ก้าวที่ 29 ลก8:11-15 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระวจนะของพระคริสต์”
ลักษณะชีวิตผู้ที่ตอบสนองพระวจนะ ลก8:11-15 มีทั้งหมด 5 ตอน
ก้าวที่ 29 ดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร(เป็นประโยชน์)
ก้าวที่ 30 อย่าดำเนินชีวิตที่ไม่ตอบสนองพระวจนะ
ก้าวที่ 31 อย่าดำเนินชีวิตตามโลก
ก้าวที่ 32 อย่าดำเนินชีวิตไม่ผ่านการทดสอบทดลอง
ก้าวที่ 33 ดำเนินชีวิตตามที่ได้เรียนรู้เรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
เขียนโดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 4 เม.ษ.2020
ตอนที่ 1 ดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร(เป็นประโยชน์)
1.ยอมรับพระวจนะ (15ก)
2.ดำเนินชีวิตตามพระวจนะ (15ข)
พระเยซูทรงอธิบายอุปมาเรื่อง ผู้หว่านเมล็ดพืช
(มธ.13:18-23; มก.4:13-20)
11“อุปมานั้นหมายถึงอย่างนี้ เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า 12ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด
13ที่ตกบนหินหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วก็รับพระวจนะนั้นด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เชื่อได้เพียงชั่วคราว เมื่อถูกทดลองก็หลงไป
14ที่ตกกลางหนามหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว และขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่ ความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานของชีวิตนี้ ก็รัดพวกเขาจนทำให้ผลไม่เติบโต
15ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
มธ.13:23 ส่วนเมล็ดซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
มก.4:20 ส่วนพืชที่หว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้น และรับไว้ จึงเกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง”
เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้ เป็นคำสอนเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินสวรรค์ พระองค์สอนบนเรือที่ทะเลสาบกาลิลี โดยสอนเป็นคำอุปมา
มธ13:1-2ในวันนั้นพระเยซูเสด็จจากบ้านไปประทับที่ชายทะเลสาบ 2มีมหาชนมาหาพระองค์ พระองค์จึงเสด็จลงไปประทับในเรือ และฝูงชนทั้งหมดก็ยืนอยู่บนฝั่ง
ผู้ฟังในเวลานั้นมีมหาชน ประชาชนทั่วไป และพวกสาวก เนื้อหาเป็นเรื่องแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า โดยพระเยซูคริสต์อธิบายคำอุปมาให้สาวกเข้าใจ แสดงว่าพระเยซูคริสต์อธิบายให้คนที่เชื่อพระองค์แล้วเข้าใจ แต่ผู้ที่ฟังอุปมาแล้วไม่เข้าใจในคำสอนของพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องได้
ผู้ที่ฟังแล้วไม่เข้าใจก็เหมือนคนที่ไม่เชื่อ หากคนที่ฟังไม่ว่าจะเป็นคนเชื่อหรือไม่เชื่อหากพวกเขาไม่เข้าใจคำอุปมานี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามอุปมานี้ จนเกิดผลได้
คำเทศนาตอนนี้ เน้นเรื่องลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระวจนะของพระคริสต์” ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า เน้นเรื่องผู้เชื่อควรมีลักษณะชีวิตอย่างไรในเรื่องผู้เป็นสุข มธ5:3-12 ซึ่งเราได้เรียนไปแล้ว วันนี้มาถึงลก8:15ในตอนนี้ผู้เชื่อก็ยังต้องเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตตอบสนองพระวจนะของพระคริสต์ด้วย
