อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์

เทศนาคริสตจักรชีวิตรุ่งเรืองGLC (องค์การHIM)

(ออนไลน์)อาทิตย์ที่ 22 มี.ค. 2020

อารักขาตอนที่ 1

สดด121:1-8 พระเจ้าผู้ทรงอารักขาชีวิตให้รับพระพร

1. พระเจ้าอารักขาชีวิตเราอย่างไร

(1.1) อารักขาตลอดเวลา

(1.2) อารักขาตลอดไป

(1.3) อารักขาตลอดทุกที่(ที่เราอาศัยอยู่)

2. ผลดีเมื่อพระเจ้าทรงอารักขาชีวิตเรา

(2.1) ทำให้เราได้รับความช่วยเหลือ

(2.2) ทำให้เราปลอดภัย

(2.3) ทำให้เรารับสันติสุข

คำนำ

มั่นใจในการปกป้องของพระเจ้า บทเพลงใช้แห่ขึ้น

1ข้าพเจ้าเงยหน้าดูภูเขาความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากไหน? 2ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากพระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 3พระองค์จะไม่ทรงให้เท้าของท่านสะดุดล้มพระองค์ผู้ทรงอารักขาท่านจะไม่เคลิ้มหลับไป 4ดูเถิด พระองค์ผู้ทรอารักขาอิสราเอลจะไม่ทรงหลับสนิทหรือนิทรา 5พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้อารักขาท่านพระยาห์เวห์ทรงเป็นร่มเงาที่ขวามือของท่าน 6ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวันหรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน 7พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้นพระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่าน 8พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาการเข้าออกของท่าน ตั้งแต่บัดนี้สืบไปเป็นนิตย์

ตัวอย่าง เมื่อตอนมาเชื่อพระเจ้ารอดจากการถูกตำรวจจับข้อหาที่เพื่อนๆมาเล่นการพนันที่ห้องพัก แต่พระเจ้าให้นอนหลับเป็นตายทำให้รอดจากการโดนตำรวจจับ

เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้

บทเพลงแห่ขึ้น “A Song of Degrees” หรือเพลงที่ขึ้นที่สูง เริ่มจาก สดุดีบทที่120-134 ดูเหมือนเป็นเพลงที่แต่งขึ้นร้องในโอกาสเทศกาลยิว เมื่อจะเดินทางไปเยรูซาเล็มสามครั้งต่อปี 1พกษ:27-28 , ฉธบ16:16

พบว่าบทเพลงแห่ขึ้น มีดาวิดแต่ง 4บท และโซโลมอนแต่ง 1บท และอีก 10 บทซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นคนแต่ง ซึ่งอาจจะแต่งหลังการเป็นเชลย 

ในบทเพลงแห่ขึ้นนี้ ผู้เขียนแสดงให้เห็นพระเมตตาของพระเจ้า คำอธิษฐานขอการช่วยเหลือ การปลดปล่อยจากศัตรูที่ประสงค์ร้าย ขอให้ศัตรูรับการลงโทษหลังจากนั้นผู้แต่งก็ร้องขอซ้ำๆ

บทเพลงแห่ขึ้นตอนนี้ น่าจะเป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นช่วงเวลาที่คนอิสราเอลกลับจากการเป็นเชลยจากบาบิโลน(ทางตอนเหนือ) สู่ดินแดนพันธสัญญา(ทางตอนใต้) ช่วงเวลาประมาณปีที่ 7ของกษัตริย์อารทาเซอร์ซิส

อสร7:9เพราะในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งท่านได้เริ่มขึ้นไปจากบาบิโลน และในวันที่หนึ่งของเดือนที่ห้าท่านมายังเยรูซาเล็ม เพราะว่าพระหัตถ์ประเสริฐของพระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน 

เมื่อมองดูภูเขาที่บ้านเกิด  ภูเขาให้ความหมายหลายอย่าง เช่น  เป็นที่ประทับของพระเจ้า หรือเป็นที่นมัสการพระเจ้า หรือเป็นความช่วยเหลือที่มาจากสวรรค์ หรือเป็นความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้า หรือเป็นที่ลี้ภัยให้ความปลอดภัย 

เยรูซาเล็มเป็นเมืองที่ถูกสร้างบนภูเขา และแคว้นยูเดียเป็นแคว้นที่มีที่ตั้งอยู่ฐานบนภูเขา เวลาที่พวกเขากระจัดกระจายไป เขายังหันหน้ามายังภูเขาที่เยรูซาเล็มเพื่ออธิษฐานต่อพระเจ้า (สดด87:1นครของพระองค์อยู่บนเทือกเขาบริสุทธิ์)

