ศึกษาพระธรรมวิวรณ์ บทที่15 วันที่ 24 มี.ค. 2020
โดย เยาวลักษณ์ ลิ่วเฉลิมวงศ์
ศึกษา: เรื่องชัยชนะของบรรดาผู้พลีชีพ จากพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 15:1-4
บทนำการศึกษา
ในท่ามกลางสภาวะที่สังคมกำลังที่ตื่นกลัวและเคร่งเครียดกับการระบาดของโรคจากเชื้อ COVID 19
บางคนที่นี่อาจจะมีความกังวล และระมัดระวังตัว เราที่มีความเชื่อจะตอบสนองในเรื่องนี้อย่างไร?
นี่เป็นเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาครั้งที่สองแล้วใช่หรือไม่?
แน่นอนทีเดียวว่าพระคัมภีร์กล่าวถึง “โรคระบาด” ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาณก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ แต่พระเยซูเตือนเรา ใน ลก.21:9-13 ว่า.. ก่อนพระองค์จะเสด็จมาครั้งที่สอง เราจะได้ยินเรื่องการจราจล สงคราม แผ่นดินไหวใหญ่ การกันดารอาหาร และโรคระบาดในที่ต่างๆ และจะเกิดความน่าสะพรึงกลัวและหมายสำคัญใหญ่ๆ จากฟ้าสวรรค์
ข้อ 12-13 บอกว่า “12 แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น เขาทั้งหลายจะจับพวกท่านไว้ และจะข่มเหงและจะส่งมอบตัวท่านไปยังธรรมศาลาและคุก และจะพาท่านไปอยู่ต่อหน้ากษัตริย์และเจ้าเมือง เพราะพวกท่านเห็นแก่นามของเรา 13 สิ่งนี้จะเกิดกับพวกท่านเพื่อที่ท่านจะได้เป็นพยาน“
พระเยซูตรัสถึง ผู้เชื่อจะถูกข่มเหง และจะต้องเป็นพยานเรื่องของพระองค์เสียก่อน และ ข้อ 19 บอกว่า
19 พวกท่านจะได้ชีวิตรอดโดยความทรหดอดทนของท่าน
บริบทเชื่อมโยงกับพระวัติศาสตร์ และคำวิวรณ์ของยอห์น
ตลอดประวัติศาสตร์คริสตจักรที่ผ่านมามีผู้เชื่อแท้มากมายที่ยอมพลีชีพของพวกเขาเพราะความเชื่อ
ใน วว.6:9-11 ยอห์นได้เห็น “ดวงวิญญาณทั้งหลายที่ใต้แท่นบูชา” พวกเขาร้องเสียงดังต่อพระเจ้าว่า (ข้อ 10) “..อีกนานเท่าใด..พระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา” คนเหล่านั้นที่ถูกฆ่าเพราะเป็นพยานถึงพระเจ้า พวกเขากำลังรอคอยการพิพากษาของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึงบรรดาศัตรูของพวกเขา
9 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณทั้งหลายที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น 10 เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา” 11 แล้วพระองค์ประทานเสื้อคลุมสีขาวแก่พวกเขาแต่ละคน และทรงบอกให้พักต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง จนกว่าผู้ร่วมรับใช้และพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนอย่างพวกเขาครบจำนวน
บริบททางวรรณกรรม
ในบทที่ 11 ยอห์นเผยพระวจนะ 3 เรื่อง คือ
(1) การวัดพระวิหาร ซึ่งน่าจะเล็งถึงพระเจ้าทรงประเมินสภาพชีวิตฝ่ายวิญญาณของบรรดาผู้เชื่อ (เพราะตอนที่ยอห์นเขียนพระธรรมนี้ พระวิหารในเยรูซาเล็มถูกทำลายลงแล้ว)
(2) พยานทั้งสอง คือ การเป็นพยานครั้งใหญ่ด้วยหมายสำคัญการอัศจรรย์ของผู้เชื่อและการพลีชีพของพวกเขา และ
(3) ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตร และเกิดการนมัสการในสวรรค์ การประกาศถึงเวลาการพิพากษาของพระเจ้า พระวิหารในสวรรค์เปิดออก และเกิดปรากฏการณ์ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง แผ่นดินไหว และลูกเห็บตกอย่างหนัก
