อ.ประยูร สอนเรื่อง “หว่าน” 15-17 มี.ค. 19 คริสตจักรตราด
สอน 1 ตอนกลางคืน ศุกร์ที่ 15 มี.ค. 19
พระมหาบัญชาของพระเจ้ามีเรื่องการหว่านด้วย และเป็นหน้าที่ของเราในการทำตาม โดยการออกไปหว่าน
ความสัมพันธ์ของการหว่านและเวลา เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา การหว่านในการสอนครั้งนี้จะเน้นโดยคิดถึงผลของการหว่าน ไม่ใช่เรื่องเมล็ดที่หว่าน หรือวิธีการหว่าน แต่เน้นที่ผลที่จะได้รับจากการหว่าน
ปฐก8:22 ตราบที่โลกยังมีอยู่ จะมีฤดูหว่านกับฤดูเกี่ยว มีเย็นกับร้อน มีฤดูร้อนกับฤดูหนาว มีวันและคืนตลอดไป”
ตราบใดที่โลกยังมีอยู่จะมีฤดู มีวันและคืนตลอดไป พระเจ้ากำลังตรัสกับเราบางอย่าง มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ขอให้เราได้รู้พระดำริ พระเจ้าจะบอกให้เราทำอะไร ไม่ใช่สอนให้เรารู้ฤดูกาลหรือภูมิศาสตร์ เวลา และฤดูกาลจะอยู่กับโลกตลอดไป จะมีการหว่านและมีเวลา ควบคู่กับโลกตลอดไป
ส่ิงที่พระเจ้ากำหนด คือ ให้ชีวิตเรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา โลกนี้อยู่คู่กับฤดุกาล ตามเวลาที่พระเจ้ากำหนด ส่ิงที่สร้างมาจากพระเจ้าล้วนแต่ดีทั้งนั้น ปฐก1:31พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
พระคัมภีร์สอนให้เราเห็นความสำคัญของเวลาที่อยู่คู่กับโลก ชีวิตเราต้อง ดำเนินให้สัมพันธ์กับเวลา เราต้องให้ความสำคัญกับเวลา ให้เรารู้จักสังเกตเวลา สังเกตฤดูกาลและดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับเวลา
การหว่านๆ หว่านๆ เป็นฤดูหว่าน แล้วเราทำอะไรในฤดูหว่าน เวลานี้หมดเวลาสำหรับการคัดเมล็ดพันธ์ หมดเวลาสำหรับการหาเมล็ดพันธ์ุ ทุกอย่างมีกฎของมันอยู่ เวลาก็มีกฎของเวลา
พระเจ้ากำลังบอกเราว่า “หว่าน” แล้วเรากำลังทำอะไรอยู่ในฤดูหว่าน หว่าน หว่านซะ รีบไปหว่านซะ คุณหว่านหรือยัง
เราชอบคิดแต่เรื่องพระพรซึ่งพระพรเป็นเรื่องของฤดูกาลการเก็บเกี่ยว คุณเกี่ยวหรือยัง แต่คุณจะเกี่ยวสิ่งที่ไม่หว่านได้หรือ ถ้าเรารอแต่การเก็บเกี่ยวแต่เราไม่ได้หว่านในฤดูหว่าน เราจะเก็บเกี่ยวได้จริงหรือ
วันนี้เราต้องฟัง เปิดใจออก ถ่อมใจลง ให้พระเจ้าตรัสกับเรา และให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา
เรื่องการหว่านกับเรื่องเวลาเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก พระเจ้าจึงสอนให้เรารู้คุณค่าของเวลา เราจะมาเรียนรู้เรื่องการหว่าน กับเวลา
ประการที่ 1 เวลาสำคัญกับเราเทียบเท่าชีวิต
ชีวิต คือ เวลา ทั้งๆที่สองเรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกันแต่ผูกพันใกล้ชิดกันมาก ดูเหมือนว่า หากเรามีชีวิตเรามีเวลา ถ้าเราตายแล้วเราก็ไม่มีเวลา อีกมุมหนึ่งเวลาไม่ใช่ชีวิต เพราะว่าเวลายังดำเนินอยู่ตลอดไป แต่เราอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ ดังนั้นสองเรื่องนี้สำคัญต่อกัน แต่ไม่ใ่ช่เรื่องเดียวกันเสียทีเดียว
