อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี
คริสตจักรพระวิญญาณบริสุทธิ์หนามแดง
เสาร์ที่ 3 พ.ย.2018
สดด19:7-14
7 ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อมและฟื้นฟูชีวิต พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นแน่นอนทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา 8 ข้อบังคับของพระยาห์เวห์นั้นถูกต้องทำให้ใจยินดี พระบัญญัติของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์ทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง 9 ความยำเกรงพระยาห์เวห์นั้นสะอาดหมดจดถาวรเป็นนิตย์กฎหมายของพระยาห์เวห์ก็สัตย์จริงและชอบธรรมทั้งสิ้น 10 น่าปรารถนามากกว่าทองคำยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์มากนักหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดลงจากรวง 11 อนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นที่ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์ การรักษาข้อความเหล่านั้นก็ได้บำเหน็จยิ่งใหญ่ 12 แต่ผู้ใดจะเห็นความผิดพลาดของตนได้เล่า? ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่ 13 ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากการทำบาปโดยตั้งใจนั้นด้วยเถิดขออย่าให้มันมีอำนาจเหนือข้าพระองค์เลยแล้วข้าพระองค์จะไร้ตำหนิและพ้นผิดจากการละเมิดใหญ่หลวงนั้น 14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจเป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย
เวลาที่เรานมัสการพระเจ้าขอให้เราเอาหัวใจมาด้วย เพื่อเราจะรู้ว่าพระเจ้าจะตรัสอะไรกับเรา หัวข้อที่เราจะเรียนด้วยกันในวันนี้คือ
“ พระวจนะของพระเจ้ากับ
คนของพระเจ้าที่เชื่อพระวจนะนั้น”
แปลได้ว่า คนที่เชื่อพระเจ้ากับพระวจนะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน แค่ความจริงเรากับพบว่าพระวจนะพระเจ้า กับคนของพระเจ้าห่างเหินกันเกินไป คนของพระเจ้าไม่ค่อยอยากอ่านพระคัมภีร์ คนของพระเจ้ากับพระคัมภีร์ ไม่ค่อยได้ไปด้วยกัน เพราะพระคัมภีร์หนักพกยาก
สิ่งที่เราทั้งหลายควรต้องทำในฐานะที่เป็นคนของพระเจ้า เราควรจะมีชีวิตที่สัมพันธ์กับพระเจ้า และพระวจนะของพระเจ้า คือ
รักพระเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของพระวจนะ เรามีความรักพระเจ้าในชีวิตมากขึ้นไหม พระเยซู ถามเปโตรว่าเจ้ารักเราหรือ ไม่ได้ถามว่าเจ้ารู้สึกกลัวไหม
เชื่อพระวจนะของพระเจ้า – ตามที่พระองค์ทรงสำแดงไว้ทั้งสิ้น
ทำตามพระวจนะ – ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตประจำวันจากพระเจ้า
พระวจนะที่นำมาเป็นหลักสำหรับบทเรียนในเช้าวันนี้คือ พระธรรม สดด.๑๙:๗–๑๔ ซึ่งให้บทเรียนแก่เราดังต่อไปนี้
๑. (๗ – ๙) ความน่าเชื่อถือของพระวจนะของพระเจ้า สำหรับคนของพระเจ้า เพื่อคนของพระเจ้าจะได้เป็นคนที่น่าเชื่อถือเท่าพระวจนะของพระเจ้า
ซึ่งเกิด ขึ้นจากการดำเนินชีวิตการดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าที่น่าเชื่อถือนี้