บทที่ 12-13 ยอห์นได้เห็นหมายสำคัญเรื่องผู้หญิง และพญานาค และสัตว์ร้ายสองตัว
บทที่ 14 ยอห์นได้เห็นนิมิต 3 เรื่องคือ
(1) พระเมษโปดกทรงยืนอยู่บนภูเขาศิโยน กับพวกที่อยู่กับพระองค์ซึ่งมีจำนวน 144,000 คน
(2) การประกาศของทูตสวรรค์ทั้งสาม ทูตสวรรค์องค์แรกประกาศแก่คนทั้งหลายในโลกให้กลับใจ ทูตสวรรค์องค์ที่สอง ประกาศการพังพลายของบาบิโลน และทูตสวรรค์องค์ที่สาม ประกาศการพิพากษาต่อผู้ที่บูชาสัตว์ร้าย และ
(3) การเก็บเกี่ยวแผ่นดินโลก ซึ่งปรากฏให้เห็น 2 อย่างคือ บุตรมนุษย์ทรงเก็บเกี่ยวบรรดาผู้ชอบธรรม และทูตสวรรค์เกี่ยวรวบรวมพวงองุ่นจากเถาองุ่นแห่งแผ่นดินโลก
การศึกษาเรื่อง “ชัยชนะของบรรดาผู้พลีชีพ” จากพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 15:1-4
คำนำ
พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 15:1-4 ที่จะแบ่งปันในวันนี้ เป็นนิมิตของยอห์นที่ได้เห็นหมายสำคัญเกี่ยวกับ ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือภัยพิบัติสุดท้ายเจ็ดอย่าง ระหว่างที่ยอห์นได้เห็นหมายสำคัญนั้นเองท่านได้เห็นนิมิตอีกอย่างหนึ่งแทรกอยู่ให้หมายสำคัญนี้ คือท่านได้เห็นบรรดาผู้พลีชีพปรากฏตัวอยู่หน้าพระที่นั่งของพระเจ้าในสวรรค์ พวกเขาได้ร้องบทเพลงนมัสการต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์
การศึกษาวันนี้จะให้ชื่อว่า “ชัยชนะของบรรดาผู้พลีชีพ” จากพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 15:1-4
15:1 แล้วข้าพเจ้าเห็นหมายสำคัญในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง คือมีทูตสวรรค์เจ็ดองค์ถือภัยพิบัติเจ็ดอย่าง ซึ่งเป็นภัยพิบัติสุดท้าย เพราะว่าความกริ้วของพระเจ้าจะสิ้นสุดลงด้วยภัยพิบัติเหล่านั้น
พระคัมภีร์ตอนนี้บรรยายไว้ว่า “ภัยพิบัติสุดท้าย” จากขันทั้งเจ็ดนี้จะทำพระพิโรธหรือความกริ้วของพระเจ้าสิ้นสุดลง
ทำไมพระเจ้าจึงทรงพระพิโรธ ? แน่นอนว่าพระเจ้าทรงกริ้ว…เพราะมนุษย์ทั้งหลายในโลกไม่เชื่อฟังพระเจ้า มนุษย์ทำบาปและไม่ยอมกลับใจ บาปเหล่านั้นสะสมไว้มากจนทำให้พระเจ้าทรงพิพากษามนุษยชาติ
แท้ที่จริงพระเจ้าทรงรักมนุษย์และโลกที่พระองค์ทรงสร้าง พระองค์ทรงกำหนด “พระเมษโปดก” ไว้ตั้งแต่แรกสร้างโลก และทรงตั้งพระองค์ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อทำให้พระพิโรธของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทั้งหลายสงบลง
วิวรณ์ 13:8; และคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกสร้างโลก
โรม 3:25; พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น
ฮีบรู 9:5; เหนือหีบนั้น มีตัวเครูบแห่งพระสิริ กางปีกคลุมพระที่นั่งกรุณานั้น สิ่งเหล่านี้เราไม่อาจพรรณนาให้ละเอียดตอนนี้ได้
ในคำภาษาไทยทั้งสองคำนี้มาจากคำกรีกคำเดียวกันคือ ἱλαστήριον (hilasterion) หมายถึง เหยื่อผู้ชดใช้, ที่ลบล้างพระอาชญา, และเป็นคำเรียกฝาของหีบพันธสัญญาที่พระคัมภีร์เรียกว่า พระที่นั่งกรุณา (Mercy seat)
