ก้าวที่ 28 พระเจ้าประทานสิทธิพิเศษ
(เป็นเนื้อหาต่อเนื่องจากบทเรียน “วิถีคริสตชน 50 ก้าว”)
เขียนโดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 6 ก.พ.2020
มธ5:3-12 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระทัยพระคริสต์”
ตอนที่ 3 พระเจ้าประทานสิทธิพิเศษ
1.เมื่อเราใจบริสุทธิ์ (8)
2.เมื่อเราสร้างสันติ (9)
ผู้เป็นสุข (ลก.6:20-23)
3“คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข
เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
4“คนที่โศกเศร้า ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ
5“คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
6“คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม
7“คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ
8“คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า
9“คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก
10“คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุขเพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
11“เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข 12จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะ ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้ เป็นเรื่องจริยธรรมลักษณะชีวิต เกี่ยวข้องกับอาณาจักรของพระคริสต์ เป็นแนวปฎิบัติของพลเมืองแห่งอาณาจักรพระคริสต์ เรื่อง ความดี ความรัก ความเป็นมิตร เริ่มจากคำเทศนา คำสอนของพระองค์บนภูเขา(อาจเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองคาเปอร์นาอุมกับทะเลสาบ ทิเบเรียส)
คนยิวในสมัยพันธสัญญาเดิม มีบันทึกคำว่า “สวรรค์” HB8064:Shamayim (ใช้421ครั้ง) แปลว่า ท้องฟ้า หรือสวรรค์ คนยิวเข้าใจเรื่องสวรรค์ จากที่บันทึกไว้ในปฐมกาลถึงสดุดีว่า สวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า ส่วนคนอิสราเอลที่ตายแล้วจะไปแดนคนตาย ไม่ได้ไปสวรรค์
คำว่า สวรรค์ ภาษากรีก GK3772:ouranos อ่านว่า(oo-ran-os’) (n) แปลว่าท้องฟ้า จักรวาล (ฝ่ายกายภาพ) และสวรรค์(ฝ่ายวิญญาณ)
เมื่อพระเยซูคริสต์มาสอนเรื่องผู้เป็นสุขนั้น จึงเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนและไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่จะเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า
คำเทศนาตอนนี้ เน้นเรื่องลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระทัยพระคริสต์” คำสอนผู้เป็นสุขบนภูเขานี้เริ่มต้นหลังจากที่พระเยซูคริสต์ เริ่มต้นประกาศราชกิจของพระองค์ พระองค์ก็ทรงสอนเรื่องลักษณะชีวิตของผู้เป็นสุข คือ ผู้ที่ได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า หรือได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้า มีลักษณะชีวิตเป็นอย่างไร มีมาตรฐานอย่างไรนั่นเอง
พระเยซูคริสต์เน้นเรื่องลักษณะชีวิต และการดำเนินชีวิตต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า โดยพระองค์จะเป็นคนพิจารณาตัดสินเอง ว่าผู้เชื่อแต่ละคนมีลักษณะชีวิตเป็นอย่างไร ตอบสนองคำสอนอย่างไร พระเจ้าจะเป็นผู้อวยพรให้ตามลักษณะชีวิตของผู้ฟัง และเขาจะได้แผ่นดินสวรรค์จากพระเจ้า
(พบคำว่า “ก็เป็นสุข”ตั้งแต่ข้อ3-11 ยกเว้นข้อ12) Meyer : หมายถึง ผู้ที่ได้รับความรอดของอาณาจักรพระคริสต์ซึ่งใกล้เข้ามา