ในข้อ ๗–๙ นี้ได้รวบรวมความน่าเชื่อถือของพระวจนะของพระเจ้าไว้หลายประการด้วยกันดังนี้
ประการที่๑ (ข.๗ ) ดีพร้อม
หมายถึง ไม่มีที่ติ ไม่มีข้อบกพร่องเลย
พระวจนะของพระเจ้า ดีพร้อมสำหรับเรา ทุกเรื่อง ทุกตอน
เพราะพระคัมภีร์ทุกตอนเขียนขึ้นมาจากการดลใจของพระเจ้าผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ ๒ทธ.๓:๑๖ “ พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม”
ในบรรดาสิ่งทรงสร้าง คนเรื่องเยอะมากที่สุดในการทรงสร้าง แต่พระวจนะมีคำตอบสำหรับทุกคนที่เรื่องเยอะ
ถ้าเราเชื่อถือพระวจนะ เวลามีปัญหาต้องกลับมาที่พระวจนะ ทำความเข้าใจ ทำให้มีความรู้
ข้อพระคัมภีร์นั้นอยู่ตรงไหน
ที่แก้ไขปัญหาของเราได้
อย่าให้ปัญหาอยู่กับเรานานเกินไป ความจริงเวลาที่เรามาคริสตจักรปัญหาต้องหมดไปแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้น เพราะเราไม่รู้พระวจนะที่เกี่ยวกับปัญหานั้น เราควรจัดเวลาอ่านพระคัมภีร์อย่างจริงจัง
มธ.๕:๔๘ เพราะฉะนั้น พวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม
พระธรรมข้อนี้ชี้ให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า พระเยซูทรงปรารถนาที่จะให้เราที่เป็นคนของพระเจ้าทุกคน เป็นคนดีพร้อมในมาตรฐานเดียวกับพระเจ้าพระบิดาในสวรรค์
การที่เราจะเป็นคนดีพร้อมเหมือนพระบิดาในสวรรค์ได้นั้นมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือ ดำเนินชีวิตทุกด้าน ทุกก้าว ตามพระวจนะที่ดีพร้อมของพระเจ้าทุกวัน และทุกเวลา
ดีพร้อม โดยดำเนินชีวิตตามพระวจนะ ไม่ใช่ตามใจตนเอง ปัญหาคือเราทำตามใจตนเองไม่ใช่ตามพระวจนะ
เมื่อเราเป็นคนน่าเชื่อถือเมื่อไหร่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นง่ายมาก ใครที่เชื่อถือเราเขาก็จะให้ความร่วมมือ การที่จะนำคนมาเชื่อพระเจ้าก็จะทำได้ง่ายด้วย
ตัวอย่าง การขายสินค้าได้ดี หากน่าเชื่อถือ ทุกวันนี้ที่มีคนหลอกลวงคนได้มากมาย เพราะมีความน่าเชื่อถือ ทั้งที่ไม่ใช่ความจริง
ประการที่๒ (ข.๗ )
(พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้น) แน่นอน
หมายถึง ความน่าไว้ใจทุกเวลา ทุกยุคทุกสมัย ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา หรือตามสถานการณ์ ใช้ได้กับทุกคน ทุกประเภท ทุกชนชั้น
สดด.๑๑๑:๗ 7ผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์นั้นคือความซื่อสัตย์ (สุจริต)และความยุติธรรม ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระองค์ก็ไว้ใจได้
เพื่อเราทั้งหลายที่เป็นคนของพระเจ้าจะได้เป็นคนที่น่าไว้ใจ จากวันนี้เป็นต้นไป หากมีใครชวนไปทำอะไรไม่ตรงตามพระคัมภีร์ ไม่ต้องทำเลย ถ้าพระคัมภีร์บอกให้ทำอะไรให้กล้าที่จะทำเลย