แท้ที่จริงแล้ว พระเจ้าทรงพระกรุณาแก่มนุษย์ทั้งโลกโดยประทานพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เป็น “พระเมษโปดก” ผู้รับโทษแห่งพระพิโรธของพระเจ้าแทนเรา การสิ้นพระชนม์ของเพื่อไถ่บาปของ “พระเมษโปดก” สะท้อนพระกรุณาของพระเจ้าที่มีต่อเรา แต่ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะกลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้า คนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อฟังได้สะสมบาปไว้ ทั้งไม่ยอมกลับใจเป็นเหตุให้พระพิโรธของพระเจ้าท่วมล้นขันแห่งพระพิโรธของพระองค์ จนพระองค์ต้องเทการพิพากษาลงมา และตอนนี้ นิมิตของยอห์นกำลังนำเรามาถึงการเทพระพิโรธชุดสุดท้ายคือ “ขันทั้งเจ็ด” เพื่อพิพากษาโลกแล้ว
แน่นอนว่า การพิพากษาของพระเจ้าจะมาถึงคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง แต่สำหรับคนที่ตอบสนองพระกรุณาคุณของพระองค์แล้ว พวกเขาคือผู้ที่ได้รับชัยชนะ และพระธรรมตอนนี้เปิดเผยถึง
ชัยชนะของบรรดาผู้พลีชีพ เหล่านี้คือ
ประการที่ 1. พวกเขาได้เข้ามาเฝ้าอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า ก่อนที่พระองค์จะเทการพิพากษาชุดสุดท้ายลงบนแผ่นดินโลก (15:2)
15:2 และข้าพเจ้าเห็นสิ่งที่เป็นเหมือนอย่างทะเลแก้วปนไฟ และเห็นบรรดาคนที่มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย และต่อรูปของมัน และต่อตัวเลขของชื่อมัน เขาทั้งหลายยืนอยู่ริมทะเลแก้วและถือพิณของพระเจ้า
ยอห์นได้เห็นนิมิตอีกอย่าง ที่แทรกอยู่ในหมายสำคัญตอนนี้
“ทะเลแก้วปนไฟ” ในตอนนี้ ทำให้เรานึกถึงบริเวณหน้าพระที่นั่งของพระเจ้า ใน วิวรณ์ 4:6ก “และตรงหน้าพระที่นั่งนั้นเป็นเหมือนอย่างทะเลแก้วที่ใสเหมือนแก้วผลึก …”
แต่ทะเลแก้วที่ปนด้วยไฟนี้น่าจะหมายถึงพระพิโรธและการพิพากษาที่อยู่ต่อหน้าพระที่นั่งของพระองค์
ยอห์นบรรยายถึงภาพของหน้าพระที่นั่งของพระเจ้าในสวรรค์ ริมทะเลแก้วปนไฟหน้าพระที่นั่งนั้น มีบรรดาคนที่ยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้นด้วย
คำว่า “ริม” มาจากคำกรีกว่า epi แปลว่า เหนือ หรือบน
“บรรดาคนที่มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย และต่อรูปของมัน และต่อตัวเลขของชื่อมัน” พวกเขายืนอยู่บนทะเลแก้ว หน้าพระที่นั่งของพระเจ้านั้น
พวกเขามีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย รูปเคารพของมัน และระบบของมัน พวกเขาคือบรรดาพยานของพระเยซูคริสต์ที่ยอมตายเพราะความเชื่อและจงรักภักดีต่อพระเยซู พวกเขาไม่ยอมบูชาสัตว์ร้าย ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับการข่มเหงแม้ต้องแลกด้วยชีวิต ยอห์นกล่าวถึงคนเหล่านี้ไว้ตั้งแต่ วว.7:4 ว่า
ก. พวกเขาคือคน 144,000 คน ที่ได้รับการประทับตรา (วว.7:4)
วว.7:4 และข้าพเจ้าได้ยินว่าจำนวนผู้ที่ได้รับการประทับตรามี 144,000 คน พวกที่ได้รับการประทับตราแล้วนั้นมาจากทุกเผ่าในอิสราเอล
พวกเขามีชัยชนะโดยการปกป้องของพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงประทับอยู่กับพวกเขา
ข. พวกเขาถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และจงรักภักดีต่อพระเยซู (วว.4:12)
ลักษณะของพวกเขา ใน วว.14:12 คือ..