ถ้าเราคิดสักนิด เวลาที่เราบอกว่าผมไม่มีเวลาหว่าน แสดงว่าคุณจะไม่ได้หว่านเพราะคุณไม่มีชีวิต คุณไม่มีเวลา เมื่อพระเจ้าใช้เราทำ เราบอกว่าเราไม่มีเวลาสำหรับสิ่งที่พระเจ้าให้ทำ แต่เอาเวลาไปทำเรื่องที่ตอบสนองเนื้อหนัง ขอให้ระวังจะไม่มีเวลา ระวังจะไม่มีชีวิต
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการอธิษฐานก็อย่าปฎิเสธที่จะไม่ร่วม การอธิษฐานเป็นการหว่านอย่างหนึ่งในเรื่องหว่านฝ่ายวิญญาณ เพราะเราจะเก็บเกี่ยวในที่สุด หากเราไม่หว่าน ไม่อธิษฐาน เราจะเอาอะไรไปเก็บเกี่ยว ไม่มีใครเก่งกว่าพระเจ้าอยู่แล้วจริงไหม
เวลาที่คุณไม่อธิษฐานแสดง ว่าคุณเก่งกว่าพระเจ้าคุณรู้ไหม เพราะ คุณทำเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้า
กท6:7-8 อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่าน อะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 8 คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น
หว่านในด้านวิญญาณ ด้วยการอธิษฐาน เป็นการตอบสนองพระวิญญาณ ถ้าไปหว่านอย่างอื่นจะเก็บเกี่ยวอะไร คุณกำลังล้อพระเจ้าเล่นรู้ไหม บางคนบอกไม่บังอาจจะล้อเล่นกับพระเจ้า แต่พฤติกรรมที่ทำอยู่ คือ ล้อพระเจ้าเล่น
ในครอบครัวผมมีหลวงพ่อ หลวงปู่ เจ้าพ่อ เจ้าแม่อยู่เต็มหิ้ง เราไม่กล้าล้อเล่นกับส่ิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ แต่พอเจอพระเจ้าองค์สูงสุดกับกล้าล้อเล่นเป็นไปได้ไง
เวลาสำคัญสำหรับชีวิต ใช้เวลาในการหว่านชีวิตที่สนองพระวิญญาณ ไม่ใช่หว่านเนื้อหนังที่ทำให้เราเก็บเกี่ยวความตาย ทำให้เราเปื่อยเน่า คนที่ตายไปแล้วเป็นคนไม่มีเวลาหว่าน ขอให้เรากลับใจใหม่ อย่าบอกว่าเราไม่มีเวลาหว่านเรื่องฝ่ายวิญญาณตามที่พระเจ้าให้เราหว่าน
เรามักจะถูกหลอกในเรื่องเวลาจากปฎิทินปีหนึ่งมี 365 วัน คุณกำลังเข้าใจผิดคิดว่าเรามีเวลาหว่าน 365วัน จริงๆวันที่คุณหว่านต่างหากถึงจะเป็นประโยชน์กับคุณ มันอยู่ที่ว่าคุณใช้เวลา 365 หว่านกี่วันเท่าไหร่ต่างหากที่เป็นเวลาของคุณที่หว่านในฝ่ายวิญญาณ
บางคนใช้เวลาที่หว่านในฝ่ายวิญญาณ ได้หว่านแค่สัปดาห์เดียวไม่ได้หว่าน ทั้งปี แต่บางคนหว่านเพียงสัปดาห์เดียวในฝ่ายวิญญาณ แต่สัปดาห์เดียวนั้นมีผลต่อคนมากมายต่อไปอีกหลายๆปีก็ได้
ถ้าเราใช้ชีวิตตามการสำแดงของพระเจ้าชัดเจนเราจะเก็บเกี่ยวฝ่ายวิญญาณ ลองถามตัวเองดูว่าในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ประโยชน์อะไรในเรื่องการหว่านในฝ่ายจิตวิญญาณ ที่รอคุณไปเก็บเกี่ยวในด้านชีวิตจิตวิญญาณ ถ้าเรานึกไม่ออก ก็แสดงว่าไม่มีการหว่าน แล้วสองเดือนที่ผ่านมาแล้วละนึกออกไหม คุณได้หว่าน อะไรไปแล้วบ้าง แล้วเมื่อสองปีที่แล้วหว่านอะไรไป เพื่อจะเก็บเกี่ยวในอนาคต