ตัวอย่าง พระคัมภีร์บอกให้เรานมัสการพระเจ้าทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่แค่ในรอบนมัสการ ลองถามดูว่าเรานมัสการพระเจ้าแบบนั้นไหม ดูคนไม่เป็นคริสเตียนพวกเขาไม่เห็นการนมัสการพระเจ้าของเราเพราะว่าเขาไม่เห็นคริสเตียนนมัสการพระเจ้า แต่สำหรับคนไม่เชื่อ พวกเขานมัสการรูปเคารพต่อหน้าสาธรณะใครๆก็เห็นได้โดยทั่ว แต่คริสเตียนนมัสการในห้องประชุมไม่มีใครเห็น ลองเก็บไปคิดดูเรื่องนี้ ที่พระเยซูสอนเราอธิษฐานขอให้พระนามพระเจ้าเป็นที่สักการะ ทำอย่างไรจึงจะให้พระนามพระเจ้าเป็นที่สักการะจริงๆ
พระวจนะน่าเชื่อถือ ทำให้คนของพระเจ้าน่าเชื่อถือ
๑คร.๔:๒ ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่า ต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้
คำถามคือ คนในห้องประชุมทุกคนมีความไว้วางใจได้หรือ น่าเชื่อถือได้เท่าเทียมกันไหม คำตอบ ทุกคนจะเท่าเทียมได้ก็ต่อเมื่อทำตามพระวจนะเหมือนกัน
ประการที่๓ (ข.๘) ถูกต้อง
หมายถึง เป็นมาตรฐานที่เที่ยงตรงที่สุด
และมีมาตรฐานเดียว ไม่ใช่สองมาตรฐาน สังคมไทยมีกฎหมายเดียวแต่หลายมาตรฐาน เช่นคนรวยล่าสัตว์ป่า กับคนจน โดนดำเนินคดีแตกต่างกัน
คำว่าสองมาตรฐานในแง่มุมของคริสเตียนที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆคือ ถ้าเป็นสมาชิกธรรมดา(ผู้เชื่อใหม่)ก็ไปอย่าง นี่เป็นถึงระดับผู้นำ . . .
ไม่มีพระคัมภีร์ตอนไหนที่บอกว่าพระเจ้าจะใช้มาตรฐานในการพิจารณาคนของพระองค์แตกต่างกัน ระหว่าง สมาชิกกับผู้นำ หรือระหว่างผู้รับใช้เต็มวลากับฆารวาส เป็นต้น
๒ทธ.๓:๑๖–๑๗ พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้า (ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ ทุกตำแหน่ง ทุกหน้าที่ ทุกยุค ทุกสมัย) จะมีความสามารถ และพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง
ประการที่๔ บริสุทธิ์
หมายถึงไม่มัวหมองหรือคลุมเคลือ คือมีความชัดเจน
สีขาวล้วน ไม่มีสีอื่นเจอปน ไม่เป็นสีเทา ขาวแบบฉลองพระองค์ของพระเยซูคริสต์ในเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ใน
มก.๙:๒–๓ “หกวันต่อมา พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบและยอห์น ขึ้นภูเขาสูงตามลำพัง แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ จนไม่มีช่างฟอกผ้าคนใดในโลก จะฟอกให้ขาวอย่างนั้นได้
เพื่อชีวิตของเราที่ดำเนินอยุ่ในสังคมโลกนี้จะได้บริสุทธิ์ เหมือนความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ผ่านการดำเนินชีวิตตามพระวจนะที่บริสุทธิ์ของพระองค์”
เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวจนะเพื่อใจเราจะบริสุทธิ์ พระเจ้าเรียกร้องเราให้เป็นคนบริสุทธิ์ เพราะพระเจ้าบริสุทธิ์
๑ปต.๑:๑๔–๑๖ เช่นเดียวกับบุตรที่เชื่อฟัง อย่าประพฤติตามกิเลสตันหา อันเกิดจากความโง่เขลาของพวกท่านในอดีต แต่พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นบริสุทธิ์อย่างไร พวกท่านเองก็จงเป็นคนบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านอย่างนั้น เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า พวกท่านจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเองบริสุทธิ์