12 นี่แหละคือความทรหดอดทนที่พวกธรรมิกชนจะต้องมี คือพวกที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และจงรักภักดีต่อพระเยซู
ค. พวกเขาถูกไถ่เป็นผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก เป็นพวกที่ติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน (วว.14:1-4)
พวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวกับบรรดาคน 144,000 คน ที่อยู่กับพระเมษโปดกผู้ประทับยืนอยู่บนภูเขาศิโยน ใน วว.14:1-4
1 แล้วข้าพเจ้าเห็น นี่แน่ะ พระเมษโปดกทรงยืนอยู่บนภูเขาศิโยน และพวกที่อยู่กับพระองค์ซึ่งมีจำนวน 144,000 คนนั้น เป็นผู้ที่มีพระนามของพระองค์และพระนามของพระบิดาของพระองค์เขียนไว้บนหน้าผากของพวกเขา 2 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องดังสนั่น และเสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเหมือนอย่างเสียงที่พวกดีดพิณกำลังเล่นพิณของเขาอยู่ 3 เขาทั้งหลายร้องเพลงบทใหม่หน้าพระที่นั่ง และต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถเรียนรู้เพลงบทนั้นนอกจากคน 144,000 คน ที่ได้รับการไถ่แล้วจากแผ่นดินโลก 4 คนเหล่านี้เป็นคนที่ไม่มีมลทินกับผู้หญิง เพราะว่าพวกเขาเป็นพรหมจารี เป็นพวกที่ติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน พวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับการไถ่แล้วจากมวลมนุษย์เพื่อเป็นผลแรกถวายแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก
บรรดาคน 144,000 คนนั้นที่ถูกไถ่ไว้แล้วนั้น ก่อนที่ภัยพิบัติชุดสุดท้ายจากขันทั้งเจ็ดจะเทลงมา อาจไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผู้เชื่อเหลืออยู่บนแผ่นดินโลก เพราะใน บทที่ 18 ยังทีการร้องเรียกประชากรของพระเจ้าให้ออกมาจากบาบิโลน มหานครที่กำลังจะถูกทำลาย
วว.18:4 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งจากสวรรค์กล่าวว่า “จงออกมาจากนครนั้นเถิด ชนชาติของเราเอ๋ยว เพื่อเจ้าจะไม่มีส่วนกับบาปของนครนั้น และเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ต้องรับ ภัยพิบัติของนครนั้น
ตัวเลข 144,000 น่าจะเป็นสัญลักษณ์แทนผู้เชื่อแท้หรืออิสราเอลฝ่ายวิญญาณทั้ง 12 เผ่า ซึ่งจะสอดคล้องกับ “เจ้าสาวของพระเมษโปดก” หรือ “นครเยรูซาเล็ม” ที่ลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า (วว.21:2, 9-10, 16-17)
ง. พวกเขาจะได้หยุดพักจากการตรากตรำของเขา เพราะพระเมษโปดกทรงเก็บเกี่ยวพวกเขามาจากแผ่นดินโลกแล้ว (วว.14:13)
พวกเขาคือบรรดาผู้ชอบธรรมที่พระเมษโปดกทรงเก็บเกี่ยวพวกเขาจากแผ่นดินโลกให้มาอยู่กับพระองค์ บัดนี้พวกเขาได้พักแล้ว และได้เข้ามานมัสการพระเจ้าต่อหน้าพระที่นั่งของพระองค์ในสวรรค์