ที่นำลก8:11-15 เป็นตอนเทศนาหลัก เนื่องจากการดูภาษาเดิมพบว่า มธ13:23 และมก4:20 ใช้รูปการเขียน ทั้งประโยคไวยากรณ์แทบจะเหมือนกันเลย ดูเหมือนทั้งสองเล่มจะมีแหล่งอ้างอิงการเขียนจากแหล่งเดียวกัน แต่ลูกา8 มีความแตกต่างจากมัทธิว และมาระโก ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเทศนาสูงสุดจึงเลือกพระธรรมลูกา เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับมัทธิว และมาระโก
ผลที่พระเยซูคริสต์คาดหวังเมื่อสาวกได้ยิน ได้ฟัง ได้เข้าใจอุปมาจากพระวจนะตอนนี้ คือ การที่พวกเขาเข้าใจแล้วไปทำให้เกิดผล
จากพระคัมภีร์ 3 ตอนที่เราได้อ่านไปแล้วในตอนต้น ลูกาบอกว่า เกิดผลโดยความอดทน, มัทธิว:เกิดผลร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่าบ้าง แต่มาระโก เขียนว่าเกิดผลจากน้อยไปหามาก
การเกิดผล GK2592:karpophoreó (v) อ่านว่า(kar-pof-or-eh’-o) หมายความว่า นำส่ิงที่เรียนรู้ออกมาปฎิบัติได้ เหมือนผลของการที่คนคนนั้นปฎิบัติได้ ตามที่เขาได้เรียนรู้เรื่องคำสอนทางศาสนา แสดงออกมาเป็นการกระทำได้ สรุปย่อ คือ
“แสดงความรู้ด้านศาสนาของเขาโดยการกระทำของพวกเขา หรือโดยการดำเนินชีวิตของพวกเขา”
คำนี้ใช้ใน คส1:10 การเกิดผลเป็นชีวิตที่ชอบพระทัย และถวายผลแด่พระเจ้าใน รม7:4
คส1:10 เพื่อพวกท่านจะดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ทุกประการ คือให้ท่านเกิดผลในการดีทุกอย่าง และเจริญขึ้นในความรู้ถึงเรื่องพระเจ้า
รม7:4เช่นนั้นแหละ พี่น้องทั้งหลาย ท่านได้ตายจากธรรมบัญญัติทางพระกายของพระคริสต์ เพื่อท่านจะเป็นของผู้อื่น คือของพระองค์ผู้ที่พระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว เพื่อเราจะได้เกิดผลถวายแด่พระเจ้า
คำว่า เกิดผล ภาษาเดิมมาจากคำว่า เกิด+ผล GK2590:karpos (n) อ่านว่า (kar-pos’) ผล ให้ความหมายเปรียบเทียบ สิ่งที่กระทำทุกอย่างในความเป็นหุ้นส่วนแท้กับพระคริสต์ ผู้เชื่อมีชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ โดยนิยามผลเป็นสองสิ่งที่เกิดจากการไหลผ่านจากชีวิต คือ พระเจ้าดำรงชีวิตอยู่ในเรา เพื่อให้ได้สิ่งที่เป็นนิรันดร์
ใช้ในยน15:4จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา
สรุป การเกิดผล จึงเป็นเรื่องของชีวิต เป็นการดำเนินชีวิต เป็นสิ่งที่กระทำทุกอย่างในความเป็นหุ้นส่วนแท้กับพระคริสต์ ผู้เชื่อมีชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ กล่าวคือ
“เขาแสดงความรู้ด้านศาสนาของเขาโดยการกระทำของพวกเขา หรือโดยการดำเนินชีวิตของพวกเขา”
ส่วนการเกิดผล ร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่า และการเกิดผลโดยความอดทนจะอธิบายในเนื้อหาต่อไป
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา ลก8:11-15 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระวจนะของพระคริสต์” มีทั้งหมด 5 ตอน
ตอนที่ 1 ดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร(เป็นประโยชน์)
1.ยอมรับพระวจนะ (15ก)
ลก8:15ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
มธ.13:23 ส่วนเมล็ดซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