พระเจ้าให้เขียนพระวจนะบริสุทธิ์ไว้ เพื่อให้คนบาปจะถูกชำระให้เป็นคนบริสุทธิ์ได้ หากเราเป็นคนชอบธรรมอาจจะมีคนไม่ชอบเราก็ได้ แต่พระเจ้าชอบ เราต้องจริงจังในเรื่องการใฝ่หาความรู้ในพระคัมภีร์เพื่อจะดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ตามพระคัมภีร์
ประการที่๕ (ข.๙) สัตย์จริง
หมายถึง ความสัตย์จริงที่ไม่เคยเสื่อมคลาย หรือ ความสัตย์จริงที่ไม่ได้ปนเปื้อนกับความเท็จใดๆเลย ไม่มีโกหก ไม่มีคำไหนไม่จริง เพื่อชีวิตของเราทั้งหลายจะได้เป็นคนซื่อสัตย์ และดำเนินชีวิตบนความจริงทุกประการ
๑ทธ.๓:๑๕ ถ้าข้าพเจ้ามาช้า ท่านก็จะได้รู้ว่า ควรประพฤติอย่างไรภายในครอบครัวของพระเจ้า ซึ่งเป็นคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เป็นหลักและเป็นรากฐานแห่งความจริง
เป็นไปได้ไหมที่คริสตจักรของพระเจ้า จะดำเนินไปโดยไม่มีความคิดของฝ่ายโลกแทรกแทรง เพราะในคริสตจักรมีคนฉลาด คนอัจริยะเยอะ เราควรจักเวลาส่วนตัวศึกษาพระวจนะ เพื่อจะดำเนินชีวิตในพระวจนะ จะมีกลิ่นไอความจริงทุกอย่างถ้าเราดำเนินชีวิตในความจริง คริสตจักรต้องเป็นคำตอบให้คนที่แสวงหาความจริง ถามตัวเองวันนี้เราพูดจริงหรือพูดโกหกมากน้อยขนาดไหนในชีวิตประจำวัน
ยุคนี้เป็นยุคหาความจริงยาก นอกจากพระวจนะของพระเจ้านี่แหละที่เป็นความจริง
คนที่แต่งงานแล้ว ภรรยาเคยถามสามีไหมทำไมกลับดึก ถ้าตอบอึกอักๆก็แสดงว่ามีไม่จริงบ้าง ถ้าอยากนอนหลับได้ บางครั้งบางอย่างก็ต้องแกล้งเชื่อจะได้ไม่มีปัญหา
ทุกครั้งที่เราพูดขอให้พูดความจริง เกิดขึ้นได้ตามพระวจนะ พระเยซูเป็นชีวิต เป็นความจริง พระองค์เป็นพระวาทะ ยน1:1ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า ,14 พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง
คนบาปเป็นคนจริงได้โดยฝังตัวในพระวจนะ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นไม่มีใครมีความน่าเชื่อถือสักคน
อีกไม่นานจะมีการจัดเลือกตั้งจะมีคนสัญญามากมาย ทำให้รถไม่ติด พอได้เป็นสส.รถก็ยังติดเหมือนเดิม สำหรับคริสเตียนจริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ อย่าสาบาน
ส่วนในด้านของความซื่อสัตย์นั้น มากจากผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา
กท.๕:๒๒ ส่วนผลของพระวิญญาณนั้นคือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์
ทั้งนี้จะเป็นไปได้ก็โดยการดำเนินชีวิตตามวิถีแห่งพระวจนะของพระเจ้าเพียงวิถีเดียวเท่านั้น
ยน.๑๗:๑๗ ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
ส้งคมไทย ส่วนใหญ่เชื่อคนที่อมพระมาพูด หรือถ้ารู้ว่าคนนั้นโกหก ก็จะบอกว่าต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ พูดพระวจนะต้องพูดความจริง เพราะความจริงจะเป็นความจริงอยู่วันยังคำ่ เพื่อชีวิตเราจะได้เป็นความจริงของพระเจ้า ในสายตาของคนอื่น
ประการที่๖ ชอบธรรมทั้งสิ้น
หมายถึง ความจริง ความถูกต้อง ยุติธรรม บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ ดีงาม คุณธรรม ฯลฯ.
