล100 กม. หรือ1 ก้าว ก็ห่างไกลจากธรรมบัญญัติเท่ากัน