หลังจากที่ท่านได้ศึกษาบทเรียน
“วิถีชีวิตธรรมิกชน และวิถีชีวิตคริสเตียนจบแล้ว”
หวังว่าท่านคงได้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าผู้ยกโทษความผิดบาปทั้งปวง เพื่อให้ท่านได้เริ่มชีวิตใหม่ในพระองค์ ขอพระพรและสันติสุขของพระเจ้าอยู่กับท่านในทุกสถานการณ์ ให้ท่านมีชัยชนะโดยพระเจ้าผู้ทรงรักท่านอย่างมากมาย
บทเรียนต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิตของท่านในการรับใช้พระเจ้าโดยเป็นประโยชน์ต่อการสร้างชีวิตของท่าน และผู้อื่นจะได้รับพระพรจากชีวิตท่านเช่นกัน
เมื่อท่านได้ศึกษาก้าวที่ 19 เรื่อง “ชีวิตที่สร้างสาวกของพระเจ้า” บทเรียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ
“วิถีชีวิตผู้รับใช้”
ซึ่งจะรวบรวมขึ้นในอนาคต มีทั้งหมด 7ก้าว คือ ก้าวที่ 19-25 โดยเขียนมาจากการใช้เวลาเฝ้าเดี่ยวส่วนตัวกับพระเจ้าแบบ A.C.T.S.
ความตั้งใจของผมในการเขียนบทเรียนนี้ เพื่อให้ท่านสามารถเห็นชีวิตของท่านที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้อย่างมากมาย เมื่อท่านได้เรียนรู้เรื่องจากพระวจนะของพระเจ้าผ่านการอ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ได้ด้วยตนเอง ผมมีความคาดหวังให้ท่านอ่านบทเรียนนี้
“เพื่อท่านจะเป็นพระพรทำดีให้ผู้อื่นมาเชื่อวางใจเรื่องพระเจ้า ส่งผลให้ท่านมีชีวิตที่เติบโตขึ้น”
เมื่อท่านอ่านจนจบหวังว่าท่านจะเป็นพระพรกับผู้อื่นได้ ทำดีต่อผู้อื่นได้ และขอให้ท่านรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ขอพระเจ้าอวยพรครับ
1ธส2:7-16
7เราในฐานะอัครทูตของพระคริสต์จะเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ก็ได้ แต่เราอยู่ในหมู่พวกท่านด้วยความสุภาพอ่อนโยน เหมือน มารดาที่เลี้ยงดูลูกของตน 8เมื่อเรารักท่านอย่างนี้แล้ว เราก็มีใจพร้อมที่จะเผื่อแผ่เจือจาน ไม่ใช่แต่เพียงข่าวประเสริฐของพระเจ้าเท่านั้น แต่อุทิศตัวเราให้แก่ท่านด้วย เพราะท่านทั้งหลายเป็นที่รักยิ่งของเรา 9พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเรา เมื่อประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้ท่านฟัง เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน 10ท่านเป็นพยานฝ่ายเรา และพระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยว่าเราได้ประพฤติตัวบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม และปราศจากข้อตำหนิในหมู่พวกท่านที่เชื่อ 11ดังที่ท่านรู้แล้วว่า การวางตัวของเราก็เหมือนบิดาทำต่อบุตร 12คือเตือนสติ หนุนใจและกำชับ
“ให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมต่อพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านให้เข้ามาในแผ่นดินและในพระสิริของพระองค์ “
13เราขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายได้รับพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งท่านได้ยินจากเรา ท่านไม่ได้รับไว้อย่างเป็นคำของมนุษย์ แต่ได้รับไว้ตามความเป็นจริง คือเป็นพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งกำลังทำงานอยู่ภายในท่านที่เชื่อ
14พี่น้องทั้งหลาย ท่านปฏิบัติตามอย่างคริสตจักรที่อยู่ในแคว้นยูเดีย ซึ่งเป็นของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ เพราะว่าท่านได้รับความลำบากจากพวกพ้องของตน เหมือนที่คนเหล่านั้นได้รับจากชาวยิวด้วยกัน 15พวกยิวได้ปลงพระชนม์พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ประหารชีวิตพวกผู้เผยพระวจนะ และได้ขับไล่เราออกไป พวกเขาขัดพระทัยพระเจ้า และเป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษย์ทุกคน 16โดยขัดขวางไม่ให้เราประกาศแก่คนต่างชาติเพื่อให้ได้รับความรอด การทำเช่นนี้ส่งผลให้บาปของพวกเขาเต็มเปี่ยม แต่ในที่สุดพระพิโรธของพระเจ้าก็ตกอยู่เหนือพวกเขา
“ก้าวที่ 19 ชีวิตที่สร้างสาวกพระเจ้า”
A : Attitude
เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?