พระวจนะชอบธรรมเพื่อเราจะได้รับการชำระให้เป็นคนชอบธรรม ต้องดำเนินชีวิตให้ชอบธรรมคงอยู่ต่อไป ตาม พระวจนะของพระเจ้า
ในพระคัมภีร์ใช้คำว่า “ความสว่าง” ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากเรา
๑ยน.๑:๕–๗ นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกกับพวกท่านคือว่าพรเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย ถ้าเราจะว่า เรามีสามัคธรรมกับพระองค์ขณะที่ยังเดินอยู่ในความมืด เราก็โกหกและไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกันและพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น
ดังนั้นเราต้องดำเนินชีวิตในความสว่าง เพื่อจะได้ดำรงค์อยู่ในความชอบธรรมทั้งสิ้นของพระเจ้า พระเจ้าเป็นความสว่างไม่มีความมืดในพระองค์เลย หมายถึง ความชอบธรรมของพระเจ้านั้น ไม่มีบาปหรือความอธรรมเลย คนของพระเจ้าต้องดำเนินชีวิตแบบพระเจ้า เช่น อย่าฝ่าไฟแดง ฝ่าครั้งใดความบาปก็เข้ามา ไม่ใช่บอกว่าใครๆก็ทำผิดได้ หลายครั้งคนทำผิดขอพระเจ้าทรงอวยพร คนชอบร้องขอพระเจ้าแม้เวลาทำบาปเขาไม่เข้าใจ
ความมืดในพระองค์ไม่มีเลย
คนของพระเจ้าก็เช่นกัน
มนุษย์บาปหนาพระคัมภีร์ก็เลยต้องหนาเพื่อการชำระบาปในชีวิต หลายครั้งคนถามว่าสูบบุหรี่ผิดไหม เราทำลายพระวิหารพระเจ้าเราคิดว่าบาปไหม เช่น คนสูบบุหรี่บอกว่าไม่มีพระคัมภีร์เขียนไว้
วว22:11 จงให้คนอธรรมประพฤติการอธรรมต่อไป จงให้คนโสมมประพฤติการโสมมต่อไป จงให้คนชอบธรรมทำการชอบธรรมต่อไปและจงให้คนบริสุทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป
พระเจ้าอนุญาตให้ทำบาปได้ ทำบาปต่อไปได้ คนชอบธรรมก็ทำชอบธรรมต่อไป
การที่จะวัดว่าเราเป็นคนของพระเจ้า หรือไม่อยู่ที่ดำเนินชีวิตอย่างไร ไม่ใช่วัดจากการที่มานมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรเท่านั้น วันนั้นเมื่อพระเยซูกลับมาเราสะอึกแน่นอน หรือก่อนพระองค์กลับเราอาจจบชีวิตเมื่อไหร่ก็ได้
อฟ.๕:๘–๙ เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง เพราะว่าผลของความสว่างคือ ทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง เวลาที่เราพูดอะไรคนจะเชื่อ เพราะเราดำเนินตามพระวจนะ ถ้าเราน่าเชื่อถือ คนจะเชื่อถือ คนตามเราเขาไม่โง่ เขารู้ว่าใครน่าเชื่อถือ คนสัมผัสได้ ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
( หมายเหตุ : การเทศนาวันนี้จบที่ประเด็นที่ 1 )
๒. (ข. ๗ – ๑๑) คุณประโยชน์ของพระวจนะของพระเจ้าสำหรับคนของพระเจ้าที่เชื่อถือพระวจนะของพระองค์
ประการที่๑ (ข.๗.) ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
ยรม.๑๕:๑๖ เมื่อพบพระวจนะของพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็กินเสีย พระวจนะของพระองค์เป็นความชื่นบานแก่ข้าพระองค์ และเป็นความปิติยินดีแห่งจิตใจของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพ เพราะว่าเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์
ประการที่๒ ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา ถึงแม้จะอ่อนต่อโลก หรือด้อยประสบการ หรือไม่ทันคน ก็จะไม่ถูกหลอก เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า สภษ๑:๑–๖
ประการที่๓ (ข.๘.) กระทำให้ใจยินดี ยน.๑๕:๑๐–๑๑