มก.4:20 ส่วนพืชที่หว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้น และรับไว้ จึงเกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง”
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“พระวจนะ” ทั้งสามตอนใช้รากศัพท์อันเดียวกัน GK3056:logos(n) อ่านว่า (log’-os) ในตอนนี้ เป็นหลักคำสอนเกี่ยวกับความสำเร็จผ่านทางพระเยซูคริสต์แห่งความรอดของอาณาจักรของพระเจ้า
Maclaren:เมล็ดอย่างเดียวกันแต่ตกตามดินสี่ชนิดที่แตกต่างกัน ผู้หว่านในสมัยนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะหว่านเมล็ดในดินที่ไม่สามารถเกิดผลได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ACTS:แต่เขาไม่รู้ว่าเมล็ดที่หว่านลงไปในทุ่งนานั้น มีหินตรงไหน มีเมล็ดหนามตรงไหน เคยเป็นดินที่มีคนเหยียบย่ำเป็นดินแน่นเหมือนถนนตรงไหน หรือเป็นดินดีตรงไหน แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงตอนเมล็ดเกิดผลออกมาจึงจะรู้ว่าดินบริเวณนั้นเป็นอย่างไร
สิ่งที่สะท้อนว่าพวกเขายอมรับพระวจนะ เขาตอบสนองพระวจนะด้วยการจดจำ นำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ จากพื้นฐานชีวิต มาจากจิตใจที่ดีอยู่แล้ว
คือ ลก8:15 บอกว่าพวกเขาได้ยิน แล้วจดจำไว้ GK2722:katechó (v) อ่านว่า (kat-ekh’-o) หมายความว่า ยึดมั่นอย่างเร็ว เก็บไว้อย่างปลอดภัย รักษาการครอบครอง
ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ GK2570:kalos (adj) อ่านว่า (kal-os’) ภาษาเดิม หมายความว่า ดี,ดีเลิศในธรรมชาติของตัวมันเอง ดังนั้นทำให้ดีในการปรับตัวได้ดี ,ได้ผลดีในที่สุดด้วยตัวมันเอง
ดีงาม GK18:agathos(adj) อ่านว่า (ag-ath-os’) ภาษาเดิมตอนนี้ หมายความเปรียบเทียบว่า เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ เป็นต้นไม้ที่มีผล
ทำให้เราเข้าใจว่า ใครที่มีพื้นฐานชีวิตจิตใจที่ดีอยู่แล้ว เมื่อเขารับพระวจนะพระเจ้า ซึ่งพระวจนะเป็นส่ิงที่ดีมากๆ ดังนั้นพระวจนะจะเป็นประโยชน์กับชีวิตของผู้ฟัง เขาจะดำเนินชีวิตได้ดีมากยิ่งขึ้น เป็นผลมาจากชีวิตที่มีพระเยซูคริสต์ ผ่านการยอมรับพระวจนะของพระองค์
สิ่งที่สะท้อนว่าพวกเขายอมรับพระวจนะ จาก มธ13:23 และ มก4:20 บอกว่าพวกเขาได้ยิน และ เข้าใจ GK4920:suniémi (v) อ่านว่า (soon-ee’-ay-mee) ภาษาเดิม หมายความว่า นำความจริงมารวมกัน ทำให้มาถึงสรุปย่อหรือความเข้าใจท้ายสุด สมบูรณ์โดยการนำไปประยุกต์ใช้ได้ คำว่า “เข้าใจ”นี้ใช้ใกล้ชิดกับความฉลาดในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า (GK2307)
พวกเขาได้ยิน และรับไว้ GK3858:paradechomai (v) อ่านว่า (par-ad-ekh’-om-ahee) ภาษาเดิม หมายความว่า ยอมรับ ไม่ปฎิเสธ เปิดใจยอมรับ ต้อนรับด้วยความสนใจ
ลก11:28แต่พระองค์ตรัสว่า “คนทั้งหลายที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าแล้วถือรักษาไว้ต่างหากที่เป็นสุข”
พระเยซูคริสต์ใช้พวจนะ ในการสร้างชีวิตผู้เชื่อให้เกิดผล หากพวกเขาไม่เห็นคุณค่าพระวจนะ ไม่จดจำไว้ ไม่เข้าใจ ไม่รับไว้ แล้วพวกเขาจะถูกสร้างชีวิตให้เกิดผลตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างไร
อ.เปาโล สนับสนุนเรื่องให้ดำเนินชีวิตใหม่ตามที่ได้เรียนรู้หรือได้ถูกสอนเรื่องพระเยซูคริสต์ ถูกสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้า