คนไทยทั่วไปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อมาเชื่อพระเจ้า ลามปาม กับพระเจ้า ผมเคยเป็นแผลคันลามไปทั่วเริ่มจากแผลเล็กๆน้อยเท่านั้น เราอย่าล้อพระเจ้าเล่นๆ จากเรื่องเล็กๆน้อย ไปอีกเรื่องใหญ่โต ไม่เห็นคุณค่าเรื่องการหว่านในจิตวิญญาณ โดยการไม่ได้หว่านอะไรในคริสตจักรในฝ่ายวิญญาณ เราจะไม่ได้เก็บเกี่ยวในที่สุด
ประการที่ 2 เวลาเป็นผู้กำหนดลักษณะชีวิตของเรา
เราถูกกำหนดให้เกิดเป็นทารก โตขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นเด็กโตขึ้นมาอีกหน่อยเป็นวัยรุ่น โตขึ้นมาอีกหน่อยผู้ใหญ่ เป็นคนแก่ เราถูกเวลากำหนดให้เราตาย ไม่มีใครอยากตาย แต่เวลากำหนด ถึงเวลาไหนก็ต้องเป็นแบบนั้น อยู่ในวัยไหนก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของเวลาช่วงนั้น
ดังนั้นเวลากำหนดพฤติกรรมและลักษณะชีวิตของเรา เราต้องดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับช่วงเวลาความเติบโตของชีวิตเรา
ประการที่ 3 เวลาเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมของเรา
นอกจากกำหนดพฤติกรรมในชีวิตของเราแล้ว เวลายังควบคุบพฤติกรรมของเราด้วย เด็กก็ร้องอย่างหนึ่งเอาแต่ร้องไม่สนใจคนอื่น เอาแต่ใจตัวเอง ส่วนคนแก่ก็มีพฤติกรรมอีกแบบหนึ่ง ตอนกลางวันก็แบบหนึ่ง ตอนกลางคืนก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ขอให้เราดำเนินชีวิตเป็นปกติสุข โดยเราต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับกาลเวลา
รม13:11นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เราเริ่มเชื่อนั้น
เวลาตื่นจากหลับได้แล้ว แปลว่า ตื่นฝ่ายวิญญาณได้แล้ว ตอบสนองพระเจ้าได้แล้ว ไม่ใช่ตอบสนองฝ่ายแต่ความต้องการฝ่ายร่างกาย ฝ่ายเนื้อหนัง แต่ขอให้ดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับกาลเวลา พฤติกรรมที่คาดหวังว่าต้องมีจากนี้คือ การหว่านในเรื่องฝ่ายวิญญาณ ถ้าเราตื่นจากหลับแล้ว
มีเวลากำหนดสำหรับประเทศไทย วันที่ 24มี.ค. ให้เราไปเลือกตั้ง ก็เหมือน การหว่านเพื่อให้ได้ผู้นำที่ดี ให้เราไปหว่าน วันนี้เรื่องของจิตวิญญาณ หมดเวลาที่เราจะละเลยอีกต่อไป หมดเวลาไร้สาระแล้ว หมดเวลากับเรื่องไร้สาระได้แล้ว ให้สาระของชีวิตเป็นเรื่องจิตวิญญาณ ใช้เวลาในการหว่านในเรื่องที่ตอบสนองพระวิญญาณ ไม่ใช่เวลาที่จะไปทำอย่างอื่นแล้วในเวลานี้
ประการที่ 4 เวลากระตุ้นให้เกิดความสำนึกในความรับผิดชอบ
เด็กนักเรียนไปเรียนไม่อยากไปสาย คนทำงานไปทำงานก็ไม่อยากไปสาย แม้ว่าบ้านอยู่ไกลก็ต้องตื่นเช้าขึ้นเผื่อเวลาเดินทางมากขึ้น เพื่อจะรับผิดชอบต่อการทำงาน ดังนั้นเราถูกเวลากระตุ้นให้รับผิดชอบด้วยการจัดสรรเวลา บริหารเวลา แล้วเวลาสำหรับการที่เราต้องหว่านฝ่ายวิญญาณ เราถูกกระตุ้นจากเวลาให้ไปหว่านหรือไม่ เรารู้สึกรับผิดชอบหรือไม่
เวลาที่ป่าช้ากระตุ้นคนที่ป่าช้าได้ไหม คนที่ตายไปแล้ว เวลาไม่สามารถ กระตุ้นได้ อย่าทำคริสตจักรให้เหมือนป่าช้า มีกิจกรรมที่ไม่ได้กระตุ้นอะไรในฝ่ายวิญญาณเลย ร้องเพลงซ้ำๆ เรารู้สึกเบื่อไหม เราเบื่อเพราะเราไม่มีชีวิต ถ้าเรามีชีวิต เราจะมีความรับผิดชอบ เราจะถูกเวลากระตุ้นให้เราต้องรับผิดชอบ