ก็เป็นสุข GK3107: Makarios (adj) อ่านว่า(mak-ar’-ee-os) หมายถึง ผู้เชื่ออยู่ในฐานะผู้รับการอวยพร การจัดสรรจากความโปรดปรานของพระเจ้า อย่างยาวนาน อย่างมาก ด้วยพระคุณของพระองค์
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อเรารับไว้ด้วยความเชื่อฟังโดยความเชื่อฟังนั้นเกิดจากความเชื่อของพระเจ้า (Faith4102) ผู้เชื่อเป็นที่อิจฉาของคนไม่เชื่อ เพราะเขาได้รับการอวยพร ได้รับการจัดสรรอย่างมากมาย เพราะเขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
คำสอนมัทธิวตั้งแต่บทที่5-7 เป็นเหมือนเนื้อหาส่วนขยายของ มธ5:3-12
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา มธ5:3-12 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระทัยพระคริสต์” มีทั้งหมด 3 ตอน
ตอนที่ 3 พระเจ้าประทานสิทธิพิเศษ
1.เมื่อเราใจบริสุทธิ์ (8)
8“คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“คนที่ใจบริสุทธิ์” GK2513:katharos(adj) อ่านว่า (kath-ar-os’)
โดยทั่วไปคำว่า “บริสุทธิ์”หมายถึง สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีรอยเปื้อน ไร้เดียงสา ซื่อตรง
ใช้คำว่าบริสุทธิ์นี้ 4 ครั้ง โดยพระเยซูคริสต์พูดกับเหล่าสาวก คือ พูดกับคนที่เชื่อแล้ว มธ5:8ก็พูดกับคนที่เชื่อเช่นกัน รากศัพท์เหมือนกันแต่ภาษาไทยใช้คำแปลไม่เหมือนกัน ในยน13:10-11ใช้คำว่า “สะอาด” และยน15:3 ใช้คำว่า “ชำระให้สะอาด”
และยน15:3 พวกท่านได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เรากล่าวกับท่าน
รากศัพท์คำว่า บริสุทธิ์ คือ การปราศจากสิ่งผสมปนเปื้อน ถูกแยกออก ทำให้สะอาด ไม่มีอะไรผสม ปราศจากส่ิงปนเปื้อนที่ไม่ต้องการ เปรียบเทียบเรื่องฝ่ายวิญญาณ “บริสุทธิ์”เพราะได้รับการชำระล้างจากพระเจ้า (มนุษย์เราชำระบาปตนเองไม่ได้) หรือ”บริสุทธิ์”เป็นอิสระจากอิทธิพลของบาปที่ปนเปื้อน
ในมธ5:8 คำว่า “บริสุทธิ์” หมายถึง จริยธรรมที่ปราศจากความปรารถนาที่ล่อลวง ปราศจากบาป และความฟ้องผิด เป็นจิตใจที่น่าเคารพนับถือ ผู้เชื่อแล้วควรปรารถนาชีวิตที่บริสุทธิ์
เมื่อรวมกับคำว่า “ใจ”GK2588:kardia (n) อ่านว่า (kar-dee’-ah) หมายถึง ใจ ความคิด บุคลิกลักษณะ ตัวตนภายใน ความตั้งใจ ศูนย์กลางของอารมณ์ความรู้สึกของเรา ความปรารถนา การเลือกที่จะเป็นใจที่มีศิลธรรม เป็นพื้นฐานบอกว่าเราเป็นคนอย่างไร จริงๆแล้วเราเป็นคนอย่างไร
รวมความหมาย “ใจบริสุทธิ์” คือ ความคิด บุคลิกลักษณะ ตัวตนภายใน ความตั้งใจ ศูนย์กลางของอารมณ์ความรู้สึกของเรา ความปรารถนา การเลือกที่จะเป็นใจที่มีศิลธรรม โดยการปราศจากสิ่งผสมปนเปื้อน ถูกแยกออก ทำให้สะอาด ไม่มีอะไรผสม ปราศจากส่ิงปนเปื้อนที่ไม่ต้องการ
เปรียบเทียบเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ “บริสุทธิ์” เพราะได้รับการชำระล้างจากพระเจ้า หรือเป็นอิสระจากอิทธิพลของบาปที่ปนเปื้อน
ถ้าประยุกต์ใช้ “ใจบริสุทธิ์” ไม่มีอะไรเจือปน ก็อาจจะหมายถึง การมีใจเดียวเพื่อพระเจ้า ไม่มีเนื้อหนัง ไม่มีบาป ไม่มีฝ่ายโลกมาเจือปน
การเห็นพระเจ้าหรือได้รู้จักพระเจ้า ได้เข้าใจพระเจ้า ทำให้ชีวิตเราสว่าง เข้าใจความจริง ออกจากความบาป มาสู่ความสว่างของพระเจ้าได้