อฟ4:21-24 พวกท่านเคยฟังเรื่องของพระองค์แล้วอย่างแน่นอน และเคยได้รับการสอนเรื่องพระองค์ตามสัจธรรมที่อยู่ในพระเยซูแล้ว 22คือได้รับการสอนให้ทิ้งตัวเก่าของพวกท่านที่คู่กับการประพฤติแบบเดิม ซึ่งถูกตัณหาล่อลวงทำให้พินาศไป 23และให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ 24และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
“ผู้เชื่อทุกวันนี้ยอมรับการสอนพระวจนะไหม ยอมรับการสร้างชีวิตไหม ตั้งใจดำเนินชีวิตตามที่ได้รับการสั่งสอนไหม”
คำสอนของพระเยซูคริสต์บอกว่าเราว่าคนที่ยอมรับพระเยซูคริสต์ คือ คนที่ฟังพระวจนะ จดจำไว้ เก็บรักษา เข้าใจ รับไว้ เกิดผลด้วยความอดทน ที่พระเยซูคริสต์ต้องสอนเป็นคำอุปมา เพราะต้องการซ่อนความจริงจากคนที่ไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าใจ
มธ13:11พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ข้อความลึกลับแห่งแผ่นดินสวรรค์ โปรดให้พวกท่านรู้ได้ แต่คนเหล่านั้นไม่โปรดให้รู้
เวลาที่เราจะสอน หรือจะสร้างคนก็ต้องเลือกคนเช่นเดียวกัน หากเราสอนพวกดินดี คือ คนที่ยอมรับพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาจะตอบสนองพระวจนะของพระเจ้า เข้าใจพระวจนะได้ และดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้
ทุกวันนี้คริสตจักรหรืออาจารย์ หรือผู้นำใช้เนื้อหาหลักอะไรในการสอนในการสร้างคน ใช้ตัวอย่างเป็นหลักหรือเปล่า ใช้ปรัชญาคำสอนของมนุษย์เป็นหลักหรือเปล่า ใช้คำคมของนักคิดนักปรัชญาเป็นหลักหรือเปล่า
ยก1:21เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้
“ถ้าคริสตจักรไม่ใช้พระวจนะในการสร้างชีวิตของผู้เชื่ออย่างถูกต้อง เรื่องนี้จะสร้างปัญหาในระยะยาวเมื่อคนไม่ดำเนินชีวิตตามพระวจนะ”
2.ทำตามพระวจนะ (15ข)
ลก8:15ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
“ทรหดอดทน” GK5281:hupomoné(n) อ่านว่า (hoop-om-on-ay’) รากศัพท์มาจากคำว่า อยู่ภายใต้ความทุกข์ หรือความเจ็บปวด ความยาก
ให้ความหมาย ลักษณะชีวิตของคนที่มั่นคงไม่หวั่นไหว จากวัตถุประสงค์ ไม่หวั่นไหวจากเจตนา จากความจงรักภักดีต่อความเชื่อ และความเคร่งครัด โดยไม่หวั่นไหวต่อการทดลองใหญ่และความทุกข์ยากที่ยิ่งใหญ่
ยก1:3 เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน
มธ24:13 แต่ใครสู้ทนถึงที่สุดก็จะได้รับการช่วยให้รอด
อดทน แสดงว่า การเกิดผลต้องใช้เวลา ต้องรอคอย จะเกิดผลดีในชีวิตต้องใช้เวลา เพื่อให้มั่นคงในความเชื่อ ไม่พ่ายแพ้การทดลอง
Bengel: “คนที่อดทนรอคอยด้วยความหวัง เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง ยั่งยืนได้ด้วยความหวังที่ดี จะเกิดผลดีในที่สุด”
ผู้เชื่อต้องมีความอดทนในการทำตามที่ได้เรียนรู้จากพระเยซูคริสต์ ต้องมีความอดทนในการสร้างชีวิต ต้องมีความอดทนเพื่อจะดำเนินชีวิตตามทางของพระเยซูคริสต์
ลก21:19 พวกท่านจะได้ชีวิตรอดโดยความทรหดอดทนของท่าน
อย่าให้เวลาที่เราเชื่อพระเจ้านานมากขึ้นแต่ชีวิตไม่เกิดผล เพราะเราไม่มีความอดทน ไม่มีความมั่นคงในความเชื่อ ไม่ทำตามในส่ิงที่เราได้เรียนรู้จากพระวจนะ ไม่สนใจที่จะฟังพระวจนะเพราะอยากดำเนินชีวิตตามใจตนเอง
มธ.13:23 ส่วนเมล็ดซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