วันนี้คริสตจักรท่านไม่ได้เชิญผมมาเพื่อฟื้นฟูคนตายใช่ไหม แต่ให้มาฟื้นฟูคนเป็น คือ คนที่ตอบสนอง คนที่ยังไม่ตาย
เวลาจะกระตุ้นให้เรารับผิดชอบถ้าเรายังมีชีวิต ขอให้เราเริ่มจากการกลับใจใหม่ เมื่อถึงเวลานมัสการเราจะนมัสการ ถึงเวลาไปประกาศก็จะออกไป เหมือน เกษตรกรเมื่อถึงฤดูหว่าน ก็ต้องออกไปหว่าน เวลาจะกระตุ้นให้เรารับผิดชอบ โดยการออกไปหว่าน เพราะมีฤดูกาลออกผล เราไม่ได้เก็บเกี่ยวผลได้ทุกฤดู ฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็ต้องเกี่ยว ซึ่งเกิดจากการดูแลเอาใจใส่ ต่อให้คุณพันธ์ดีขนาดไหนแต่หว่านผิดฤดูก็ไม่เกิดผล ทำให้ขาดทุนได้ เพราะต้องลงทุนมากกว่าคนที่หว่านในฤดูหว่าน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาต้องทำอะไรก็ให้สอดคล้องกับฤดูกาล ถ้าไม่หว่าน ฤดูหว่าน แล้วคุณจะไปหว่านฤดูไหน เวลากระตุ้นให้เรามีความรับผิดชอบในการหว่านฝ่ายวิญญาณ ถ้าเรายังไม่ตาย ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ เราจะไปหว่าน
ประการที่ 5 เวลาทำให้ชีวิตมีคุณค่า
ความตั้งใจที่ดี ความสามารถที่ดี ความเฉลียวฉลาดที่ดี ความกระตือรือล้นที่ดี รวมทั้งเป้าหมายที่ดี แผนการที่ดี จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าคุณไม่มีเวลาจะลงมือทำ
คุณค่าของความตั้งใจที่ดีคือ ผลงานท่ีดี ผ่านการให้เวลาลงมือทำ
2ธส1:11เพราะเหตุนี้ เราจึงอธิษฐานเพื่อพวกท่านเสมอ ขอพระเจ้าของเราทรงให้ท่านเป็นผู้ที่สมควรแก่การทรงเรียกนั้น และขอพระองค์ทรงให้ความตั้งใจดีทุกประการ และกิจการแห่งความเชื่อทุกอย่างสำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
ความตั้งใจดีทุกอย่างจะสำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า ถ้าคุณไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่คุณตั้งใจ แล้วพระเจ้าจะทำงานผ่านคุณให้สำเร็จได้อย่างไรด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ คุณต้องใช้เวลาในกิจการที่ใช้ความเชื่อด้วย แล้วนำความเชื่อนั้นมาแปลงเป็นการกระทำจากความตั้งใจที่ดี หากคุณมีเวลาสำหรับฝันแต่ไม่มีเวลาสำหรับทำ พระเจ้าก็ไม่มีช่องทางที่จะทำฝันของเราให้เป็นจริง
ขอให้ตั้งใจและมีเวลาทำตามความตั้งใจที่ดีจริง ฤทธิ์เดชของพระเจ้าจะช่วยให้สำเร็จได้ แม้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเก่ง คนรวย คนสวย คนที่ดูดี หรือมีประสบ การณ์ชีวิตเยอะหรือเราไม่ต้องรู้เยอะ ไม่ต้องจบโรงเรียนพระคริสต์ธรรม แต่มีความตั้งใจที่ดี และมีเวลาทำ เราจะสำเร็จเพราะฤทธิ์เดชของพระเจ้า
ทำไมคุณไม่หว่านรู้ไหม เพราะคุณคิดว่ามันจะไม่สำเร็จ