ผู้แต่งสดุดีตอนนี้มีความหวัง มีความมั่นใจในเรื่องความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้าที่พวกเขานมัสการ เพราะพวกเขาได้กลับมาจากการเป็นเชลยนั่นเอง ไม่ได้มาจากความมั่นใจในตนเอง หรือในการนมัสการพระอื่น เขาเต็มไปด้วยการสดุดีความช่วยเหลือของพระเจ้า

 

คำว่า อารักขา HB 8104 shamar (v) = Keep,preserve,watch,protect ใช้ 469 ครั้งในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าอารักขา พระเจ้าถนอมรักษา พระเจ้าเฝ้าดู พระเจ้าปกป้อง

สดด121 บอกว่าพระเจ้าจะอารักขาธรรมิกชนจากข้อ3-8

ส่วนข้อ1-2 บอกว่าธรรมิกชนจะได้รับความช่วยเหลือมาจากพระเจ้า

ใช้คำว่าอารักขาในบทเดียวกันถึง 6 ครั้ง ซึ่งถือว่าใช้คำนี้ถี่มากเมื่อเปรียบเทียบกับบทอื่นๆ แสดงว่าเน้นความสำคัญมากในสดุดี121 นี้

วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา

พระเจ้าผู้ทรงอารักขาชีวิตให้รับพระพร

1. พระเจ้าอารักขาชีวิตเราอย่างไร

เรามาดูรายละเอียดพระเจ้าอารักขาชีวิตเราอย่างไร ?

1.1) พระเจ้าอารักขาตลอดเวลา (3-7)

พระเจ้าไม่เคลิ้มหลับไป,ไม่ทรงหลับสนิทหรือนิทรา, แสดงว่าพระเจ้า ปกป้องเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าดวงอาทิตย์ขึ้น(เช้า) หรือเป็นเวลาดวงจันทร์(ค่ำ) พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจมากเพียงพอ ยิ่งใหญ่มากพอจะดูแลเราได้

ข้อ6ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวันหรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ภาษาเดิมคำว่า โจมตี หมายถึง การตีด้วยเชือก ตีด้วยเจ้าหน้าที่ ตีด้วยคำแช่งสาบ ตีด้วยโรคระบาด เพื่อให้ถึงความตาย

พระเจ้าเปรียบเทียบการดูแลประชากรของพระเจ้า เหมือนคนทำสวน

อสย27:3เราคือยาห์เวห์ เป็นผู้ดูแลสวนนั้นเรารดน้ำทุกเวลาเกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะทำอันตรายสวนนั้นเราจึงดูแลสวนนั้นทั้งกลางคืนกลางวัน

บริบทมีความสำคัญต่อการตีความ : พวกเขากลับมาถึงดินแดนแห่งพันธสัญญาแล้ว เขาพบว่าการช่วยเหลือนี้มาจากพระเจ้า เพราะการดูแลเชลยเดินทางกลับ ระหว่างทางในถิ่นทุรกันดารไม่มีความสะดวกสบาย ไม่มีความปลอดภัยจากโจร จากสัตว์ร้าย ไม่มีบ้านที่ให้ความอบอุ่นปลอดภัย แต่พวกเขาก็เดินทางกลับยังเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย ได้กลับมาสร้างชาติอีกครั้ง เขาจึงสดุดียกย่องพระเจ้า ที่อารักขาพวกเขา

1.2) พระเจ้าอารักขาตลอดไป (8)

8พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาการเข้าออกของท่าน ตั้งแต่บัดนี้สืบไปเป็นนิตย์

เราสามารถสรุปได้ว่า  พระคุณของพระเจ้า เป็นส่ิงที่รับประกันให้กับคนที่เชื่อวางใจในพระเจ้า แม้ตายไปแล้วความรอดโดยพระคุณของพระเจ้าก็รับประกันได้ว่าจะไม่มีการลงโทษพิพากษาสำหรับผู้ที่เชื่อวางใจพระเจ้า

ลก19:10 เพราะว่าบุตรมนุษย์มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด คำว่า รอด GK4982:sozo (v) พระเจ้าอารักขา หรือพระเจ้าช่วยให้รอดพ้นจากผลของความบาป เข้าสู่ความปลอดภัยที่พระเจ้าจัดสรรให้

1.3) พระเจ้าอารักขาตลอดทุกที่(ที่เราอาศัยอยู่) (8)

8พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาการเข้าออกของท่าน ตั้งแต่บัดนี้สืบไปเป็นนิตย์

ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้าน ที่ที่ท่านอาศัยอยู่พระเจ้าปกป้อง