มก.4:20 ส่วนพืชที่หว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้น และรับไว้ จึงเกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง”
การเกิดผล ร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่า ตีความว่าเป็นการเปรียบเทียบระหว่างการดำเนินชีวิต หรือการประพฤติปฎิบัติได้ เป็นกี่เท่าของการเรียนรู้เรื่องพระเยซูคริสต์วัดได้ทั้งปริมาณหรือคุณภาพ
“ทำได้เป็นกี่เท่า(ทำได้ดีกี่เท่า) ของสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพระเยซูคริสต์”
บางเรื่องเราอาจเรียนจนเข้าใจจากชีวิตของพระเยซูคริสต์ เช่น
เรื่องการให้อภัย:เราให้อภัยได้กี่เท่า จากที่เราได้เรียนรู้
เรื่องการสร้างสันติ:เราสร้างสันติได้กี่เท่า จากที่เราเรียนรู้
เรื่องความถ่อมใจ:เราถ่อมใจได้กี่เท่าจากที่เราเรียนรู้
เรื่องการอธิษฐาน :เราอธิษฐานได้กี่เท่าจากที่เราเรียนรู้
การเกิดผล ร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่า เปรียบเทียบเหมือนผู้หว่านหว่านพืช 100 เมล็ด แต่เกิดผลกี่เมล็ด เกิด 100เมล็ด หรือ 60 เมล็ด หรือ 30 เมล็ด เนื่องจากต่อให้เป็นดินดีแต่หากเมล็ดมีการกระจุกตัวมากเกิน ก็อาจจะเบียดเบียนรากกันทำให้ไม่งอก เหมือนการเรียนมากแต่ทำตามน้อย แต่ก็ยังมีการทำตามพระวจนะบ้าง ดำเนินตามพวจนะบ้าง
การเกิดผล ร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่า เปรียบเทียบกับตะลันต์ความสามารถที่พระเจ้าประทานให้กับผู้เชื่อในฐานะผู้อารักขา ก็ต้องทำให้เกิดผล ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ ตัวอย่างนี้เป็นการประเมินความดีและความสัตย์ซื่อของผู้เชื่อต่อพระเจ้า มธ25:14-30
อีกมุมหนึ่งเราทำหน้าที่ส่วนของเรา พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เกิดผล ไม่ใช่เรา ต้องให้คนได้รับฟังพระวจนะ ให้พระเจ้าทำงานในชีวิตของเขา
1คร3:5-7อปอลโลคือใคร? เปาโลคือใคร? คือผู้ปรนนิบัติซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ ตามงานที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้แต่ละคน 6ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต 7เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ
ความจริงอย่างหนึ่งคือ ต่อให้ผู้เชื่อแต่ละคนเป็นดินดีแต่ของประทาน ความสามารถแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน การเกิดผลไม่เท่ากัน บางคนเกิด 100 เท่า หรือ 60เท่า หรือ 30 เท่า ไม่ควรเปรียบเทียบกัน แต่ชีวิตที่ไม่เกิดผลเลย ไม่ทำอะไรตามที่พระเจ้ากำหนดให้ทำเลยไม่ได้
ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยตามที่พระคัมภีร์สอน เราไม่ปฎิบัติตามพระวจนะเลย เราไม่ดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระเจ้าเลย แล้วเราจะมีชีวิตที่เกิดผลตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ได้อย่างไร เราจะได้รับความสุขอย่างไร
ยก1:25 แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน
จะทำตามพระทัยพระเจ้าได้ต้องมีความทรหดอดทน
ฮบ10:36 ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น
รม2:7สำหรับคนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติ และความเป็นอมตะนั้น พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้