14:13 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้ไป คนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นสุข” และพระวิญญาณตรัสว่า “จริงอย่างนั้น พวกเขาจะได้หยุดพักจากการตรากตรำของเขา เพราะการงานที่พวกเขาได้ทำนั้นจะติดตามเขาไป” 14 และข้าพเจ้าเห็น นี่แน่ะ มีเมฆสีขาว และผู้หนึ่งประทับอยู่บนเมฆนั้นเหมือนบุตรมนุษย์ มีมงกุฎทองคำอยู่บนพระเศียร และมีเคียวอันคมกริบอยู่ในพระหัตถ์ 15 และมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหาร ร้องทูลพระองค์ผู้ประทับอยู่บนเมฆนั้นด้วยเสียงดังว่า “จงใช้เคียวของพระองค์เก็บเกี่ยวเถิด เพราะถึงเวลาเกี่ยวแล้ว เพราะว่าผลที่ต้องเก็บเกี่ยวบนแผ่นดินโลกสุกงอมแล้ว” 16 และพระองค์ผู้ประทับอยู่บนเมฆ ก็ทรงตวัดเคียวไปบนแผ่นดินโลก และแผ่นดินโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว
พระคัมภีร์ใน วว.15:2 ตอนนี้ เปิดเผยให้เรารู้ว่า บัดนี้ พวกเขาเหล่านั้นได้เข้ามาอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าในสวรรค์แล้ว ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งผ่านพ้นความทุกข์เข็ญครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก พวกเขาอดทนต่อการทดลองใจ รักษาพระบัญญัติพระเจ้า จงรักภักดีต่อพระเยซู พวกเขาเป็นพยานถึงพระองค์อย่างไม่รักตัวกลัวตาย แม้ความตายจะพรากชีวิตของพวกเขาในโลกไป แต่บัดนี้พระเมษโปดกได้พาพวกเขาเข้ามาอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าในสวรรค์แล้ว
พี่น้องที่รัก ความทุกข์ยากในปัจจุบันนี้ จะเกิดขึ้นเป็นเวลาชั่วคราวและจะมีเวลาสิ้นสุด แต่เวลาที่เราทั้งหลายที่เชื่อจะได้พักในสวรรค์ต่อพระพักตร์พระเจ้านั้นเป็นเวลาชั่วนิรันดร์ พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นมัดจำแห่งความรอดแก่เรา พระองค์ประทับตราเราแต่ละคนเพื่อจะถูกไถ่ให้รอด ขอให้เราแต่ละคนมีความเชื่อและพึ่งพาพระองค์อย่างเต็มที่ที่จะผ่านความลำบากยากแค้นทางเศรษฐกิจ โรคระบาดอย่างเชื้อ COVID19 หรือการถูกข่มเหงจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ขออย่าให้ความทุกข์ยากเหล่านี้ทำให้เราทิ้งพระเจ้าหรือเลิกรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ เหมือนที่นิมิตของยอห์นในตอนนี้ หนุนใจเรา และให้ความหวังถึงการไถ่อันแน่นอนแก่เรา
ประกาศของรัฐบาลเกี่ยวกับการงดจัดชุมนุมชั่วคราว เพราะโรคระบาดจาก COVID19 เป็นบททดสอบหนึ่งของคริสตจักรและผู้เชื่อ ว่าจะตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไร แน่นอนว่าเราให้ความร่วมมือกับรัฐ แต่เราต้องไม่ละเลยการนมัสการพระเจ้าในคริสตจักรด้วย เพราะพระเจ้าทรงเรียกเราทั้งหลายให้มานมัสการพระองค์
คริสตจักรจะงดประชุมนมัสการวันอาทิตย์เลยไหม? สมาชิกบางคนจะขาดการประชุมนมัสการเลยไหม?