ตอบ อัครฑูต คือ คนที่เติบโตทางความเชื่อพระเจ้า มีหน้าที่เตรียมคนของพระเจ้าให้ทำการดีของพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่เขามีต่อผู้เชื่อคือเป็นพ่อที่กำชับให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับพระเจ้า
“เป็นเหมือนแม่ที่รักเลี้ยงดูลูกของตน”
ซึ่งอ.เปาโล ในฐานะผู้ที่เป็นผู้ใหญ่และเติบโตความเชื่อในพระเจ้าท่านดูแลผู้เชื่อแบบพ่อแม่ เป็นแบบอย่าง อุทิศตัว ไม่เป็นภาระ ประพฤติตัวอย่างดี เพื่อประโยชน์ของบุตรของตน
ยิ่งกว่านั้นอ.เปาโลทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้เลี้ยงจิตวิญญาณของผู้เชื่อให้เติบโตขึ้นในความเชื่อพระเจ้าอีกด้วย อ.เปาโลเปรียบเป็นเหมือนเหมือนผู้เลี้ยงแกะที่เลี้ยงดูแกะให้เติบโต
C : Christ in focus
เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?
ตอบ ที่อ.เปาโลเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เชื่อที่เมืองเธสะโลนิกา(ประเทศกรีก) เพราะท่านเห็นและเลียนแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ที่สร้างชีวิตอ.เปาโล ผ่านสถานการณ์ต่างๆในชีวิตของท่าน ถ้าเราดูในพระคัมภีร์จะเห็นพระเยซูส่งสั่งสอนสาวกด้วยพระวจนะอย่างมาก และเมื่อสาวกเข้าใจ เขาก็สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความเชื่อในพระเจ้า และส่งต่อให้คนรุ่นต่อๆไป จนมาถึงเราทุกวันนี้
ความสัมพันธ์ที่พระเยซูในฐานะพระบุตรของพระเจ้าพระบิดา ทำให้เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ในฐานะบุตรเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างมาก
ทุกวันนี้พระเยซูยังคงอธิษฐานเผื่อสาวก พระองค์ยังทรงประทานฤทธิ์เดช สิทธิอำนาจของพระองค์ให้พวกสาวกมีชัยชนะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคปัญหาการดำเนินชีวิตและการรับใช้ได้ ขอให้เราร่วมมือกับพระเยซู
T : Transformation
เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง?
ตอบ เมื่อเราเติบโตขึ้นในความเชื่อพระเจ้า ผ่านทางพระคัมภีร์
รับความจริงเพื่อให้พระวจะทำงานในใจของเรา
เราจะดำเนินชีวิตตามพระทัยพระเจ้า เราต้องเป็นแบบอย่างความเชื่อที่ดี สัมพันธ์ต่อผู้เชื่อคนอื่นอย่างดีเห็นเขาเป็นพี่น้องในความเชื่อ ร่วมกันกับคริสตจักร(ผู้ที่เชื่อในพระเยซู) ที่ทำตามพระวจนะของพระเจ้า
สำหรับคนที่เรามีโอกาสเป็นผู้เลี้ยง หรือผู้สร้างชีวิตผู้อื่นในความเชื่อพระเจ้า เราต้องทำหน้าที่ผู้เลี้ยงอย่างดีจากความสัมพันธ์ใกล้ชิด เหมือนพ่อแม่ที่ดูแลบุตรของตนอย่างดี เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ทางความเชื่อต่อไป
S : Serve
เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?
ตอบ เมื่อเจออุปสรรคปัญหาการดำเนินชีวิตจากสังคมรอบข้าง เพราะเรามีความเชื่อในพระเจ้า เราต้องเข้าใจความจริงว่า พระเยซูผู้เป็นพระเจ้ายังถูกคนอิสราเอลชนชาติเดียวกับพระองค์จับตรึงที่กางเขนจนสิ้นพระชนม์เลย เราก็ไม่ต้องท้อใจที่มีคนไม่เข้าใจในความเชื่อของเรา พระเจ้าจะทรงเป็นคนให้พระพิโรธของพระองค์ตกอยู่กับเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องไปโกรธ
ขอเพียงแต่ให้เราดำเนินชีวิตกับพระเจ้าต่อไป หาโอกาสที่จะแบ่งปันชีวิตกับผู้อื่น สร้างความสัมพันธ์สนิทสนมเหมือนบิดามารดาทำดีต่อผู้เชื่อ เพื่อวันหนึ่งเขาจะเชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อเขาจะเติบโตขึ้นในความเชื่อ
เพื่อเขาจะเป็นสาวกที่ดีของพระเยซู และไปสร้างสาวกเพื่อเป็นพระพรต่อผู้อื่นต่อไป