ถ้าเราไม่ฟังพระวจนะ ไม่ยอมรับพระวจนะ ไม่ศึกษาพระวจนะ แล้วเราจะปฎิบัติตามพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร แล้วเราจะเกิดผลได้อย่างไร
คนที่รักพระเจ้า จะประพฤติตามพระวจนะพระเจ้า
ยน14:21ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา”
เรารอดโดยพระคุณของพระเจ้าเมื่อเรารับไว้ด้วยความเชื่อ และพระคุณนั้นก็ยังรักษาเราให้สามารถดำเนินชีวิตชอบธรรมจนถึงชีวิตนิรันดร์ ความชอบธรรมนั้นไม่ได้มาจากการกระทำของเรา แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าด้วย ผ่านทางพระเยซูคริสต์
รม5:21เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงความตายอย่างไร พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างนั้น
ให้ดูผลของชีวิต พระเจ้าให้เป็นเกณฑ์ในการแยกแยะผู้สอนเท็จ
มธ7:17-20 ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว 18ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ 19ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ 20เพราะฉะนั้น พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา
อย่าเป็นคนไร้ผล ไร้ประโยชน์ เพราะเหมือนคนไม่รู้จักพระเจ้า
2ปต1:8ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพวกท่านและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้พวกท่านเป็นคนไม่ไร้ประโยชน์ และไม่ไร้ผลในการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ทต1:16 เขาพูดว่ารู้จักพระเจ้า แต่ในการกระทำนั้นปฏิเสธพระองค์ พวกเขาน่าเกลียดน่าชัง ไม่เชื่อฟัง และไม่เหมาะกับการดีใดๆ เลย
อ.เปาโลหนุนใจเราให้เกิดผลด้วยความทรหดอดทนจากพระเจ้า
คส1:9-11เพราะเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานและทูลขอเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้เรื่องพระประสงค์ของพระองค์โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณ 10เพื่อพวกท่านจะดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ทุกประการ คือให้ท่านเกิดผลในการดีทุกอย่าง และเจริญขึ้นในความรู้ถึงเรื่องพระเจ้า 11ให้พวกท่านมีกำลังด้วยฤทธานุภาพทั้งสิ้นตามอานุภาพแห่งพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ท่านมีความทรหดอดทน และมีความอดทนในทุกสิ่ง พร้อมทั้งมีความยินดี
อ.เปาโลเน้นให้ดำเนินชีวิตที่เป็นประโยชน์
ทต3:8 คำกล่าวนี้สัตย์จริง ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเน้นเรื่องเหล่านี้ เพื่อพวกที่เชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้มุ่งทำการดี การกระทำเหล่านี้ดีและเป็นประโยชน์กับทุกคน
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com
รายการอ้างอิง
1https://biblehub.com/greek/2592.htm
2https://biblehub.com/greek/2590.htm
3https://biblehub.com/greek/3056.htm
4https://biblehub.com/commentaries/maclaren/luke/8.htm
5https://biblehub.com/greek/2722.htm
6https://biblehub.com/greek/2570.htm
7https://biblehub.com/greek/18.htm
8https://biblehub.com/greek/4920.htm
9https://biblehub.com/greek/3858.htm
10https://biblehub.com/greek/5281.htm
11https://biblehub.com/commentaries/bengel/luke/8.htm