ฉธบ28:6ท่านจะรับพระพรเมื่อท่านเข้ามา และท่านจะรับพระพรเมื่อท่านออกไป

โยบ5:24ท่านจะทราบว่าเต็นท์ของท่านปลอดภัย ท่านจะตรวจดูคอกแกะของท่านและไม่มีตัวใดหายไป

คำถาม : เวลาที่เราเจอปัญหา ความทุกยากลำบาก การข่มเหง การเจ็บไข้ได้ป่วย คนรักตายจากไป การสูญเสีย จริงหรือเปล่าที่พระเจ้าอารักขาตลอดเวลา พระเจ้าอารักขาตลอดไป พระเจ้าอารักขาตลอดทุกที่ที่เราอาศัย

คำตอบ : ในเวลาที่เรามีคำถามเช่นนี้ เรากำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ยังไม่ถึงเป้าหมายที่พระเจ้ากำหนดไว้ให้เรา ดังนั้นชีวิตจึงมีการทดสอบ มีการทดลองสำหรับผู้เชื่อ แต่การทดสอบทดลองเหล่านั้นเกิดขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์กับเรา เมื่อเรามีชัยชนะ เราเติบโตขึ้นเราจะเข้าใจเหตุการณ์เหล่านั้นที่พระเจ้าสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา เมื่อเรามาถึงเป้าหมายที่พระเจ้าวางเราไว้

เงื่อนไขของการได้รับการอารักขาจากพระเจ้า คือ การกลับมาแสวงหาพระเจ้า กลับมานมัสการพระเจ้า กลับมาดำเนินชีวิตกับพระเจ้า เมื่อคนของพระเจ้าไม่นมัสการพระเจ้า พวกเขาก็ไปเป็นเชลย เมื่อความช่วยเหลือของพระเจ้ามาถึง พวกเขาจึงมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง

คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าที่ย่ิงใหญ่ มีพลังอำนาจ ฤทธิ์เดชมากมาย พวกเขาจะไม่มีประสบการณ์เช่นผู้เชื่อ พวกเขาต้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยลูกช้างด้วย พวกเขาต้องเซ่นไหว้ หรือมีความไม่แน่ใจว่าจะได้พระพรหรือไม่ แตกต่างจากผู้เชื่อที่มั่นใจในความช่วยเหลือจากพระเจ้า

2. ผลดีเมื่อพระเจ้าทรงอารักขาชีวิตเรา

(2.1) พระเจ้าอารักทำให้เราได้รับความช่วยเหลือ

(2.2) พระเจ้าอารักขาทำให้เราปลอดภัย

(2.3) พระเจ้าอารักขาทำให้เรารับสันติสุข

เรามาดูรายละเอียดผลดีเมื่อพระเจ้าอารักขาชีวิตเรา

2.1) พระเจ้าอารักทำให้เราได้รับความช่วยเหลือ (2)

ข้อ2ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากพระยาห์เวห์

ในเวลานั้นคิดว่าการได้กลับมาจากการเป็นเชลยก็ดีแล้ว แต่เมื่อกลับมาแล้วจะอาศัยที่ไหน จะทำมาหากินอะไร จะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป จะสร้างชาติสร้างคน สร้างบ้าน สร้างเมืองอย่างไร แต่ข้อสรุปเขารู้ว่า พระเจ้าจะช่วยเหลือให้เขาสามารถดำเนินชีวิตอย่างดีได้ เขาเชื่อในพระเจ้า

ตัวอย่าง นักเทศน์เทศน์อยู่มีกระดาษมาบอกว่า บ้านอาจารย์ไฟไหม้ แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะกำลังเทศนาอยู่ พอเทศน์จบรีบวิ่งไปที่บ้าน ปรากฎว่าบ้านหลังอื่นไหม้หมด บ้านอาจารย์ไม่ไหม้เพราะดับเพลิงใช้หลังคาบ้านเป็นจุดดับไฟให้บ้านหลังอื่นๆ พระเจ้าช่วยเหลือ

2.2) พระเจ้าอารักขาทำให้เราปลอดภัย (3,6,7)

ข้อ3 พระองค์จะไม่ทรงให้เท้าของท่านสะดุดล้ม

ข้อ7 พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้น หมายถึง ปกป้องจากความชั่วร้าย และอารักขาจิตวิญญาณ

สดด41:2พระยาห์เวห์จะทรงป้องกันเขาและรักษาชีวิตเขาไว้เขาจะได้รับพระพรในแผ่นดินนั้นขออย่าทรงมอบเขาให้ศัตรูทำตามใจชอบ