แต่พระเจ้าบอกว่ามันจะสำเร็จ ถ้าเราเริ่มต้นใหม่ในการหว่าน คนเป็นคริสเตียนส่วนใหญ่อยากตอบสนองพระเจ้า อยากรับใช้พระเจ้า แต่ไม่หว่านเพราะคิดว่าจะไม่มีทางสำเร็จ แต่ ความเป็นจริงพระเจ้าให้สำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้าผ่านเรา โดยเราต้องทำ และให้เวลาในการทำ
พระเจ้าที่ไม่จำกัดด้วยมิติของเวลา ยังถ่อมใจยอมมาอยู่ในมิติที่จำกัดด้วยเวลา ดังนั้นพระองค์ยังต้องใช้เวลาในการทำการของพระองค์ ฤทธิ์เดชอัศจรรย์ของพระเจ้าก็ยังต้องการใช้เวลา เราเป็นผู้เปิดช่องให้ฤทธิ์เดชของพระเจ้า เข้ามาในชีวิตเรา ด้วยการหว่าน
พระเยซูเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นก็ต้องใช้เวลาตักน้ำ เปลี่ยนน้ำก็ต้องใช้เวลา การอัศจรรย์ทุกอย่างเกิดขึ้นต้องใช้เวลา ฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่อยู่เหนือกาลเวลา เมื่อเกิดขึ้นในโลกต้องใช้เวลา ซึ่งเราเป็นคนเปิดช่องเวลาให้พระเจ้าเข้ามาทำการ ถ้าคุณไม่หว่าน คุณจะเก็บเกี่ยว คุณจะสำเร็จได้อย่างไร
เราต้องเรียนรู้จากการใช้เวลาถูกต้องเหมาะสมเพื่อใช้ชีวิตให้มีคุณค่าตามกาลเวลาของพระเจ้า คนฝ่ายโลกมีค่านิยมบอกว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ความคิดเหล่านี้เน้นว่า ค่าของคนเกิดจากความสามารถ นี่เป็นค่านิยมแบบโลก แต่สำหรับฝ่ายวิญญาณผลงานเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้มาจากฤทธิ์เดชของพระเจ้า ที่ทำผ่านชีวิตของเรา โดยเราหว่านในส่ิงที่ตอบสนองพระวิญญาณ
ถ้าคุณไม่หว่าน คุณไม่เปิดช่องให้ฤทธิ์เดชของพระเจ้า เข้ามาในช่องทางมิติ เวลา ดังนั้นเราก็ต้องเปิดช่องให้เวลากับพระเจ้า
ประการที่ 6 เปิดโอกาสให้ชีวิตเราเกิดผล
คนดำเนินชีวิตที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา ใช้ชีวิตไม่ถูกต้องตามกาลเวลา หรือไม่รู้จักกาละเทศะ คือคนที่ใช้เวลาไม่เป็น ผลคือ เขาจะไม่เกิดผล แต่พระคัมภีร์บอกว่า คริสเตียนไม่เกิดผลไม่ได้ ยน15:16 ท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราเลือกพวกท่านและแต่งตั้งท่านให้ไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อพวกท่าน ทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน
เราเลือกพวกท่าน ไม่ใช่พวกท่านเลือกพระองค์ แม้ว่าท่านจะได้ยินข่าวประเสริฐและดูเหมือนได้ตัดสินใจเลือกเชื่อพระเยซู ความจริงท่านเพียงแต่ตอบสนองการเลือกของพระองค์ต่างหาก และพระเจ้าทรงแต่งตั้งท่านให้เกิดผล และให้ผลคงอยู่ เพื่อพระเจ้าจะประทานส่ิงที่เกิดผลให้เรา
พระเจ้าเลือกเราเพราะอยากเห็นผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
เราตอบสนองการเป็นสาวกของพระองค์ไม่ใช่เราเลือกพระองค์เป็นสาวกของเรา แล้วเราจะเรียกร้องอะไรจากพระองค์ได้ บางครั้งคริสเตียนอธิษฐานขอ สั่งพระเจ้าให้อวยพรเรา ให้พระเจ้าทำอะไรเพื่อเราตลอด