ตีความได้ว่า พระเยซูคริสต์ พูดกับคนที่ใจบริสุทธิ์ต่อพระเจ้า หลังจากที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ผู้เชื่อเลือกที่จะรักษาใจบริสุทธิ์ต่อพระเจ้า พระองค์สัญญาว่าพวกเขาจะได้เห็นพระเจ้า
มีข้อพระคัมภีร์ในตอนอื่นๆสนับสนุนว่า เราบริสุทธิ์เพราะได้รับการชำระจากพระเยซูคริสต์ เราจึงดำเนินชีวิตรักษาความบริสุทธิ์นั้นไว้
กจ15:9พระองค์ไม่ทรงถือเราถือเขา แต่ทรงชำระใจพวกเขาให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ
1คร6:11มีบางคนในพวกท่านเคยเป็นอย่างนี้ แต่ท่านทั้งหลายได้รับการล้างชำระแล้ว ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และได้รับการชำระให้ชอบธรรมแล้วโดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและโดยพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา
คำสอนบนภูเขาของพระเยซูคริสต์ เรื่อง ผู้เป็นสุข คนยากจนคือ คนถ่อมใจ คนที่โศกเศร้า คือ คนที่เสียใจที่ทำบาปต่อพระเจ้า คนหิวกระหายคนชอบธรรม คือ คนที่แสวงหาพระเจ้า คนที่ใจบริสุทธิ์ คือ คนที่รักษาชีวิตบริสุทธิ์ต่อพระเจ้า
“ผู้เชื่อทุกวันนี้ยอมรับการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์บ้างไหม”
ผู้รับใช้พระเจ้า หรือผู้เชื่อถือในพระเจ้า ต้องรักษาชีวิตบริสุทธิ์ คือ การชำระตนให้สะอาด เพื่อให้พระเจ้าใช้ได้
2ทธ2:20-22ในบ้านหลังใหญ่ไม่ได้มีแต่ภาชนะทองและภาชนะเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บางอย่างนั้นเป็นภาชนะพิเศษ บางอย่างก็เป็นภาชนะธรรมดา 21ถ้าใครชำระตัวเองให้พ้นจากความชั่วเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะพิเศษ ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของจะใช้เป็นประโยชน์ และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
22เพราะฉะนั้นท่านจงหลีกหนีจากตัณหาของคนหนุ่ม และจงมุ่งมั่นในความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับพวกที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์เพื่อเห็นแก่คนอื่น
เรามองเห็นลักษณะชีวิตพลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า พวกเขาได้เข้าแผ่นดินของพระเจ้า ดำเนินชีวิต เติบโตขึ้นในความเชื่อในแผ่นดินของพระเจ้า
วว19:7-8 ขอให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ และถวายพระเกียรติแด่พระองค์
เพราะงานอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้วและเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว 8และโปรดให้เจ้าสาวสวมใส่ผ้าป่านเนื้อละเอียด มันระยับและสะอาดเพราะว่าผ้าป่านเนื้อละเอียดนั้นคือการประพฤติอันชอบธรรมของธรรมิกชน”
การดำเนินชีวิตบริสุทธิ์โดยการช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย
ยก1:27ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
8“คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า
“ได้เห็นพระเจ้า” GK3708. horaó (v) อ่านว่า(hor-ah’-o) ทั่วไปหมายถึง ฉันเห็น ฉันดู มีประสบการณ์ ฉันรับรู้ ฉันแยกแยะ ฉันระวัง
ในมธ5:8 หมายถึง อุปมาการเห็นเป็น เรื่องการเข้าสนิทสนมใกล้ชิดและสามัคคีธรรมกับพระเจ้าในแผ่นดินของพระเจ้าในอนาคต การได้เห็นพระเจ้า จึงเป็นการรู้จักพระเจ้า ได้สัมพันธ์สนิท ได้สามัคคีธรรมฝ่ายวิญญาณกับพระเจ้า ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ และในอนาคตเมื่อไปอยู่กับพระเจ้า