พี่น้องที่รักที่เป็นบททดสอบหนึ่งที่เราต้องคิดและตอบสนองให้ถูกต้อง และโดยเฉพาะถ้าเราเป็นผู้นำคริสตจักร เราเองต้องรีบใช้โอกาสนี้หนุนใจสมาชิกให้มีความเชื่อ ขอสติปัญญาและการทรงนำจากพระเจ้า เพื่อที่จะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ชัยชนะของบรรดาผู้พลีชีพ ประการแรกคือ พวกเขาได้เข้ามาเฝ้าอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า ก่อนที่พระองค์จะเทการพิพากษาชุดสุดท้ายลงบนแผ่นดินโลก (15:2)
ประการที่ 2. พวกเขาได้เข้ามานมัสการต่อพระพักตร์พระเจ้าด้วยบทเพลงแห่งการช่วยกู้ (15:2ข – 4)
สุดยอดปรารถนาของผู้เชื่อแท้คือการได้เข้ามาใกล้ชิดพระเจ้า และได้นมัสการพระองค์ การร้องบทเพลงนมัสการเป็นช่วงเวลาที่ เราจะได้โห่ร้องยินดี มีความสุขที่ได้ชื่นชมพระบารมีของพระเจ้า และถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์
ตอนนี้คนทั้งหลายที่ได้รับการไถ่เขามีความชื่นชมยินดีอย่างมาก และได้ร้องบทเพลงแห่งการช่วยกู้ของพระเจ้า
วว.15:2ข – 3ก ..เขาทั้งหลายยืนอยู่ริมทะเลแก้วและถือพิณของพระเจ้า 3 เขาร้องเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และร้องเพลงของพระเมษโปดก…
คนทั้งหลายที่หน้าพระที่นั่งได้รับพิณของพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้นมัสการพระองค์ด้วยเครื่องดนตรีแห่งสวรรค์ที่พระองค์ทรงประทานให้แก่พวกเขา
ใน วว.14:3 บอกว่า หน้าพระที่นั่ง และต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้อาวุโส นั้น เขาทั้งหลายร้องเพลงบทใหม่ไม่มีใครสามารถเรียนรู้เพลงบทนั้นนอกจากคน 144,000 คน ที่ได้รับการไถ่แล้วจากแผ่นดินโลก
ตอนนั้น พวกเขาอาจกำลังเรียนรู้ที่จะร้องเพลงบทใหม่ แต่ตอนนี้ (วว.15:3) บทเพลงของพวกเขาได้เปิดเผยความหมายอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็น “บทเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ และบทเพลงของพระเมษโปดก”
“บทเพลงของโมเสส” เชื่อมโยงกับ บทเพลงของโมเสส ใน เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 32 เนื้อร้องนั้นได้ร้องทบทวนถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่มีต่อชาวอิสราเอล พระองค์ทรงไถ่พวกเขาออกมาจากอียิปต์และทรงค้ำจุนชีวิตของพวกเขาในปัจจุบัน และ บทเพลงของโมเสสและมิเรียม ใน อพย.15:1-8 นั้นได้ร้องเพื่อเฉลิมฉลองการช่วยกู้ของพระเจ้าที่พาพวกเขาออกมาจากอียิปต์
ถ้า “บทเพลงของโมเสส” สะท้อนถึงสภาพความเป็นจริงทางกายภาพของชาวอิสราเอลในประวัติศาสตร์แล้ว “บทเพลงของพระเมษโปดก” ก็สะท้อนถึงการที่พระเมษโปดกทรงไถ่ประชากรของพระเจ้าในปัจจุบัน แม้ในที่นี้ ยอห์นจะกล่าวถึงชื่อของ “2 บทเพลง” ที่ต่างกัน แต่ทั้งสองบทเพลงนี้ให้ความหมายที่เป็นเรื่องเดียวกัน (หรือธีมเดียวกัน) คือ คนทั้งหลายที่พลีชีพและได้รับชัยชนะ (Victorious Martyr) นั้นร้องถึงพระราชกิจแห่งการไถ่ของพระเจ้าที่ทรงไถ่ประชากรของพระองค์