ความจริงเราต้องแสดงการขอบคุณพระเจ้าที่เลือกเรา โดยแสวงหาว่าพระเจ้าให้เราไปทำอะไร พระเจ้าอยากให้เราไปเกิดผลตามเวลา ตามฤดูกาลเก็บเกี่ยว ดังนั้นเราต้องหว่านเพื่อให้เวลาทำให้ส่ิงที่เราได้หว่านในฝ่ายวิญญาณให้เติบโต เกิดผล และเก็บเกี่ยวได้ในที่สุด
หากคุณไม่หว่านเพราะคุณคิดว่าคุณเลือกพระเยซู เมื่อเรารู้ว่าพระเจ้าเลือกเรา เราเปิดใจ ฟังพระเจ้าแล้วรู้ว่าพระเจ้าจะให้เราทำอะไร พระเจ้าให้เราไปเกิดผล พระองค์ใส่ศักยภาพในชีวิตของเรา ทำให้เราต้องไปเกิดผล ตามเวลา ตามฤดูกาลที่พระเจ้ากำหนด ช่วงเวลาที่หว่าน จะได้มีเวลาเติบโต มีเวลาเกิดผล ถ้าเราไม่มีเวลากับเรื่องจิตวิญญาณ คุณจะไม่มีอะไรเก็บเกี่ยว
ปฐก8:22 ตราบที่โลกยังมีอยู่ จะมีฤดูหว่านกับฤดูเกี่ยว มีเย็นกับร้อน มีฤดูร้อนกับฤดูหนาว มีวันและคืนตลอดไป”
คนที่ไม่เกิดผล คือ คนที่ใช้เวลาไม่ถูกต้อง มีฤดูหว่าน ฤดูเกี่ยว เพราะมีกฎ ของพระเจ้ากำหนดเวลาไว้ ทุกเวลาที่พระเจ้ากำหนดดียิ่งนัก เราต้องใช้เวลาตามคุณภาพของเวลาที่พระเจ้ากำหนด ในเรื่องเวลาที่พระเจ้ากำหนด
ต้องหว่านในฤดูหว่าน ถ้าหว่านนอกฤดูต่อให้เมล็ดดี ก็ต้องใช้ทุนเยอะ เก็บผลได้น้อย ทำได้ยากลำบาก มันอาจจะพิการ ข้าวอาจลีบแม้พันธ์ดีเพราะหว่านผิดฤดู หว่านผิดเวลา
ต่อให้วันนี้คุณกลับใจใหม่ไปก็ยังไม่ทันเลย เพราะต้องหว่านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หากหว่านวันนี้ก็ถือว่าสายมากแล้ว เพราะคุณต้องหว่านตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่หว่านตลอดกาลนับจากนี้ พระเจ้าปรารถนาดีกับเรา โดยพระคุณซ้อนพระคุณ เราต้องเสียใจร้องไห้เมื่อรู้จักพระคุณพระเจ้า แล้วออกไปหว่าน เพื่ออนาคตที่จะมีการพิพากษา ในเวลาที่คนอื่นเก็บเกี่ยวแต่เราไม่ได้เก็บเกี่ยวเพราะเราไม่ได้หว่านก่อนจะมีการพิพากษา อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย
ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นฤดูหว่าน เวลามีจำกัด คือ เราตายได้ สดด126:4-6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดี อย่างทางน้ำไหลที่ในเนเกบ 5ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตาจะได้เก็บเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องยินดี 6ผู้ที่ร้องไห้ออกไปโดยหอบเมล็ดพืชเพื่อจะหว่านจะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องยินดีโดยหอบฟ่อนข้าวมาด้วย
อิสราเอลได้กลับสู่สภาพดี ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตาจะได้เก็บเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องยินดี คุณจะได้เก็บเกี่ยวถ้าเรียนรู้เรื่องการหว่าน น้ำตาอาจจะเกิดเพราะหว่านช้าไป แต่ไม่สายไปที่จะหว่าน หรือหว่านด้วยการกลับใจใหม่ แม้ว่าช่วงนั้นจะค่อยข้างยากลำบากแล้ว