สดด97:10บรรดาผู้รักพระยาห์เวห์เอ๋ย จงเกลียดชังความชั่วพระองค์ทรงอารักขาชีวิตผู้จงรักภักดีของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากมือคนอธรรม

6 ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวันหรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ภาษาเดิมคำว่า โจมตี หมายถึง การตีด้วยเชือก ตีด้วยเจ้าหน้าที่ ตีด้วยคำแช่งสาบ ตีด้วยโรคระบาด เพื่อให้ถึงความตาย

ปัจจุบันก็มีโรค Sun stroke ผลมาจากแดดเผามีผลต่อสมอง หรือขาดน้ำจนเสียชีวิต ดวงอาทิตย์ให้ความร้อนทำให้ไม่สบาย ทำให้เหนื่อย ทำให้บาดเจ็บ หรือหัวใจวายตายได้

ดวงจันทร์ก็ทำให้มืด สว่างไม่พอ หรือเย็นเกินไป เป็นเวลาที่สัตว์ป่าออกหากิน คนสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าสว่าง จึงทำให้กลัวเวลากลางคืน การเป็นโรคต่างๆเพราะอากาศแปรปรวน เพราะเชื้อโรคที่มากับอาหาร น้ำและ อากาศ

แต่พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจที่จะช่วยพวกเขาให้ปลอดภัยได้

2.3) พระเจ้าอารักขาทำให้เรารับสันติสุข (5)

พระยาห์เวห์ทรงเป็นร่มเงาที่ขวามือของท่าน (หมายถึง ตำแหน่งที่ผู้ช่วยเหลืออยู่ใกล้เรา ให้ความมั่นใจว่าเราได้รับความช่วยเหลือแน่นอน)

สดด16:8 ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์ไว้ตรงหน้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือ ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว

ในตอนนี้อาจเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิศาสตร์พวกเขาเดินทางจากเหนือลงใต้ ด้านขวามือของเขาคือ ทิศตะวันตกที่จะมีแดดส่องตลอดเวลา แต่พระเจ้าปกป้องดูแล เป็นร่มเงาให้ความร่มเย็น (อยู่ด้านขวามือของพวกเขา)

ความร่มเย็นในเวลาที่เดินทางกลางถิ่นทุรกันดาร กลางความร้อน เป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขมาก ทำให้ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย แต่สดชื่น

ความร่มเย็นเป็นเรื่องทางกายภาย แต่สันติสุขเป็นเรื่องความร่มเย็นในฝ่ายวิญญาณ ซึ่งดีมากกว่าความร่วมเย็นฝ่ายกายภาพมากนัก

หลายครั้งที่มีปัญหาความยากลำบากมากระทบฝ่ายกายภาพของเรา ส่งผล กระทบต่อฝ่ายวิญญาณ หลายปัญหาทำให้เกิดความวิตกกังวลใจ เกิดความกระวนกระวาย ซึ่งเป็นเรื่องภายใน เป็นเรื่องความคิด แต่หากวิญญาณจิตของเราแสวงหาพระเจ้าผ่านพระคำ ผ่านการอธิษฐาน โดยความเชื่อไว้วางใจพระเจ้า เรามีความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือ ให้ปลอดภัย ให้รับสันติสุข

หลายคนพยายามจะรับผิดชอบชีวิตตนเองทำโดยตนเองแต่ไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า เราจะไม่มีประสบการณ์การอารักขาของพระเจ้าเพราะเราไว้วางใจตนเองมากกว่ากระทำโดยพึ่งพาพระเจ้า 

พระเยซูคริสต์ทรงให้คำสัญญาที่ทำให้เรามีความปลอดภัย มีสันติสุขและปลอดภัยตลอดไป

ยน10:27-28 แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นก็ตามเรา 28เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะทั้งหลาย แกะเหล่านั้นจะไม่มีวันพินาศและจะไม่มีใครแย่งชิงแกะนั้นไปจากมือของเราได้

คำถาม คือ เราจะดำเนินชีวิตภายใต้การปกป้อง อารักขาดูแลของพระเจ้าดีไหม

คำตอบ คือ ถ้าเราไม่มีพระเจ้า เราก็ต้องเผชิญปัญหาทุกอย่างด้วยตนเองอยู่ดี การดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าทำให้เรามีความหวังว่าในที่สุดเราจะได้รับการช่วยเหลือ แล้วเราจะสดุดีพระเจ้าเหมือนที่ผู้เขียนสดุดีตอนนี้บันทึกไว้

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

https://www.facebook.com/FORWARD.CH.TH/videos/3218468911569100/?vh=e&d=n

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่