คำนี้ใช้ใน ฮบ12:14จงมุ่งมั่นที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขกับทุกคนและที่จะได้ความบริสุทธิ์ เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีใครได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย
เราเปรียบเทียบการเห็นในฝ่ายกายภาพซึ่งเป็นเรื่องปัจจุบัน กับการเห็นในเรื่องอนาคต จากพระคัมภีร์ที่มีคำว่าเห็น จะพบว่าตาฝ่ายกายภาพไม่สามารถเห็นพระเจ้าได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตเราจะเห็นด้วยตา เป็นการเปรียบเทียบ โดยยืมคำว่าเห็น มาจากสิทธิพิเศษที่ได้เห็นที่ได้เข้าร่วมในที่ประทับของกษัตริย์จากพระธรรมวิวรณ์
ยน5:37และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็ทรงเป็นพยานให้กับเรา พวกท่านไม่เคยได้ยินเสียงของพระองค์ และไม่เคยเห็นรูปร่างของพระองค์
วว22:4พวกเขาจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ และพระนามของพระองค์จะอยู่บนหน้าผากของเขาทั้งหลาย
ในสังคมตะวันออกเมื่อกษัตริย์ปรากฎตัว เป็นเรื่องยากมากที่จะเข้ามามองเห็นพระองค์ได้ใกล้ๆ หรือยากมากที่จะเข้าเฝ้าพระองค์ได้ อีกทั้งเป็นเรื่องยากมากที่จะมองเห็นกษัตริย์ได้บ่อยๆ เพราะกษัตริย์ไม่ปรากฎตัวต่อสาธรณชนง่ายๆหรือปรากฎตัวบ่อยๆ แต่ตรงกันข้ามกับพระเยซูคริสต์พระองค์ มาปรากฎตัวให้กับมนุษย์เห็น
Barn กล่าวว่า การเห็นกันแบบหน้าต่อหน้า แสดงว่าต้องอยู่ใกล้กัน แสดงถึงความโปรดปรานมาก เป็นเกียรติสูงสุดที่กษัตริย์ให้เข้าเฝ้า ให้อยู่ในที่ประทับของกษัตริย์ ได้รับอนุญาตให้เห็นพระพักตร์พระองค์ได้ แสดงถึงความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกัน ในอนาคตฝ่ายวิญญาณข้างหน้า พระคัมภีร์ บอกว่าคนที่มีใจบริสุทธิ์เป็นมิตรที่พระเยซูคริสต์โปรดปราน ในอาณาจักรของพระองค์ จะได้เห็นพระเจ้า
ในปัจจุบันการมองเห็นพระเจ้าในฝ่ายกายภาพด้วยตา เราไม่สามารถเห็นพระเจ้าได้ หรือเข้าใจพระเจ้าด้วยสติปัญญาของเราทั้งหมด ดูตัวอย่าง ตอนที่พระเจ้าพูดกับโมเสสเมื่อเขาขอเห็นพระพักตร์พระเจ้า
อพย33:20 พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
อ.เปาโลนำมาประยุกต์ใช้ ถึงเรื่องการไม่เข้าใจพระเจ้าในปัจจุบันได้ทั้งหมด ด้วยสติปัญญาของเรา เว้นแต่พระเจ้าจะสำแดงเปิดเผยให้เข้าใจ
1คร13:12เพราะว่าเวลานี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่ในเวลานั้นจะเห็นแบบหน้าต่อหน้า เวลานี้ข้าพเจ้ารู้เพียงบางส่วน แต่เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
แต่ในอนาคตเราจะเห็นและเข้าใจพระเจ้าได้มากยิ่งขึ้น
2คร3:18แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ
ขอให้ระมัดระวังการดำเนินชีวิตในบาปที่ขัดขวางให้เราไม่รู้จักพระเจ้า
1ยน3:6ผู้ที่อยู่ในพระองค์ไม่ทำบาปอีกต่อไป ส่วนผู้ที่ทำบาปอยู่เรื่อยๆ คนนั้นยังไม่เห็นพระองค์และยังไม่รู้จักพระองค์
ระวังที่จะเป็นคนตาบอด ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องของพระเจ้า
มธ6:22-23 ตาเป็นประทีปของร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยสว่างไปด้วย 23แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยมืดไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่านมืดไป ความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใดหนอ
2.เมื่อเราสร้างสันติ (9)