อิสราเอลกลับมาจากการเป็นเชลย 70ปี มีขึ้เต็มไปหมด มีปลวก มีหญ้า มีความเสื่อมโทรมเต็มบ้านเต็มเมือง แต่พวกเขากลับมาด้วยความชื่นชมยินดี โห่ร้อง แต่เห็นสภาพเสื่อมโทรมของบ้านเมืองแล้วมีน้ำตา ร้องไห้ เพราะหว่านช้ามากแล้ว อิสราเอลเคยหว่านในเรื่องเนื้อหนังทำให้พวกเขาตกเป็นเชลย แต่พระคัมภีร์ให้กำลังใจกับเรา ถึงจะหว่านช้า ก็จะได้ความชื่นชมยินดี ถ้ากลับใจใหม่แล้วออกไปหว่าน
พระเจ้าเตือนเราเพราะยังมีความเป็นไปได้สำหรับเราในการกลับใจใหม่ พระเจ้ารู้ว่าเราจะตอบสนอง พระองค์เลยเตือน ถ้าไม่มีประโยชน์กับเราพระเจ้าจะไม่เตือนเรา ดังนั้นขอให้เราออกไปหว่าน
ถ้าคนตายมีโอกาสพูดอีกซักครั้งหนึ่ง เขาจะพูดว่าถ้าผมมีชีวิตอีกครั้งผมจะทำอย่างนี้ อย่างนั้น แต่ความเป็นจริงคือ ไม่มีคนตายคนไหนแม้แต่คนเดียวมีโอกาสกลับมาพูดอีกครั้งเลย แต่มีคนแก่ มีโอกาสพูดได้อย่างนั้น เช่นตัวผมเอง หากผมมีโอกาสย้อนเวลากลับไปได้ ในสิบปีแรกของการรับใช้ ผมจะทำได้ดีกว่าที่ผ่านมา เวลาที่เราแก่ ขอให้เราไม่ต้องพูดแบบนี้ เพื่อเราจะไม่เสียใจกับวันเวลาที่ผ่านไป เพราะเราไม่ได้หว่านในเรื่องฝ่ายวิญญาณ
พระคัมภีร์เตือนเราเรื่องการหว่าน หว่านอะไรเก็บเกี่ยวแบบนั้น หว่านคำพูด หว่านความคิด หว่านพฤติกรรม ตอบสนองเนื้อหนังหรือฝ่ายวิญญาณ เราใช้เวลากับการหว่านอะไร ผมไม่ใช้เวลากับเรื่องการนินทา หรือเรื่องคนที่ทำบาป มีคนชอบมาถามรายละเอียดผม หรือบางคนก็ชอบมาเล่าเรื่องไม่ดีของคนอื่นให้ฟัง ผมต้องหาทางหลีกเลี่ยง แม้บางครั้งทำร้ายความรู้สึกคนอื่น
ความจริงผมอยากจะพูดเรื่องข่าวประเสริฐมากกว่าพูดเรื่องไม่ดีคนอื่น หรือฟังเรื่องไม่ดีของคนอื่น คุณจะหว่านคำพูดอะไร คุณจะเก็บเกี่ยวอย่างนั้น หว่านพฤติกรรม แบบไหน เก็บเกี่ยวพฤติกรรมอย่างนั้น ขอให้ระมัดระวังการหว่านในการพูด ในการฟัง ในการทำในส่ิงที่ไม่ดี เพราะเป็นการหว่านในย่านเนื้อหนัง จะเก็บเกี่ยวฝ่ายเนื้อหนัง
มธ7:13-14 “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนทั้งหลายที่เข้าไปทางนั้นมีมาก 14เพราะประตูที่แคบและทางที่ลำบากนั้นนำไปสู่ชีวิต และพวกที่หาพบก็มีน้อย
จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะทางแคบนำไปสู่ชีวิต พระเยซูแนะนำให้เราเดินทางแคบ ซึ่งเป็นทางเดียวกับการหว่านในพระวิญญาณเพื่อเก็บเกี่ยวชีวิต นิรันดร์ ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน
กท6:8 คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น
เก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์ มาจากการหว่านในพระวิญญาณ การหว่านกับการเดินในทางแคบเป็นเรื่องเดียวกัน ผล คือ เรื่องการเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์
หว่านในพระวิญญาณ คือการเดินในทางแคบ ไม่ใช่ทางกว้าง คือ ดำเนินแปลว่า ดำเนินชีวิตโดยไม่ตามใจตนเอง ไม่เอาแต่สะดวก สบาย สนุก สตางค์ ส่ิงเหล่านี้ คือ ทางกว้าง การไม่ยอมฝืนใจตนเองทำในส่ิงดีจะทำให้เราไม่ได้เก็บเกี่ยว
วันนี้หากเรามีลูก อย่าตามใจลูกให้เขาไปเดินทางกว้าง ซึ่งปลายทางมันหมายถึงความตาย เขาจะตาย