เนื้อหาของ บทเพลงแห่งการช่วยกู้ นั้น ได้มุ่งไปที่การยกย่องสรรเสริญพระลักษณะของพระเจ้า พระราชกิจของพระองค์ และการเข้ามาถวายพระเกียรติ ความยำเกรง และการนมัสการแด่พระองค์ คือ
1)สรรเสริญพระลักษณะของพระเจ้า และพระราชกิจของพระองค์ (พระองค์ทรงเป็น และพระองค์ทรงกระทำ)
วว.15:3 เขาร้องเพลงของโมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้า และร้องเพลงของพระเมษโปดกว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์
ข้าแต่องค์พระมหากษัตริย์ของบรรดาประชาชาติ บรรดามรรคาของพระองค์ยุติธรรมและสัตย์จริง
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทรงทำพระราชกิจแห่งการไถ่ที่ “ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์” เทียบกับการไถ่อิสราเอลออกจากการเป็นทาสของคนอียิปต์ กับการไถ่มนุษยชาติทั่วโลกจากการเป็นทาสของบาป ความตาย และมาร
พระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ของทุกประชาชาติ (King of the nations, ὁ βασιλεὺς τῶν ἐθνῶν), หรือสำเนาโบราณบางฉบับแปลว่ากษัตริย์ของทุกยุคสมัย (King of the Ages) ความหมายสำคัญน่าจะหมายถึง การครอบครองของอันไม่จำกัดของพระองค์
2. ยอมรับพระเจ้าเป็นผู้เดียวที่ทรงบริสุทธิ์ เพื่อจะถวายพระเกียรติและความยำเกรงแด่พระองค์ (พระองค์ทรงเป็น และ การตอบสนองของผู้ขับร้องเพลงนมัสการ)
วว.15:4ก ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างไม่เกรงกลัวพระองค์ และไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงเป็นผู้บริสุทธิ์
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ร้องถึงพระลักษณะพระเจ้าทรงผู้บริสุทธิ์ และทุกคนจะต้องเกรงกลัวพระองค์ และถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์
3. ยกย่องพระราชกิจแห่งการไถ่ของพระเมษโปดก เพื่อจะมานมัสการต่อพระพักตร์พระองค์ (พระองค์ทรงกระทำ และ การตอบสนองของผู้ขับร้องเพลงนมัสการ)
วว.15:4ข ประชาชาติทั้งหมดจะมา นมัสการเฉพาะพระพักตร์พระองค์
เพราะว่าพระราชกิจอันชอบธรรมของพระองค์ปรากฏให้เห็นแล้ว”
พวกเขาคือบรรดาผู้เชื่อที่มาจากหลายประชาชาติ ที่ได้รับการไถ่แล้วโดยพระราชกิจอันชอบธรรมของพระเมษโปดก บัดนี้พวกเขาเข้ามานมัสการพระองค์
สรุปและประยุกต์ใช้
อย่ากลัวความทุกข์ยากในการรับใช้พระเจ้าในโลกนี้ เพราะพระเจ้ามีพระพร มีสิทธิพิเศษ สำหรับผู้ที่รับใช้พระองค์ ทุกคนย่อมต้องตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่คำสัญญาของพระเจ้าสำหรับคนที่ทุ่มเทในการรับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ ไม่กลัวแม้ความตายเขาจะได้พระพรและสิทธิพิเศษอย่างแน่นอน ตามพระคัมภีร์ที่เราได้ศึกษา
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com