ประการที่๔ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง
ฮบ.๖:๔–๕ เพราะว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว และได้ลิ้มรสของประทานจากสวรรค์ ได้มีส่วนร่วมในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้ลิ้มรสความดีงามแห่งพระวจนะของพระเจ้า และฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะมาถึง
๒ปต.๑:๑๙ และเรามีคำเผยพระวจนะที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก จะเป็นการดีถ้าพวกท่านจะเอาใจใส่คำนั้น เพราะคำนั้นเป็นเสมือนตะเกียงที่ส่องสว่างในที่มืด จนกว่าแสงอรุณจะขึ้นและดาวรุ่งจะผุดขึ้นในใจของพวกท่าน
สดด.๑๑๙:๑๐๕ พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์
สดด.๑๑๙:๑๓๐
ประการที่๕ (ข.๙) ทำให้ความยำเกรงพระเจ้าของเรา สะอาดหมดจด และดำรงค์ความยำเกรงพระเจ้าที่สะอาดหมดจดนั้นต่อไปเป็นนิตย์
สดด.๓๔:๑๑ มาเถิด ลูกเอ๋ย มาฟังเรา เราจะสอนเจ้าถึงความยำเกรงพระยาห์เวห์
เราจะเรียกรู้เรื่องความยำเกรงพระเจ้าได้จากพระวจนะของพระเจ้า เพื่อความยำเกรงพระเจ้าของเราจะได้สะอาดหมดจด ตามพระวจนะของพระเจ้าที่บริสุทธิ์
ประการที่๖ (ข.๑๐) มีคุณประโยชน์ยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง โดยเฉพาะทองที่เนื้อบริสุทธิ์ก็ยังมีประโยชน์น้อยกว่า พระวจนะของพระเจ้า มากนัก
สดด.๑๑๙:๗๒ สำหรับข้าพระองค์ ธรรมบัญญัติจากพระโอษฐ์ของพระองค์ก็ดีกว่าทองคำและเงินเป็นพันๆแท่ง
ประการที่๗ มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าคุณประโยชน์ที่ได้จากน้ำผึ้งที่หยดลงจากรวง
สภษ.๒๔:๑๓–๑๔ ลูกเอ๋ย จงกินน้ำผึ้ง เพราะเป็นของดี อันน้ำผึ้งที่หยดจากรวงนั้นมีรสหวานแก่ลิ้นของเจ้า จงรู้เถิดว่าปัญญาก็เป็นเช่นนั้นแก่วิญญาณของเจ้า ถ้าเจ้าพบปัญญาก็จะมีอนาคต และความหวังของเจ้าจะไม่สลาย
แต่พระวจนะของพระเจ้านั้นดีกว่ามากนัก
สดด.๑๑๙:๑๐๓ พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์
ประการที่๘ เป็นอุปกรณ์จากพระเจ้าที่ใช้ในการตักเตือนคนของพระเจ้า ผู้รับใช้ของพระเจ้า และเป็นช่องทางที่คนของพระเจ้าใช้ก้าวไปสู่การรับบำเหน็จอันยิ่งใหญ่ จากพระเจ้า
๓. (ข.๑๒–๑๔) คำอธิษฐานของคนของพระเจ้าที่เชื่อถือพระวจนะของพระเจ้า เพื่อจะเป็นคนของพระเจ้าที่น่าเชื่อถือผ่านทางการปฏิบัติตามพระวจนะนั้น
จะอธิษฐานขอพระเจ้า ให้. . .
ประการที่๑ (ข.๑๒) เปิดเผยให้เห็นความผิดบาปของตนเองที่ทำโดยไม่ตั้งใจ (ผ่านทางพระวิญญาณบร้สุทธิ์ (ยน.๑๖:๗–๘)
ประการที่๒ ทรงชำระชีวิตให้สะอาดด้วยพระวจนะของพระองค์ (ยน.๑๗:๑๗)
ประการที่๓ (ข.๑๓) ยับยั้งไม่ให้ตัวเองไปทำบาปด้วยความตั้งใจ . . .ปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากอำนาจของความบาป . . . ช่วยให้สามารถรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ ไม่มีตำหนิ และพ้นจากการทำความผิดและการทรยศที่ยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้า ประการที่๔ (ข.๑๔) ช่วยให้ปากกับใจตรงกันในทางที่บริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระเจ้า คนส่วนใหญ่ จะมีเรื่องที่ปากใจไม่ตรง กัน ปากพูดดีใจไม่สะอาด ส่วนที่เหลือ ปากกับใจจะตรงกันในทางที่ไม่ดี
สรุป ๑ปต.๑:๒๔–๒๕
สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com